CIM จับมือ Wiztechเปิดตัว AI
ร่วมMOUกรมการแพทย์แผนไทยฯ
ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และ นายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ลงนามความร่วมมือ (MOU) ระหว่างมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กับ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อส่งเสริมพัฒนาศักยภาพทางวิชาการ งานวิจัย ของ การแพทย์แผนไทยและเพิ่มขีดความสามารถ ทางธุรกิจและการบริหารจัดการธุรกิจของผู้ประกอบการด้านการแพทย์แผนไทยให้เข้มแข็ง อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วยการพัฒนาด้านนวัตกรรมเพื่อให้ธุรกิจด้านการแพทย์แผนไทยมีความสำคัญในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างแท้จริง พร้อมเปิดตัว Application สำเร็จรูปสำหรับคลินิกการแพทย์แผนไทย โดย CIM ร่วมกับบริษัท Wiztech จำกัด เพื่อช่วยในการปฏิบัติสมุหฐานวินิจฉัยและสั่งการรักษา อันจะช่วยให้แพทย์แผนไทยทั่วประเทศมีความเที่ยงตรงในการปฏิบัติเวชกรรมแผนไทยได้อย่างสะดวกขึ้นและมีคุณภาพ
นายแพทย์มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า “การพัฒนาระบบการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือกนั้น ประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ 1.ผู้บริหารประเทศ ที่จะต้องดูแลและสนับสนุน 2. คือส่วนของภาคราชการกระทรวง กรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแลอย่างจริงจัง ส่วนที่ 3. ที่สำคัญมากๆ คือภาคมหาวิทยาลัย ที่จะต้องสังเคราะห์ และวิจัยให้เกิดการใช้ศาสตร์การแพทย์ดั้งเดิมให้ได้รับการพิสูจน์จากวิทยาศาสตร์ ศาสตร์การรักษาที่ดีต้องดูโนว์ฮาว คือไม่เป็นพิษเป็นภัย มีโทษต่อผู้ป่วย หรือผู้ที่มารับบริการ ส่วนที่ 4. ภาคเอกชน มีส่วนที่จะพัฒนาและวิจัย หรือแม้กระทั่งทำการค้าซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดัน ทำให้เกิดเศรษฐกิจขึ้น
มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เป็นทั้ง 2 ส่วนที่จะผลักดันศาสตร์การแพทย์แผนไทยและดั้งเดิม ศาสตร์การแพทย์ทางเลือกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์สำหรับคนไทย และมวลมนุษยชาติ คุมโรคไร้เชื้อ โรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน ซึ่งถ้าเราหาวิธีมาช่วยจัดการตรงนี้ได้ ก็จะทำให้มนุษย์ของเรานั้นหลีกพ้นจากโรคที่จะตามมาได้อีกมากมาย เช่น โรคไต โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดในสมอง เป็นต้น ส่วนที่สำคัญคืออยากให้สมุนไพรเป็นตัวแทนของศาสตร์การแพทย์ดั้งเดิมของเรา สามารถสร้างเศรษฐกิจตั้งแต่ฐานราก ตั้งแต่ผู้ปลูก ผู้ผลิต ผู้แปรรูป ผู้ที่เป็นตัวแทนการค้าจำหน่าย ผู้ที่ให้บริการ และสุดท้ายคือผู้ที่รับบริการ เริ่มต้นจากในประเทศ และเราก็หวังว่าจะเกิดเศรษฐกิจส่งออกไปต่างประเทศได้ จากการร่วมมือกันในครั้งนี้”
ด้าน นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (CIM@DPU) กล่าวว่า “เป็นที่รู้กันว่าประเทศไทยเปรียบเสมือนเมืองหลวงของ Wellness ที่ทั่วโลกมุ่งมาหา จากปี 2560 ไทยได้รับการโหวตให้เป็นจุดหมายของสปาที่ดีเยี่ยมสุดของโลก ปีพ.ศ.2561 ประเทศไทยทำรายได้ $125 ล้านจากการท่องเที่ยวด้านสุขภาพและ Wellness ขณะเดียวกันประเทศไทยมีมรดกทางวัฒนธรรมของชาติคือการแพทย์แผนไทย การพัฒนาศาสตร์การแพทย์แผนไทยให้เป็น Thai Wellness จึงสอดคล้องกับกรอบยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี แม้ว่าการแพทย์แผนไทยได้รับการส่งเสริมไปทั่วประเทศ แต่ในทางปฏิบัติบทบาทของแพทย์แผนไทยที่บรรจุลงตามโรงพยาบาลต่างๆยังทำงานอยู่ในกรอบแคบๆ เช่นการนวด หรือช่วยตรวจที่ OPD คอยจ่ายยาแก้ไข้ ลดน้ำมูก แก้ท้องเสียตามรอยการแพทย์แผนตะวันตก ถ้าปล่อยไปเช่นนี้ทำเท่าไหร่ก็พัฒนาการแพทย์แผนไทยไม่ขึ้น
