กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดย สวทช. เตรียมจัดงานประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2561 หรือ “NAC2018” (แนค 2018)ยิ่งใหญ่ ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี โชว์ศักยภาพผลงานวิจัยและพัฒนาของ สวทช. และเครือข่ายพันธมิตร ตอบโจทย์ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมหลักในการพัฒนาประเทศ เชิญชวนเข้าชมงานที่ได้ทั้งความรู้ โอกาสในการทำธุรกิจ ได้ทำงานและได้ทุนศึกษาต่อ มีสัมมนากว่า 40 เรื่อง มีการ “เปิดบ้าน” จูงมือ “นักลงทุน” ชมห้องปฏิบัติการวิจัย หน่วยงานทดสอบมาตรฐานที่ทันสมัยระดับโลก “สตาร์ทอัพ” สามารถรับคำแนะนำฟรีเพิ่มโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ ตอบโจทย์พัฒนาประเทศด้วยวิทย์-เทคโนฯ-นวัตกรรม (วทน.) อีกทั้งมีโอกาสเจองานที่ชอบจาก 120 บริษัท ที่เปิดรับกว่า 2,000 ตำแหน่งและการให้คำแนะนำเรื่องทุนการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พร้อมด้วยดร.จุลเทพ ขจรไชยกูล ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) สวทช. ในฐานะประธานจัดงานฯ แถลงการจัดงานประชุมวิชาการ สวทช. ประจำปี 2561 (NSTDA Annual Conference: NAC2018) ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 14 จัดภายใต้หัวข้อ “ตอบโจทย์ประเทศไทยด้วยงานวิจัยประเด็นมุ่งเน้น” ในวันที่ 9 – 13 มีนาคม 2561 ณ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี
ดร.ณรงค์ กล่าวว่า สวทช. ในฐานะเป็นหน่วยวิจัยและพัฒนาของประเทศผ่านการทำงานของ 4 ศูนย์แห่งชาติ และบริหารจัดการเพื่อนำงานวิจัยไปสู่ภาคส่วนต่างๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs สตาร์ทอัพ เกษตรกร และอุตสาหกรรม พร้อมสร้างความเชื่อมั่นว่า วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม มีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนให้ประเทศก้าวข้ามขีดจำกัดและมุ่งสู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งถือเป็นโจทย์สำคัญของประเทศ โดยในงานประชุมวิชาการในปีนี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ตอบโจทย์ประเทศไทยด้วยงานวิจัยประเด็นมุ่งเน้น” ที่ สวทช. มุ่งเน้นไปยัง 5 กลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญและส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการนำเสนอในรูปแบบของการสัมมนาแบบเจาะลึกและการจัดแสดงนิทรรศการโดยนักวิจัยเจ้าของผลงาน
“สำหรับ“งานวิจัยประเด็นมุ่งเน้น” สวทช. ได้ดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของ สวทช. ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2560-2564) โดยให้ความสำคัญกับการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ด้วยงานวิจัยที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ใน 5 ด้าน ได้แก่ 1) อาหารเพื่ออนาคต เพื่อส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 2) ระบบขนส่งสมัยใหม่ ที่มีเป้าหมายต่อยอดเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนระบบราง และอุตสาหกรรมอากาศยานไร้คนขับและชิ้นส่วนอากาศยาน เป็นต้น 3) การสร้างเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตคนไทย เพื่อพัฒนานวัตกรรมเครื่องมือแพทย์ สุขภาวะของผู้สูงอายุ ผู้พิการ กับบริการด้านสุขภาพและสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งในอนาคตคนรุ่นใหม่จะมีภาระต้องดูแลผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนวัตกรรม จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา ช่วยในการดูแลผู้สูงวัยได้
