สวทช.ร่วมหอการค้าสานต่อ
โครงการ ThaiGAP แบบ 2in1
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) ร่วมกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SME กลุ่มอุตสาหกรรมผักและผลไม้ ภายใต้โครงการ “ยกระดับผักและผลไม้ไทย : โอกาสสำหรับพัฒนาเกษตรกรรมสู่ความยั่งยืน” ด้วยการส่งเสริมให้จัดทำมาตรฐาน ThaiGAP 2in1 ที่สามารถตรวจร่วมกันทั้งมาตรฐาน ThaiGAP และ Q GAP เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในอาเซียน และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในด้านความปลอดภัยของสินค้าเกษตร พร้อมเพิ่มความสะดวกขอรับรองมาตรฐานด้วยการพัฒนาแอปพลิเคชัน “2in1 GAP Platform Service” โดยผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยและพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ร่วมกับภาคเอกชน บริษัท สเต็ม เอ็ดดูเคชั่น แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด โชว์ “บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด” ต้นแบบรายแรกได้รับรองมาตรฐาน ThaiGAP แบบ 2in1 ในงาน THAIFEX 2019
นายชูศักดิ์ ชื่นประโยชน์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการสถาบันส่งเสริมคุณภาพเกษตรไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยมีการผลักดันและมุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการด้านผักและผลไม้ไทยได้นำมาตรฐาน ThaiGAP ไปใช้เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เสริมสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของสินค้าเกษตรและอาหารให้แก่คู่ค้าและผู้บริโภค
โดยมีผลิตผลทางการเกษตรผักและผลไม้ที่เข้าร่วมโครงการกว่า 70 ชนิด เช่น มะพร้าวน้ำหอม กล้วย เมล่อน อินทผลัม พริก และผักต่างๆ มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการจำนวนกว่า 130 ราย บนพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ ยอดขายหลังการได้รับการรับรองเพิ่มมากขึ้น รวมมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท
ทั้งนี้สภาหอการค้าฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนามาตรฐาน ThaiGAP เทียบเคียงกับมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการส่งออก และสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางเกษตรให้เข้าไปขายในห้างค้าปลีก ได้แก่ แม็คโคร โลตัส ท็อปส์ และบิ๊กซี รวมทั้งพัฒนาแอปพลิเคชั่น “2in1 GAP Platform Service” ร่วมกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ในการบันทึกข้อมูลเพื่อใช้ในการตรวจรับรอง ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ยังร่วมกับสมาคมกาแฟไทยสร้างมาตรฐานระบบผลิตกาแฟคุณภาพของภาคเอกชน “ThaiGAP Green Coffee Standard” เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมกาแฟไทยอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายสำคัญให้ผู้ปลูกและผู้เกี่ยวข้องทำการเกษตรควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการทำธุรกิจที่เป็นธรรม
ด้านน.ส.ชนากานต์ สันตยานนท์ ที่ปรึกษาอาวุโส โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สวทช. กล่าวว่า โปรแกรม ITAP สวทช. มีภารกิจที่เน้นส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ให้มีความสามารถในการแข่งขัน รวมถึงขีดความสามารถในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยในปี 2562 มุ่งเน้นไปที่ผู้ประกอบการในกลุ่มอาหาร ผัก และผลไม้ เพื่อให้เกิดผลผลิตที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน
ซึ่งจากการดำเนินโครงการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พบว่า ผู้ประกอบการในกลุ่มอาหาร ผักและผลไม้ ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงยังขาดความรู้เพื่อจะสร้างผลผลิตที่มีความปลอดภัยและได้มาตรฐาน ด้วยเหตุนี้ ในปี 2561-2562 โปรแกรม ITAP จึงได้เพิ่มเครื่องมือช่วยผู้ประกอบการขึ้นมา 2 อย่าง คือมาตรฐาน ThaiGAP 2in1 และ แอปพลิเคชัน 2in1 GAP Platform Service
