เช็คอิน.ศูนย์ราชการุณย์ฯ สภากาชาดฯ
แหล่งเรียนรู้มนุษยธรรม-ธรรมชาติ
“เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธ
คำขวัญของจังหวัด “ตราด” เมืองท่องเที่ยวอีกแห่งของประเทศไทย น่าจะผ่านหูผ่านตาคุณผู้อ่านกันมาบ้าง โดย ตราด ได้รับการขนานนามว่า “สุดเขตแดนบูรพา” หรือด้านตะวันออกสุดของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 315 กิโลเมตร เป็นเมืองที่มีภูมิประเทศพิเศษ เต็มไปด้วยเกาะจำนวนมากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย หรือมากถึง 62 เกาะ ให้ท่องเที่ยวกันจนจุใจเลยทีเดียว พร้อมของดีขึ้นชื่อ อย่าง “พลอยแดง” ล้ำค่า ที่รู้จักในนาม “ทับทิมสยาม” และ “ระกำหวาน” รสชาติหวานหอมอร่อย ชวนให้ผู้ที่ได้ลิ้มรสแล้วติดอกติดใจว่า ถามหา “ระกำ” จะต้องมาที่ จ. ตราด เท่านั้น
“ตราด” จึงเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ต้องห้ามพลาดอีกแห่งหนึ่ง ให้สามารถเที่ยวได้คุ้ม ทั้งชายหาดริมทะเล หรือเกาะ ป่าชายเลน และตามสวนผลไม้ต่าง ๆ นอกเหนือจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์ มีคุณค่าน่าสนใจอีกแห่งหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาดไป ได้แก่ “ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน” แวะไปเยี่ยมชมกันได้หรือไปพักผ่อนตากอากาศแบบครอบครัวและหมู่คณะก็ได้หมด
“ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน” เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านมนุษยธรรมและธรรมชาติศึกษา ตั้งอยู่ถนนตราด-คลองใหญ่ กิโลเมตรที่ 48 ริมทางหลวงหมายเลข 318 หาได้ไม่ยากเพราะตั้งอยู่ริมถนนพอดี เหมาะสำหรับผู้ต้องการท่องเที่ยว สัมผัสกับธรรมชาติที่เงียบสงบ สูดอากาศสดชื่น พร้อมทั้งได้เรียนรู้เรื่องราวของประเทศไทยในอดีตและธรรมชาติพืชสมุนไพร ไม้มงคล และป่าชายเลนไปด้วย รวมหลายอย่างไว้ในนี้ ทำให้เพลิดเพลิน ไม่น่าเบื่อ นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่สามารถเดินทางเชื่อมโยงไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงได้โดยสะดวกอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ตลาดชายแดนกัมพูชาและหาดทรายดำ อีกความมหัศจรรย์ของแหล่งท่องเที่ยวไทย
ทั้งนี้ ภายในบริเวณ ศูนย์ราชการุณย์ฯ มี “ศาลาราชการุณย์” หรือ พิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 สภานายิกาสภากาชาดไทย โดยจัดแสดงนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของ ศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน ที่สร้างความประทับใจอย่างยิ่งแก่ประชาชนชาวไทยที่มาเยือน ในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ที่ประสบความทุกข์ยาก โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นชนชาติใด