4) เคมีชีวภาพและเชื้อเพลิงชีวภาพ เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ โดยมุ่งสร้างอุตสาหกรรมชีวเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง จากฐานความหลากหลายทางชีวภาพที่เป็นจุดแข็งของประเทศ และ 5) นวัตกรรมเพื่อการเกษตรยั่งยืน ที่จะพัฒนาพันธุ์พืชให้มีผลผลิตสูง มีคุณค่าทางโภชนาการและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้ รวมทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมส่งผลให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตและมีรายได้ดีขึ้น ส่วนผู้บริโภคก็มีอาหารที่ปลอดภัยและมีสุขภาพดี ซึ่ง สวทช. จะใช้ศักยภาพของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ขับเคลื่อนทุกภาคส่วนเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ และผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป”
ด้านดร.จุลเทพ กล่าวว่า สวทช. ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดการประชุมฯ ในวันที่ 9 มีนาคม 2561 เวลา 09.00-12.00 น. ภายในงานจะมีการสัมมนาที่น่าสนใจจากผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่า 40 เรื่อง โดยมีทั้งเรื่องราวความรู้ของ 5 ประเด็นวิจัยมุ่งเน้นที่ สวทช. ดำเนินการเพื่อตอบโจทย์ของประเทศ
ทั้งนี้ตัวอย่างผลงานวิจัยที่จะได้พบในงานอาทิ ได้แก่ ระบบเครือข่ายการผลิตแผ่นรองฝ่าเท้าเฉพาะบุคคลด้วยระบบคอมพิวเตอร์ โดยศูนย์เอ็มเทค และเนคเทค ที่ได้นำเทคโนโลยีสแกน 3 มิติ และซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์การกระจายน้ำหนักของฝ่าเท้าเพื่อนำข้อมูลไปออกแบบแผ่นรองฝ่าเท้าด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีความละเอียดและตรงตามรูปเท้าของแต่ละบุคคลมากขึ้น รวมทั้งสร้างระบบเครือข่ายในการบริหารข้อมูลพื้นฐานต่างๆเพื่อให้การบริการผลิตแผ่นรองฝ่าเท้าเฉพาะบุคคลอย่างมีมาตรฐานและคุณภาพที่ดีได้อย่างทั่วถึง
ขณะเดียวกันยังมีนวัตกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ป่วยสมองเสื่อม ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบว่าโรคอัลไซเมอร์เป็นสาเหตุสำคัญของกลุ่มอาการสมองเสื่อมและคาดการณ์ว่า ในปี 2573 ประเทศไทยจะมีผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ เพิ่มสูงขึ้นเป็น 1,117,000 คน เอ็มเทค สวทช. ได้ร่วมออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยสมองเสื่อม กับโรงพยาบาลรามาธิบดี และสถาบันประสาทวิทยา โดยใช้กระบวนการการออกแบบ Human-centric design ที่เข้าใจบริบทและความต้องการของผู้ใช้ ได้แก่ “เกมฝึกสมอง” (MONICA) สำหรับช่วยกระตุ้นและฝึกสมองผู้สูงอายุ ด้านสมาธิ ความจำ การเรียนรู้ การมองเห็นและตอบสนอง การวางแผนและตัดสินใจ และภาษา อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ “ผ้ากระตุ้นสมอง” (AKIKO) ซึ่งเป็นผ้าห่มที่มีความอ่อนนุ่มและสวยงาม ช่วยทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกผ่อนคลาย ลดความกระวนกระวาย กระตุ้นประสาทสัมผัสและความทรงจำที่ดี สามารถใส่รูปภาพหรือกลิ่นหอมที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความคุ้นเคยและความชอบของผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ยังมีผลงาน eLysozymeTM (เอนฮานซ์ ไลโซไซม์) จากไข่ขาว ของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ร่วมกับบริษัทเอกชน วิจัยและพัฒนาไลโซไซม์ประสิทธิภาพสูงที่สามารถยับยั้งแบคทีเรียได้ดี ครอบคลุมทั้งแบคทีเรียที่ทำให้อาหารเน่าเสีย แบคทีเรียก่อโรคที่มักพบปนเปื้อนในอาหาร และแบคทีเรียก่อโรคที่มีความสำคัญในระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและปศุสัตว์ โดยผลงานวิจัยดังกล่าวอยู่ระหว่างการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อจัดจำหน่าย
