ไทย-สปป.ลาว-เมียนมาร์ ร่วมเปิด
ท่าเรือท่องเที่ยวแห่งแรกภาคเหนือ
บริษัท นิว เชียงแสน กรุ๊ป จำกัด ร่วมกับททท. เทศบาลตำบลเวียงเชียงแสน คณะกรรมการบริหารท่าเรือเวียงเชียงแสน หน่วยงานภาครัฐและเอกชน เปิดท่าเรือท่องเที่ยวแห่งแรกของภาคเหนือ ณ ท่าเรือเทศบาลเวียงเชียงแสน (เชียงแสนแห่งที่ 1) จ.เชียงราย ระหว่างวันที่ 2 – 3 มีนาคม 2561 โดยมีผู้แทนจาก สาธารณรัฐประชาชนจีน สหภาพเมียนมาร์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ร่วมงานคับคั่ง ชูจุดแข็งการเป็นท่าเรือได้มาตรฐานถูกต้องตามแบบวิศวกรรม มีระเบียบในการดูแลนักท่องเที่ยวและปลอดภัย คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าออกทางเรือเพิ่มเป็น ประมาณ 2,000 คนต่อเดือน เป็น 10,000 – 20,000 คนต่อปี
นายคงเก่ง ประชากริช ประธานบริหารบริษัท นิวเชียงแสนกรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงการเปิดท่าเรือท่องเที่ยวแห่งแรกของภาคเหนือ ว่า การท่องเที่ยวทางเรือเป็นที่นิยมอยู่แล้ว สำหรับทางแม่น้ำโขงนั้น ถือเป็นเส้นทางเปิดใหม่ สมัยก่อนเส้นทางนี้เป็นที่เลื่องลือในเรื่องของอันตราย แต่ปัจจุบันมีความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทางเรือขนส่งสินค้า เรือท่องเที่ยว วิ่งขึ้นล่องลำน้ำโขงแทบจะตลอดเวลา และด้วยความร่วมมือของ 4 ประเทศได้จัดตั้งศูนย์ป้องกัน และปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง เพื่อคอยดูแลรักษาความปลอดภัย ให้กับเรือขนส่งสินค้าและเรือท่องเที่ยวต่างๆ
อีกทั้งยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงตำรวจน้ำ ดังนั้นในเรื่องของความปลอดภัยจึงเป็นที่เชื่อถือได้ อีกทั้งทิวทัศน์บรรยากาศสองข้างทางริมฝั่งแม่น้ำโขง ก็สวยงาม และสามารถชื่นชมกับธรรมชาติที่ยังคงสภาพความเป็นป่าเขา จึงน่าจะเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ที่จะได้มาเยี่ยมชมและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ
นายคงเก่ง กล่าวต่อว่า การเปิดท่าเรือท่องเที่ยวครั้งนี้จะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้สัญจรไปมาได้มาก เนื่องจากทั้งทางด้านความปลอดภัย ความเป็นมาตรฐานของท่าเรือ ซึ่งก่อสร้างออกมาอย่างถูกต้องตามแบบวิศวกรรม และการควบคุมดูแลการสัญจรไปมา อีกทั้งยังสามารถควบคุมดูแลนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าออกประเทศ ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยและสะดวก ปัจจุบันนักท่องเที่ยวทางเรือที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยทางอำเภอเชียงแสนมีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นการขนส่งสินค้าเป็นส่วนมาก แต่หลังจากที่มีการเปิดท่าเรือแห่งนี้ตามมติครม. เพื่อเป็นท่าเรือท่องเที่ยวก็เริ่มมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจากประเทศจีนปัจจุบันอยู่ที่ประมาณเดือนละ 500 คน เราตั้งเป้าหมายให้มีการใช้งานท่าเรือในช่วงปีแรกประมาณไม่น้อยกว่าเดือนละ 2,000 คน
“การเดินทางโดยทางรถยนต์จากประเทศไทยไปยังประเทศจีน หรือจากประเทศจีนมายังประเทศไทยนั้นปัจจุบันนักท่องเที่ยวต้องใช้เส้นทางหมายเลข 3A (R3A) เป็นหลัก ซึ่งเป็นเส้นทางสายไหมเชื่อมโยงระหว่าง จีน-ลาว-ไทย โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง สองข้างทางก็เป็นทิวทัศน์ธรรมดา ที่เห็นได้ทั่วไปในท้องถนนซึ่งไม่น่าดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังเป็นเส้นทางถนนที่ใช้ในการขนส่งสินค้ามีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง การเปิดท่าเรือท่องเที่ยวครั้งนี้จึงเป็นการเผยให้เป็นถึงความงดงามทางทรัพยากรธรรมชาติของสองฝั่งแม่น้ำ ที่เพิ่มประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวที่สวยงามและน่าสนใจมากขึ้น”