คุณสุวรรณ พิมลแสงสุริยา ผู้จัดการศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน จ.ตราด เล่าว่า ศูนย์ราชการุณย์ฯ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2522 โดยพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทยที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานความช่วยเหลือแก่ผู้อพยพชาวกัมพูชาจำนวนนับแสนคน ที่เดินทางอพยพหนีภัยสงครามในประเทศเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ในเขตราชอาณาจักรไทยบริเวณบ้านเขาล้าน ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ จ.ตราด
ในระยะแรกสร้างเป็นเพิงชั่วคราว เพื่อใช้เป็นที่ทำการ ที่พัก หน่วยพยาบาล ต่อมาจึงสร้างเป็นอาคารถาวร ประกอบด้วยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า โรงฝึกอบรม โรงเรียน และบ้านพัก โดยศูนย์สภากาชาดไทยแห่งนี้ได้เป็นที่พักพิงของเหล่าผู้ลี้ภัยชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ปี 2529 และถูกปล่อยทิ้งว่างไม่ได้ใช้ประโยชน์ ต่อมาสภากาชาดไทยได้ขอให้กองทัพเรือส่งทหารเข้ามาดูแลพื้นที่ ซึ่งกองทัพเรือได้จัดให้ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 เข้ามาอยู่ดูแลพื้นที่ให้
กระทั่งในปี 2535 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงมีพระราชดำริให้สภากาชาดไทย จัดทำโครงการพัฒนาศูนย์สภากาชาดไทยแห่งนี้ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและเฉลิมฉลองในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ พร้อมทั้งได้พระราชทานแนวพระราชดำริไว้ 3 ประการ คือ
1. จัดสร้างพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ ในปี 2535 เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งพระมหากรุณาธิคุณ โดยสร้างศาลาราชการุณย์ เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระราชทานแก่ผู้อพยพชาวกัมพูชา เป็นที่จัดแสดงความเป็นมา สิ่งของ ภาพถ่าย รวมทั้งหุ่นจำลองขนาดเท่าของจริงที่เกี่ยวกับชาวกัมพูชาอพยพ และค่ายผู้อพยพ บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน เช่น หุงหาอาหาร เย็บปักถักร้อย เป็นต้น
2. ใช้อาคารสถานที่บริเวณศูนย์ฯ ให้เกิดประโยชน์ จัดทำเป็นศูนย์ฝึกอบรม ใช้ฝึกอบรมและเข้าค่ายพักแรมของเยาวชน
3. ใช้ประโยชน์สภาพภูมิประเทศพื้นที่ชายหาดพักผ่อนหย่อนใจ ดัดแปลงอาคารเดิมเป็นห้องพักติดตั้งเครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์สี และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆ พร้อมดัดแปลงเป็นอาคารพักแรมและอาคารจัดกิจกรรม
“จากเหตุดังกล่าวจึงเกิดสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้มนุษยธรรมและธรรมชาติขึ้น พร้อมที่พักที่สะดวกสบาย มีหลายแบบ หลายทำเลทัั้งริมชายหาดราชการุณย์หรือริมเขา ให้เลือกตามความชอบ โดยมีสนนราคาไม่แพง พร้อม ร้านสวัสดิการหาดราชการุณย์ ขายเครื่องดื่ม ขนม และของเล็กๆ น้อยๆ และมีโซนโต๊ะนั่งริมชายหาด รับประทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศ ดี ๆ สบาย ๆ กันได้ “
สำหรับอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำเมื่อมาเยือนสถานที่แห่งนี้แล้วคือ ต้องแวะไปนมัสการ “หลวงพ่อแดง” บริเวณด้านหน้าทางเข้าศูนย์ฯ เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยหลวงพ่อแดงองค์นี้ เป็นพระพุทธรูปแบบสุโขทัยปางมารวิชัย องค์พระพุทธรูปเดิมเป็นทองเหลืองเคลือบสีแดง จัดสร้างโดยพระวิสุทธิญาณเถระ (หลวงปู่สมชาย ฐิตฺวิริโย) วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี ตามพระราชดำริสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงให้มีพระพุทธรูปไว้สักการะบูชา เพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวและเป็นที่พึ่งทางจิตใจให้แก่ผู้อพยพชาวกัมพูชา ในปี 2522 และเพื่อเป็นที่สักการะบูชาของชาวจังหวัดตราดและจังหวัดใกล้เคียง
อย่างไรก็ดี คุณสุวรรณเปิดเผยว่า ไม่ทราบเหตุผลว่า เพราะอะไรพระพุทธรูปองค์นี้จึงเป็นสีแดง เพราะไม่มีประวัติบอกเล่าถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่เป็นที่เคารพสักการะของประชาชนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาเป็นอย่างมาก
ความบันเทิงตามธรรมชาติอื่น ๆ นอกเหนือจากชายหาดขาวสะอาด อากาศบริสุทธิ์และน้ำทะเลสวยใสแล้ว ภายในศูนย์ราชการุณย์ฯ ยังมี “สวนสมุนไพรสมเด็จองค์อุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” ปลูกต้นไม้และพืชสมุนไพร จัดเป็น 20 กลุ่มโรค ในพื้นที่ประมาณ 3 ไร่ เพื่อประโยชน์ทางวิชาการสำหรับเยาวชนและผู้สนใจทั่วไป
นอกจากนี้ยังมี สวนไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด 76 จังหวัด ที่เกิดขึ้นจากวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา ในปี 2542 สภากาชาดไทย ได้จัดทำโครงการพฤกษชาติบูชา พระบรมราชูปถัมภก 6 รอบ ปลูกต้นไม้มงคลพระราชทานประจำจังหวัด 77 จังหวัด รวมอย่างน้อย 972 ต้น ล้อมรอบรูปแผนที่ประเทศไทยในพื้นที่ประมาณ 16 ไร่เศษ เช่น กรุงเทพมหานคร มีต้นไม้ประจำจังหวัดคือ ต้นไทรย้อยใบแหลม ส่วนบึงกาฬ จังหวัดที่ 77 คือ ต้นสิรินธรวัลลี ส่วนไม้มงคลของจ. ตราดได้แก่ ต้นหูกวาง เป็นต้น นับว่า เป็นพื้นที่กว้างขวาง ให้เดินชมกันเพลินเลยทีเดียว ในบริเวณใกล้เคียงกัน
ใกล้ ๆ กันนั้น ยังจะได้เห็น “บึงเขาล้าน” ซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ทะเลมาก
และสามารถเดินต่อเนื่องไปถึงพื้นที่สวนป่าชายเลนศูนย์ราชการุณย์สภากาชาดไทย เขาล้าน จ.ตราด ได้ด้วย
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง ที่สามารถนั่งรถต่อไปได้ไม่ไกลห่างไปประมาณ 50-60 กิโลเมตร ได้แก่ หาดทรายดำ จ.ตราด สิ่งมหัศจรรย์ของประเทศไทย และต่างประเทศ โดยในปัจจุบันพบเพียง 5 ที่ในโลกเท่าัน้น ได้แก่ ไต้หวัน มาเลเซีย ฮาวาย ทางตอนเหนือของแคลิฟอร์เนีย และอีกแห่งหนึ่งอยู่ในประเทศไทย ที่ จ.ตราด นี่เอง โดยหาดทรายมีเม็ดทรายดำ แตกต่างจากที่อื่นที่มักมีสีน้ำตาลหรือสีขาว หาดทรายดำตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของป่ามะขาม บ้านกลาง อ.แหลมงอบ จ.ตราด ซึ่งเป็นเขตของป่าสงวนแห่งชาติ มีความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพสูง รายล้อมไปด้วยป่าชายเลน และเหล่าสัตว์น้อยใหญ่มากมาย อาทิ นก ปูแสม หอยต่างๆ มีลักษณะเป็นสันทรายทอดยาวกว่า 1 กิโลเมตร