ด้วยเหตุนี้แพทย์แผนไทย คมสัน ทินกร ณ อยุธยา รองคณบดีฝ่ายการแพทย์แผนไทย วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ผู้สืบทอดวิชาการแพทย์แผนไทยในราชสกุลแพทย์ทินกร ที่ตกทอดมาตั้งแต่แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 2 จึงได้ใช้เวลากว่า 7 ปี รับเชิญไปทั่วประเทศเพื่ออบรมแพทย์แผนไทยให้รู้จักสมุฏฐานวินิจฉัยและการตั้งตำรับยาในการแพทย์แผนไทยให้ถูกต้องอย่างแท้จริง แต่ก็เกิดความเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส สอนแล้วศิษย์แพทย์แผนไทยทั้งหลายก็ยังไม่แน่ใจนักในการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคตามแนวทางที่อาจารย์ได้ให้ไว้ จนกลายเป็นความเรียกร้องต้องการที่จะมีโอกาสฝึกทักษะการตรวจวินิจฉัยสั่งการรักษาจากอาจารย์คมสันในเวลาปฏิบัติเวชกรรมต่อคนไข้
จากสถานการณ์ดังกล่าวทางบริษัท Wiztech จำกัดโดย นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล ผู้รู้ทันถึงสถานการณ์นี้ จึงใช้เวลากว่า 7 ปีสร้างปัญญาประดิษฐ์ Application program สำหรับคลินิกการแพทย์แผนไทยขึ้นจนประสบผลสำเร็จ โดยนำเอาองค์ความรู้การแพทย์แผนไทยที่ปรากฏอยู่ในราชสกุลทินกรซึ่งเป็นราชสกุลแพทย์ที่สืบเนื่องกันมายาวนาน นำมาสร้างเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับใช้ในคลินิกการแพทย์แผนไทย เพื่อช่วยในการปฏิบัติสมุฏฐานวินิจฉัยและสั่งการรักษาของแพทย์แผนไทย อันจะช่วยให้แพทย์แผนไทยทั่วประเทศมีความเที่ยงตรงในการปฏิบัติเวชกรรมวินิจฉัยแบบแผนไทยได้มากขึ้นสะดวกขึ้นและมีคุณภาพขึ้น
นพ.ทีปทัศน์กล่าวว่า “ด้วยโปรแกรมนี้ เพียงแพทย์แผนไทยกรอกข้อมูลวันเดือนปีเกิด ระยะเวลาตั้งครรภ์ น้ำหนัก ส่วนสูง รอบอก รอบเอว และสัญญาณชีพของผู้ที่มาปรึกษาลงไปเท่านั้น โปรแกรมก็จะทำสมุฏฐานวินิจฉัย เริ่มตั้งแต่ธาตุเจ้าเรือนหลัก ธาตุเจ้าเรือนรอง แนวโน้มและความเสี่ยงทางสุขภาพตามระบบการแพทย์แผนไทย เปรียบเทียบกับการแพทย์แผนปัจจุบัน รวมไปถึงอาหาร น้ำกระสายยา หัตถการที่พึงใช้ รวมถึงตำรับยาแผนไทยที่พึงแนะนำให้อีกด้วย ไม่ว่าแพทย์แผนไทยท่านนั้นจะอยู่แห่งหนตำบลใด ก็เหมือนมีอาจารย์คมสันนั่งให้คำปรึกษาอยู่ใกล้ตัว”
โปรแกรมดังกล่าวบริษัท Wiztech ตั้งใจสร้างขึ้นเพื่อประโยชน์สำหรับแพทย์แผนไทยทั่วประเทศ ผ่านกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกเพื่อให้ได้ใช้ App นี้กับหน่วยงานของกรมฯในจำนวนที่เหมาะสมต่อไป
ในงานนี้ CIM ยังเปิดตัว Application สำเร็จรูปสำหรับคลินิกการแพทย์แผนไทย CIM ร่วมกับบริษัท Wiztech จำกัด ได้ประสบผลสำเร็จในการนำเอาองค์ความรู้การแพทย์แผนไทยที่ปรากฏอยู่ในราชสกุลทินกรซึ่งเป็นราชสกุลแพทย์สืบเนื่องกันมาอย่างมาอย่างยาวนาน มาสร้างเป็นโปรแกรมสำเร็จรูปสำหรับใช้ในคลินิกแพทย์แผนไทย เพื่อช่วยในการปฏิบัติสมุหฐานวินิจฉัยและสั่งการรักษา อันจะช่วยให้แพทย์แผนไทยทั่วประเทศมีความเที่ยงตรงในการปฏิบัติเวชกรรมแผนไทยได้อย่างสะดวกขึ้นและมีคุณภาพ