นายคงเก่งกล่าวต่อว่า ในอนาคตจะขยายเป็นสี่เหลี่ยมทองคำ จุดขายหลักคือ ทางสามเหลี่ยมทองคำ การเดินทางล่องไปทางแม่น้ำโขงไปทางจีนยูนนาน ปัจจุบันการเดินทางปลอดภัยเป็นอย่างมาก เพราะรัฐบาลตั้งหน่วยงาน สี่ประเทศ จีน ไทย พม่า ลาว มาดูแลความปลอดภัยในลำน้ำโขง
“ภายในปีนี้จากเดิมตัวเลขของการท่องเที่ยวต่างชาติเข้าออกทางเรือ 2,000 คน คาดว่า จะขยายเป็น 10,000 – 20,000 คนต่อปี งบประมาณ ตั้งไว้ 35-40 ล้านบาท ท่าเรือปัจจุบันใช้งานได้แล้ว แต่ปรับปรุงในแง่ภูมิทัศน์ต่างๆ เท่านั้น ทางด้านการเชื่อมโยง เราประสานกับทางสปป.ลาว ทางท่าขี้เหล็ก กำลังเริ่มประสานกันเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวสามประเทศ จะมีการพัฒนาต่อไป ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
สำหรับกลุ่มเป้าหมายเริ่มต้นตั้งไว้นักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาท่องเที่ยวสามเหลี่ยมทองคำ และจะขยายการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เชียงแสนกับฝั่งต้นผึ้งลาว และท่าขี้เหล็ก โดยเส้นทางท่องเที่ยวระยะสั้น เน้นล่องเรือชมทัศนียภาพของสามเหลี่ยมทองคำ ถ้าระยะยาว ก็ไปถึงยูนนาน กวนเหล่ง จิ่งหง หรือล่องลงไปก็ถึงหลวงพระบางได้
อยากเชิญชวนว่า แม่น้ำโขงและทัศนียภาพของาฝั่งลุ่มแม่น้ำโขงมีเสน่ห์และน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง หลายท่านเคยไปเที่ยวทะเลแต่แม่น้ำสายใหญ่และติดอันดับแม่น้ำลึกลับของโลก ซึ่งต่างชาติเรียกเป็นดานูบตะวันออก ..มีเสน่ห์มากมายขนาดไหนต้องมาพบด้วยตนเอง…”
ทั้งนี้ภายในงานแถลงข่าวเปิดตัวท่าเรือเชียงแสน มีกิจกรรมหลายอย่าง รวมถึงอาหารพื้นเมืองสำหรับผู้มาร่วมงานและสื่อมวลชนอย่างอบอุ่น อีกทั้งนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวของเมืองเชียงแสน
อนึ่งสำหรับท่าเรือเชียงแสน ก่อสร้างขึ้นตามนโยบายในการปรับปรุงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกแก่การท่องเที่ยว การค้าและการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศให้เป็นศูนย์กลางหรือประตูการพัฒนาภูมิภาคอินโดจีน รวมทั้งโครงการพัฒนาเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือ 6 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สภาพพม่า กัมพูชาและเวียดนาม ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2546 ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้บริหารและประกอบการ โดยได้เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2546 และเมื่อมีการเปิดท่าเรือแห่งใหม่ ท่าเรือนี้จึงไม่ได้รับการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ทางบริษัท นิว เชียงแสน กรุ๊ป จำกัด ได้รับอนุมัติตามมติครม. เมื่อวันที่ 12 เดือนธันวาคม ปี 2560 ให้เข้ามาบริหารจัดการ จึงได้มีการปรับปรุง ทั้งด้านการก่อสร้าง ภูมิทัศน์ ระบบความปลอดภัยและด้านต่างๆ และได้มีการเปิดตัวท่าเรือเทศบาลเวียงเชียงแสน อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 มีนาคม 2561 นี้
ท่าเรือเชียงแสนตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ในเขตพื้นที่ของอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โดยมีเนื้อที่ประมาณ 9 ไร่ ด้านหน้าติดแม่น้ำโขงฝั่งตรงข้ามเป็นประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ด้านหลังติดถนนซึ่งเชื่อมระหว่างอำเภอเชียงแสนและอำเภอเชียงของ
ลักษณะของท่าเรือ เป็นท่าเทียบเรือที่มีลักษณะเป็นทุ่นลอยน้ำ 2 ทุ่น มีสะพานเชื่อมระหว่างทุ่นกับเขื่อน ให้รถบรรทุกลงไปทำการบรรทุกขนถ่ายสินค้าข้างเรือได้ ตัวทุ่นและสะพานเชื่อมมีหลังคาคลุมกันแดดฝน จึงสามารถทำการบรรทุกและขนถ่ายได้ในขณะฝนตก ส่วนค่าระวาง ค่าจอดเรือ 900 บาท