มีเรื่องเล่าว่า มีชาวบ้านจากชุมชนบ้านยายม่อม เห็นหาดทรายที่มีสีแปลก จึงลองหมกตัวในทราย จนมีคนป่วยจากอัมพาตลองมาหมกตัว อาการดีขึ้นจนสามารถหายได้ ทำให้เกิดความเชื่อว่าทรายดำสามารถรักษาโรคได้
ทั้งนี้สาเหตุที่ทรายดำเป็นผลจากมีส่วนผสมของแร่ธาตุหลายอย่าง รวม “ไลโมไนต์” (Limonite) ที่เกิดจากการยุบตัวของเศษเหมืองและเปลือกหอยผสมด้วยควอตซ์ หรือเป็นแร่ที่เกิดจากการผุกร่อนของเหล็ก ในทางการแพทย์ไลโมไนต์ไม่มีผลทางการรักษาโรค แต่เชื่อกันว่า ทรายดำของที่นี่มีแร่ธาตุอื่นอยู่อีก และสามารถทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ถ้านำเท้าไปหมกทรายประมาณ 10 – 20 นาที ปัจจุบันมีการจัดทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน เป็นเส้นทางเดินคอนกรีต จากเดิมที่เป็นไม้ ไปสู่หาดทรายดำให้เดินกันได้อย่างสบาย ๆ
ระหว่างทางมีสถานที่ที่น่าสนใจให้ได้ชมกันหลายจุด เช่น จุดชมหอยขี้ค้อน ที่มีรูปทรงแหลมเป็นกรวยคล้ายเจดีย์ จุดชมปลาตีนตัวใหญ่ จุดชมปูแสมที่มีทั้งพันธุ์สีดำ กับพันธุ์สีสวยที่มีก้ามแดง ที่ช่วงหัวสีเขียวอ่อนอมฟ้า กระดองและขาสีน้ำเงินยามถูกน้ำสะท้อนแสงเป็นประกาย จุดดูนกป่าชายเลนและนกประจำถิ่น เช่น เหยี่ยว นกพญาปากกว้างท้องแบน นกยางกรอก จุดชมปูก้ามดาบ หรือจุดชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน เป็นการเดินชมธรรมชาติป่าชายเลน ก่อนจะเข้าไปการสัมผัสผืนหาดทรายดำเม็ดละเอียด และเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์แบบใกล้ชิด เหมาะสำหรับการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์มาก
นอกจากนี้ยังมี ตลาดชายแดนบ้านหาดเล็ก ตั้งอยู่บ้านหาดเล็ก ที่เป็นหมู่บ้านสุดชายแดนติดต่อกับราชอาณาจักรกัมพูชา อยู่ปลายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 เมื่อสงครามสู้รบในกัมพูชาสิ้นสุดลงราวปี 2529 เป็นแหล่งรับซื้อพืชพันธุ์ธัญญาหารของชาวกัมพูชาเพื่อไปขายต่อที่เกาะกง ตลาดที่บ้านหาดเล็กจะมีเฉพาะในช่วงเช้า เวลาประมาณ 07.00–08.30 น. และยังมีสินค้าราคาถูกที่มาจากประเทศกัมพูชา เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า แว่นตา น้ำหอม และอื่น ๆ
เดินไปสุดถนนของตลาด เป็น “ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองใหญ่” สำหรับข้ามไปฝั่งกัมพูชา
สนใจท่องเที่ยว ภายในศูนย์ราชการุณย์ ติดต่อสำรองที่พักได้ ติดต่อสอบถามรายละเอียดที่ 039-510821,086-413-2482,087-600-0686 Fax 039-510-822 ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งมีบ้านพักหลายแบบให้เลือก ราคาตั้งแต่ 800 – 6000 บาท ท่องเที่ยวธรรมชาติสงบ สนุกและอบอุ่นใจเรื่องความปลอดภัยภายในศูนย์ฯ ด้วยมีชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 ฯ คอยดูแลความปลอดภัยให้
สำหรับผู้ชื่นชอบการพักผ่อนสไตล์แคมปิ้ง ก็มีเต็นท์หลายขนาด ราคา 80 – 220 บาทให้เลือกใช้ หรือหากนำเต็นท์มาเอง มีค่าใช้จ่ายเพียงคนละ 25 บาท และบางช่วงจะมีส่วนลดพิเศษให้ สามารถติดตามได้ทาง Website -http: //khaolan.redcross.or.th และ E-mail-khaolan@redcross.or.th