โดยมาตรฐาน ThaiGAP 2in1 เป็นการบูรณาการ 2 มาตรฐาน ได้แก่ “ThaiGAP” โดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ “Q GAP” ของกรมวิชาการเกษตร เพื่ออำนวยความสะดวกและลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการขอการรับรอง 2 มาตรฐานในคราวเดียวกัน พร้อมสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจของผู้ประกอบการ โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการที่เป็นต้นแบบของมาตรฐาน ThaiGAP 2in1 คือ บริษัท บุญรอด บริวเวอรี่ จำกัด โดยมีแปลงปลูกที่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย เช่น โรสแมรี่ เปปเปอร์มินท์ เลมอนไทม์ เห็ดหอม ชา บลูเบอรี่ พุทรา เมล่อน เป็นต้น
ขณะที่แอปพลิเคชัน 2in1 GAP Platform Service อยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยผู้ประกอบการอันจะเป็นการยกระดับวิธีการทำงานและการดำเนินงานภายใต้ข้อกำหนดของมาตรฐานสินค้าเกษตรปลอดภัย เนื่องจาก Platform นี้จะช่วยผู้ประกอบการให้สามารถบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การจัดเก็บข้อมูล การตรวจประเมิน การรายงานผล ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบที่เป็นระบบดิจิทัล เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงข้อมูลและควบคุมและติดตามทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตสินค้าการเกษตรที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน โดย Platform เสร็จสิ้นแล้วในเดือนมิถุนายน 2562
ด้านผู้เชี่ยวชาญโปรแกรม ITAP ในโครงการฯ ผศ.ดร.ชัยณรงค์ รัตนกรีฑากุล ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์วิจัยและพัฒนามาตรฐานสินค้าเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าวเสริมว่า การพัฒนาระบบให้คำปรึกษาเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตทางการเกษตร ทางโครงการฯ ได้มีการส่งเสริมศักยภาพการผลิตของเกษตรกรผู้ผลิต เพื่อส่งเสริมคุณภาพผลผลิตไปสู่ผู้บริโภค โดยเพิ่มระบบการให้คำปรึกษามาตรฐานการผลิต 2 มาตรฐาน ได้แก่ มาตรฐาน ThaiGAP และมาตรฐาน Q GAP พร้อมกัน โดยมีการนำร่องดำเนินการที่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย ซึ่งได้เพิ่มเติมในด้านระบบการผลิต การพิจารณาสารเคมีเพื่อความปลอดภัย และการพัฒนาบุคลากรด้านเทคนิคการผลิต ทั้งนี้ การให้คำปรึกษาระบบการผลิตของทางโครงการฯ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่มาตรฐานของประเทศไทย แต่ยังรวมไปถึงมาตรฐานสากล Global Gap ซึ่งเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการจัดส่งสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศด้วย
“การรับรองระบบมาตรฐาน ThaiGAP 2in1 หน่วยรับรองมาตรฐาน คือ บริษัท ทูฟ นอร์ธ จะสามารถตรวจมาตรฐาน 2อย่างพร้อมกันได้ ซึ่ง Q GAP รับรองเรื่องของความปลอดภัยสำหรับผลิตภัณฑ์เฉพาะอย่าง ส่วน ThaiGAP เป็นการรับรองทั้งระบบ ทุกผลิตภัณฑ์ โดยดูเพิ่มถึงเรื่องความปลอดภัยสิ่งแวดล้อม ความรู้ของผู้ประกอบการ สำหรับ Global Gap เข้มข้นยิ่งกว่าสำหรับการส่งออก ไทยมีได้รับรองมากกว่า 40ราย
ข้อดีในการเข้าระบบ ThaiGAP คือ เป็นโอกาสด้านการตลาด โดยเราพยายามร่วมมือกับซัพพลายเออร์ด้วยเพื่อช่วยพาเกษตรกรเข้าสู่ห้าง ซึ่งซัพพลายเออร์ต้องเป็นเกษตรกรเองด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินการThaiGAP อยู่ที่ประมาณ 60,000-80,000 บาท แต่หากเข้าร่วมโครงการ ITAP ของสวทช.จะได้ส่วนลด50%”
สำหรับแอปพลิเคชัน ที่ผู้เชี่ยวชาญในโครงการฯ ร่วมพัฒนากับภาคเอกชน นายสัณห์ อุทยารัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สเต็ม เอ็ดดูเคชั่น แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด เผยว่า “การพัฒนาแอป 2in1 GAP Platform Service เริ่มจากความต้องการช่วยเหลือเกษตรกร โดยริเริ่มจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการนำรูปแบบการตรวจสอบมาตรฐาน มาพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบของดิจิทัล และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมาลดการใช้กระดาษ และเพิ่มพูนองค์ความรู้ผ่านแอปพลิเคชันให้แก่เกษตรกร ผนวกกับความต้องการสร้างองค์ความรู้ให้กับเกษตรกรในการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรที่ปลอดภัย รวมถึงได้รับทราบว่ายังขาดมาตรฐานส่วนใด เพื่อที่จะพัฒนาให้ได้รับมาตรฐาน GAP ทั้ง ThaiGAP และ Q GAP โดยดำเนินการผ่านระบบ Web Application ผสมกับ Mobile Application เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรเป็นหลัก
