“วช. 5G” พลิกโฉมวิจัยตอบโจทย์
กระทรวงใหม่อุดมศึกษาฯ-ลุยงานฉับไว
วช.เตรียมปรับโฉมรับบทบาทใหม่ใต้กระทรวงใหม่ เป็นหน่วยงานกุมงบประมาณวิจัยประเทศ สร้างฐานข้อมูลวิจัยนำวิจัยตรงเป้าหมาย ไม่ซ้ำซ้อน พร้อมชู ”วช.5G” ทำงานฉับไวพร้อมเริ่มงานได้เลยอย่างไร้รอยต่อ
ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กล่าวถึงบทบาทของสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ในระหว่างงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2562 ว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดตั้งขึ้นด้วยเจตนารมณ์ให้เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนากำลังคนของประเทศ โดยบูรณาการการเรียนการสอน การวิจัย และการสร้างสรรค์นวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้วยการวิจัยและนวัตกรรม สนับสนุนให้การวิจัยและนวัตกรรมได้ใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ สังคม วิชาการ
ทั้งยังเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยกระทรวงใหม่นี้จะมีคณะกรรมการ 4 คณะ ประกอบด้วย สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ, คณะกรรมการการอุดมศึกษา หรือ (กกอ.), คณะกรรมการมาตรฐานการอุดมศึกษา (กมอ.) และคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กสว.) และกำหนดให้มีหน่วยงานรับผิดชอบที่ชัดเจน ร่วมกันทำงานแบบเกื้อหนุน แก้ปัญหาความซ้ำซ้อนในการทำงาน คือ หน่วยงานด้านนโยบายและกำหนดกรอบงบประมาณด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์, หน่วยให้ทุนวิจัย, หน่วยทำวิจัย, หน่วยงานด้านมาตรฐาน และหน่วยใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งต้องเชื่อมต่อกับหน่วยงานนอกกระทรวง ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมอีกด้วย
ทั้งนี้ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ได้รับมอบหมายเป็นหน่วยให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ รวมไปถึงภารกิจการจัดทำฐานข้อมูลและดัชนีวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ, การริเริ่ม ขับเคลื่อนและประสานการดำเนินงานโครงการวิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญของประเทศ, การจัดทำมาตรฐานและจริยธรรมการวิจัย, การส่งเสริมและถ่ายทอดความรู้เพื่อใช้ประโยชน์, การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรด้านวิจัยและนวัตกรรม และการให้รางวัล ประกาศเกียรติคุณหรือยกย่องบุคคลหรือหน่วยงานด้านวิจัยและนวัตกรรม รวม 7 ภารกิจสำคัญในระดับประเทศ โดย วช. มีการหารือร่วมกับหน่วยงานในกระทรวงการอุดมศึกษาฯ และสำนักงาน ก.พ.ร. ทำให้พร้อมปฏิบัติงานได้ทันทีและต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านการให้ทุนวิจัยและนวัตกรรมหลักของประเทศ
“เวลานี้พ.ร.บ.กระทรวงใหม่ฯผ่านขั้นตอนสนช.แล้ว รอลงพระปรมาภิไธยก่อนประกาศในราชกืจจานุเบกษา เพื่อมีผลบังคับใช้ในอนาคตอันใกล้ ต่อไป
สำหรับปี2562วช.มีงบประมาณสนับสนุนการวิจัยมูลค่า17,000ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์วิจัยไทยดีขึ้นมีสัดส่วนถึง1% ของจีดีพีแล้วเป็นสัดส่วนเอกชนต่อภาครัฐประมาณ 80-20%”
ทั้งนี้วช. ได้นำเสนอทิศทางใหม่ของระบบทุนวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ดังนี้
• Multi-year funding ด้วยการจัดสรรเงินตามกรอบวงเงินจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่องจนโครงการสำเร็จได้
• Outcome- and impact- driven เพื่อให้ทุนในเชิงรุกตามประเด็นยุทธศาสตร์ให้เกิดผลลัพธ์และผลกระทบสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ
• Synergy & partnership เชื่อมโยงและเสริมพลังระหว่างหน่วยให้ทุน (วช., สวก., สวรส.) มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัย ทั้งในและนอกกระทรวง และการให้ทุนวิจัยครอบคลุมการวิจัยพื้นฐาน วิจัยประยุกต์ ทั้งวิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ รวมทั้ง สหสาขาวิชาการ และเชื่อมกับการพัฒนาบุคลากรวิจัยและการให้รางวัล
• Streamlined process โดยพัฒนากลไกการทำงานด้วยระบบ Online 100% 5G- funding, กลไก ODU, Program Funding และ Matching Fund และ Monitoring and Evaluation โดยผู้ใช้ผลการวิจัย
ในขณะเดียวกัน วช. ได้เตรียมความพร้อมและยกระดับการทำงานตามภารกิจใหม่โดยแนวทาง “วช. 5G” ประกอบด้วย Speed ทำงานได้รวดเร็วขึ้น Start เริ่มทำงานได้ทันที ตอบสนองฉับพลัน Scope ขยายขอบข่ายการทำงานในระดับชาติ และนานาชาติ Connectivity เชื่อมโยงการทำงานระหว่างหน่วยงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ Low Energy ทำงานคุ้มค่า ใช้ต้นทุนต่ำ ได้ผลผลิตสูง Smooth ลดขั้นตอนการทำงานที่ไม่จำเป็น และทำงานโดยไม่มีข้อจำกัด และ New Features คิดริเริ่มงานใหม่
พร้อมเปิดตัวเว็บไซต์www.nrct.go.th และwww.facebook.com/nrctofficial เพื่อเป็นช่องทางให้ประชาคมวิจัยได้ใช้เป็นช่องทางสื่อสาร แสดงความคิดเห็นและความพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมต่อไป