ผลงาน ระบบถอดความเสียงพูดแบบทันต่อเวลาผ่านระบบสื่อสารทางไกล โดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) สวทช. ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้คนพิการทางการได้ยินและผู้สูงอายุที่มีปัญหาการได้ยิน สามารถเข้าใจเนื้อหาข้อมูลในการประชุมสัมมนาหรือรายการโทรทัศน์ได้ ด้วยการอ่านข้อความที่ได้จากการถอดความแบบทันต่อเวลา
และผลงาน อิมัลเจลที่มีอนุภาคนาโนที่กักเก็บน้ำมันหอมระเหยไพลและขมิ้นชันเพื่อบรรเทาปวด โดยศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สวทช. เป็นการพัฒนาอนุภาคนาโนเพื่อการกักเก็บสารสำคัญทางเภสัชภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีการกักเก็บ (Encapsulation technique) ที่ขนาดของอนุภาคอยู่ในช่วง 100-200 นาโนเมตร โดยเน้นที่กลุ่มของน้ำมันหอมระเหยและสารสกัดสมุนไพร สำหรับนำไปพัฒนาเป็นสูตรเภสัชภัณฑ์ใช้ภายนอก ซึ่งอนุภาคนาโนกักเก็บน้ำมันหอมระเหยไพลและขมิ้นชันนี้ มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบของกล้ามเนื้อ ปวดข้อ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคที่ผิวหนัง และด้วยขนาดอนุภาคระดับนาโนทำให้ช่วยลดความเข้มของสีและกลิ่นของสารออกฤทธิ์ สามารถซึมผ่านเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ดี เสริมคุณสมบัติของสารสำคัญที่กักเก็บ และมีความคงตัวเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 ปี จึงเหมาะสำหรับนำไปเตรียมเป็นสูตรตำรับเภสัชภัณฑ์ ไปสู่ระดับอุตสาหกรรมเพื่อการต่อยอดสู่การผลิตได้
ตลอดการจัดงาน 5 วันนั้น จะให้มีกิจกรรมที่หลากหลายและเข้มข้นไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมเปิดบ้าน สวทช. ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนที่สนใจ ได้เยี่ยมชมผลงานวิจัยที่โดดเด่นและหลากหลายจากศักยภาพของบุคลากรวิจัยและห้องปฏิบัติการ ที่มีเครื่องมือเครื่องใช้ทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยของ สวทช. ทั้งยังมีบุคลากรด้านการพัฒนาธุรกิจที่พร้อมให้คำปรึกษาให้แก่ภาคอุตสาหกรรม ในการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียกระดับคุณภาพของสินค้าและบริการ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้
นอกจากนี้ในงานยังมี S&T Job Fair มหกรรมรับสมัครงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่ใหญ่ที่สุดจากบริษัทเอกชนชั้นนำกว่า 120 บริษัท จำนวนกว่า 2,000 ตำแหน่ง อาทิ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่นฯ ไมโครซอฟต์ และ เบทาโกร เพื่อรองรับให้กับผู้ที่ต้องการมองหาตำแหน่งทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะน้องๆ ที่เพิ่งจบการศึกษา หรือผู้ที่ต้องการมองหาความก้าวหน้าท้าทายในตำแหน่งงานใหม่ๆ รวมไปถึงการให้คำแนะนำ เรื่องทุนการศึกษาทั้งในและต่างประเทศ
นอกจากนั้นแล้วสำหรับกลุ่มเด็กและเยาวชน สวทช. พร้อมสร้างเสริมกระบวนการคิดทางวิทยาศาสตร์ให้เยาวชนกับ กิจกรรมสนุกคิดนักวิทย์น้อย ที่ผู้ปกครองสามารถพาน้องๆ มาร่วมสนุกกับกิจกรรมการทดลองทางวิทยาศาสตร์ สนุกไปกับการลงมือทำ ลงมือทดลองที่หลากหลายในรูปแบบนอกห้องเรียน พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมและชุมชนที่นำมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้มีบริการรถรับส่งสำหรับผู้ต้องการไปเยี่ยมชมงานที่บริเวณด้านหน้าวิทยาลัยพยาบาลพระบรมราชชนนีตลอดการจัดงาน (ลงสถานี BTS อนุสาวรีย์ ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าเซนจูรี)