แอปนี้จะสามารถช่วยลดต้นทุนในการให้คำปรึกษาของเกษตรกรในการตรวจรับรอง เป็นการนำใช้เทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม และในอนาคตสามารถที่จะวิเคราะห์ข้อมูลในการให้องค์ความรู้เพิ่มเติมในหัวข้อที่เกษตรกรมีข้อสงสัยหรือบริหารจัดการไม่ถูกวิธี โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้งาน 2 กลุ่มหลัก คือ 1) กลุ่มสหกรณ์หรือกลุ่มเกษตรกร เพื่อที่จะสามารถจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานภายในแปลง และทราบว่ายังต้องพัฒนางานในส่วนใดบ้างเพื่อที่จะได้รับมาตรฐาน GAP ซึ่งสามารถที่จะทดลองตรวจรับรองเพื่อสร้างความมั่นใจ และเก็บข้อมูลบน Cloud และ 2) กลุ่มผู้เป็นที่ปรึกษาหรือผู้ตรวจสอบภายใน ลดเวลาในการเข้าแปลงเกษตร และสามารถทำงานผ่านระบบ Web Application ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว
ด้านผู้ประกอบการต้นแบบรายแรกของไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP 2 in 1 นายพงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์คเชียงราย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้บริโภคเป็นสำคัญ ซึ่งสิ่งนี้ถือเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลา 86 ปี ทำให้บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ และบริษัทในเครือ ให้ความสำคัญสูงสุดในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงสุด เมื่อมีองค์กรอย่าง สวทช. และสภาหอการค้า ที่เข้ามาให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการทำ ThaiGAP ตั้งแต่การยกระดับการปลูก การเตรียมแปลง จนถึงกระบวนการแพ็ค และการขาย ถือเป็นการยกระดับ Food Safety ให้กับผลผลิตทางการเกษตรของเรา บริษัทเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างมาตรฐานความปลอดภัยเหล่านี้เป็นที่สุด
โดยผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP 2in1 ประกอบด้วย ผักและสมุนไพร ได้แก่ เคล เปปเปอร์มินท์ เลมอนไทม์ ออริกาโน่ ยูเอสมินท์ โรสแมรี่ อิตาเลี่ยนพาสเลย์ พาสเลย์ เห็ดหอม ชา ผลไม้ บลูเบอรี่ พุทรา เมล่อน หม่อน มะม่วง อโวคาโด มะนาว และมะละกอ ซึ่งผลตอบรับทางการตลาดจากการได้รับรองมาตรฐานแล้วนั้น พบว่า ผลตอบรับดีมาก ตอนนี้ซูเปอร์มาร์เก็ตที่เป็นเจ้าใหญ่ๆ ของประเทศไทยเล็งเห็นความสำคัญของ ThaiGAP แล้ว โดยถือเป็นมาตรฐานสำคัญในการเลือกผู้ผลิตผักผลไม้ ผลผลิตต้องได้รับการรับรองจึงจะสามารถรับผลผลิตไปขายได้ นอกจากนั้นยังทำให้ผู้บริโภคได้ซื้อของดี สะอาด ปลอดภัย และยังสามารถทำให้เราแข่งขันได้ในระดับโลกด้วย
“การทำ ThaiGAP เป็นการจัดระเบียบข้อมูลและกระบวนการในการผลิต ที่พยายามยกระดับให้มีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งต่อไปในอนาคต เรื่องของ Food Safety ในประเทศไทยกำลังเติบโตไปในมาตรฐานเดียวกันกับของโลก ไม่ว่าช้าเร็วต่อไปคนไทยก็ต้องเข้าระบบของโลกให้ทัน บริษัทไทยทุกรายที่ทำกิจการทางการเกษตรจึงควรจะพยายามยกระดับให้ได้มาตรฐาน เพื่อให้เรามีศักยภาพในการแข่งขันในระดับโลก” กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์คเชียงราย จำกัด กล่าว
ด้านนายชัยภัฏ จาตุรงคกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัทบุญรอดบริวเวอรี่ จำกัดกล่าวเสริมว่า การพัฒนาสินค้าเกษตรของสิงห์ปาร์คเชียงรายทำในรูปแบบของการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยมีเกษตรกรสมาชิกประมาณ1, 500 รายมาช่วยกันบนพื้นที่ประมาณ10, 000ไร่มีการพัฒนาองค์ความรู้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