กสทช.ร่วมเครือข่ายพันธมิตร
รณรงค์จัดระเบียบสายสื่อสารลงดิน
กสทช. ร่วมเครือข่ายพันธมิตร เปิดงานโครงการ “กิจกรรมรณรงค์การจัดระเบียบสายสื่อสารและนำสายสื่อสารลงใต้ดิน” ณ หน้าโรงแรมวิลล่า พระสุเมร แยกสะพานวันชาติ เขตพระนคร โดยมี นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. เป็นประธานเปิดงาน นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการกสทช.กล่าวรายงาน ระบุ หนุนไทยก้าวสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัล และการเป็นมหานครแห่งอาเซียนโดยคุ้มครองสุขอนามัย ความปลอดภัยและประโยชน์สาธารณะโดยรวม
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)เปิดเผยว่า กสทช. ได้ออกประกาศ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการใช้สิทธิในการปักหรือตั้งเสา หรือเดินสายวางท่อ หรือติดตั้งอุปกรณ์ประกอบใดในการให้บริการโทรคมนาคม (หลักเกณฑ์สิทธิแห่งทาง : Rights of Way) และประกาศ เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการใช้การลงทุน และการสร้างท่อร้อยสายสื่อสารใต้ดินเพื่อให้บริการ โทรคมนาคม โดยอยู่บนพื้นฐานการส่งเสริมการบริการโทรคมนาคมโดยทั่วถึง สนับสนุนให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและไม่ก่อให้เกิดการลงทุนซ้ำซ้อน อีกทั้งการใช้สิ่งอำนวยความสะดวก ทางด้านโทรคมนาคมที่มิได้มีความหมายให้บริการโทรคมนาคมต่อสาธารณะ การคุ้มครองและกำหนดสิทธิในการ ประกอบกิจการโทรคมนาคมและเพื่อเป็นการคุ้มครองสุขอนามัย ความปลอดภัยและประโยชน์สาธารณะโดยรวม
ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมโทรคมนาคมมีการเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่เขตกรุงเทพมหานคร และเมืองที่มีความหนาแน่นของประชากรมาก ทำให้มีการวางโครงข่ายของผู้ประกอบกิจการ สื่อสาร ในหลายพื้นที่ จึงมีสายสื่อสารรกรุงรัง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน สำนักงานกสทช. จึงมีนโยบายหลักในการดำเนินงานเพื่อรองรับปริมาณความต้องการใช้งาน ในสังคมเศรษฐกิจดิจิทัล และการเป็นมหานครแห่งอาเซียน โดยดำเนินการร่วมกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กรุงเทพมหานคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม เพื่อสร้างทัศนียภาพที่สวยงามความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการกสทช.
ทั้งนี้ เพื่อปรับปรุงการพาดสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าให้มีความเป็นระเบียบ และถูกต้องตามมาตรฐานของการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพิ่มความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่สูงขึ้นในอนาคต และนโยบายขององค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นในการนำระบบสายลงใต้ดิน หรือการล้มเสาไฟฟ้า เพื่อไม่ให้มีสายระโยงระยางอยู่กับเสาไฟฟ้า รวมถึงปัญหาในบางพื้นที่ ที่ไม่สามารถอนุญาตให้พาดสายสื่อสารต่อไปได้ เนื่องจากเกินมาตรฐานและ ข้อกำหนดในการรับน้ำหนักของเสาไฟฟ้า จึงมีความจำเป็นที่สายสื่อสารต้องถูกนำลงใต้ดิน
ดังนั้น ทางกสทช.จึงได้มีการจัดงานแถลงข่าวกิจกรรมรณรงค์การจัดระเบียบสายสื่อสารและ นำสายสื่อสารลงใต้ดิน ในวันที่ 26 มีนาคม 2562 ณ หน้าโรงแรมวิลล่า พระสุเมร แยกสะพานวันชาติ เขตพระนคร เพื่อเสริมสร้างความรับรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดระเบียบสายสื่อสาร และการนำสายสื่อสารลงใต้
ดินให้แก่สื่อมวลชนได้อย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ให้ประชาชนผู้ใช้บริการเกิดความเข้าใจผิดในการเข้าดำเนินการในแต่ละพื้นที่ ผลกระทบอันอาจเกิดขึ้น และประโยชน์ที่จะได้รับ รวมถึงเป็นการส่งเสริมให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ และการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เครือข่ายผู้บริโภคในการคุ้มครองสิทธิของตน ให้ประชาชนตระหนักถึงสิทธิของตนเองในการใช้บริการโทรคมนาคม และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
ด้านนายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการกสทช.กล่าวว่า กสทช.ได้ปรับปรุงภูมิทัศน์เส้นทางเสด็จราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพยุหยาตราทางสถลมารคพระราชพิธีบรมราชาพิเศกช่วงระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม 2562 ตรวจ 12 เส้นทาง พบ 7 เส้นทางยังไม่ได้นำสายสื่อสารลงดิน กสทช.จึงร่วมกับผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคม หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานความมั่นคง ดำเนินการเพื่อให้ภูมิทัศน์เส้นทางเสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนครโดยขบวนพุยหยาตราทางสถลมารค ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก มีความสวยงาม สมพระเกียรติ และให้สามารถรองรับพระราชพิธีกรณีอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปด้วย
การดำเนินแบ่งเป็น 2 โซน ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โซนที่1 ถนนอัษฏางค์ ถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร ถนนเจริญกรุง ถนนราชินี เสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่วนโซนที่ 2 ประกอบด้วยถนนตะนาว ถนนพระสุเมรุและจัดระเบียบสายสื่อสารในถนนสิบสามห้าง ถนนตานี ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคมเป็นต้นมาเสร็จสิ้นในวันนี้ (26มี.ค.) โดยทั้ง 2 โซน มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 3.56 กิโลเมตร ซึ่งก่อนดำเนินการตัดสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้า ทางกสทช.ได้สร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ โดยการแจกใบประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินงานซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการใช้งานสื่อสาร รวมถึงระบบการจราจร พร้อมทั้งแจ้งเบอร์ 1200 ให้ประชาชนแจ้งเหตุแห่งที่ไม่สามารถใช้ระบบสื่อสาร พร้อมเชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมเพื่อทราบแผนดำเนินการและช่วยจัดระบบจราจร