ลั๊ลลา… เที่ยว “เกาะเชจู” กันดีกว่า
เที่ยวได้ทั้งปี.หลังซัมเมอร์มีไม้หลากสี
ต้องยอมรับว่า ดินแดนกิมจิ..หรือแดนโสมขาว เกาหลีใต้ เป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลาย รวมถึงพี่ไทยบ้านเราด้วย หรือกล่าวได้ว่า คนไทยหลงใหลในความเป็นเกาหลี โดดเด่น มากมายไม่แพ้ชาติอื่น ๆ ในโลกเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ศิลปิน นักร้อง นักแสดง วัฒนธรรม อาหาร สินค้า เทคโนโลยี และ แหล่งท่องเที่ยวของเกาหลีนอกจากอยู่ตามเมืองต่าง ๆ บนแผ่นดินใหญ่แล้ว ตามเกาะ ก็ได้รับความนิยม โดยเกาะที่กำลังเปิดรับนักท่องเที่ยวให้ไปเยือนกันอีกแห่ง ได้แก่ “เกาะเชจู ” (Jeju Island) ที่ได้รับการรับรองให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่ง เวลานี้กำลังเปิดกว้าง เพื่อให้โลกได้รับรู้ว่า ไปเที่ยวชิล ๆเกาหลี…เพียงหลักพัน ก็ไปเที่ยวกันได้แล้ว และเกาหลีสามารถไปเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าฤดูร้อน หรือฤดูหนาว ได้ไปเยี่ยมชมธรรมชาติสวย ๆ มีพิพิธภัณฑ์สวยงาม พร้อมสวนน้ำขนาดมหึมา…ติดอันดับโลก สัมผัสของดี ของเด่น เพื่อสุขภาพและความงาม โดยเฉพาะจาก “โสม” ที่ขึ้นชื่อของชาวแดนกิมจิ และเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมเกาหลีใต้ในแง่มุมต่าง ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์…
ดินแดนเกาหลีใต้ เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของเหล่านักท่องเที่ยวมากมาย เช่นเดียวกับผู้เขียน.. ลั๊นลา..เลยทีเดียว แต่ “เกาะเชจู” (Jeju Island) ยังไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน ซึ่งเป็นเกาะที่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจทีเดียว โดยเป็นจังหวัดเล็กที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ถือกำเนิดจากการระเบิดของภูเขาไฟฮันลา เมื่อประมาณ 2 ล้านปีก่อน ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี และการระเบิดในครั้งนั้น ทำให้พื้นดินบนเกาะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุต่างๆ ส่งผลให้ต้นไม้ ดอกไม้ และพืชพันธุ์นานาชนิดเจริญเติบโตสวยงาม รวมทั้งสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลอีกด้วย
เกาะเชจูตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศ ในคาบสมุทรเกาหลี และทะเลจีนตะวันออก มีสภาพอากาศกำลังสบายตลอดทั้งปี ไม่หนาวและไม่ร้อนจัดจนเกินไป โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15 องศา เมื่อเร็ว ๆนี้ผู้เขียน..ลั๊นลา ได้มีโอกาสร่วมทริป “Romantic summer in JEJU” กับบริษัททรู เวิลด์ ทราเวล จำกัด (TRUE WORLD TRAVEL CO.,LTD.)ไปกับผองเพื่อนพี่น้อง ระหว่างวันที่ 13-15 สิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา ไม่นานหลังจากทางบริษัท ทรู เวิลด์ แทรเวล ได้เปิด “GRAND OPENING JEJU” เที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงจาก “กรุงเทพฯ-เชจู” ด้วยสายการบิน JEJU AIR ไปเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม แม้มีเวลาไม่มากนัก ใช้เวลาเพียง 3 วัน 2 คืน แต่ก็ได้สนุกสนานลั๊ลลากันสุดเหวี่ยงกับช่วงฤดูร้อนบนเกาะเชจู
หากมีโอกาสจะกลับไปเยือนอีกอย่างแน่นอน ..เพราะสมัยนี้การเดินทางสะดวกสบาย โดยเฉพาะ บริษัททรู เวิลด์ แทรเวล จำกัด เป็นเจ้าเดียวในไทยที่เปิดบริการบินเหมาลำทุกวันไปเกาะเชจู เราสามารถเลือกทริปเดินทางได้ตามความสะดวกแม้มีวันหยุดน้อย ที่สำคัญ ยังไปได้แบบสบายกระเป๋า เที่ยวสนุกได้ในราคาเพียงหลักพันเท่านั้น และยังไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพียงแต่ในช่วงฤดูหนาว ที่เป็นช่วงไฮซีซันราคาจะขยับขึ้นมาอีกหน่อยหลักหมื่นต้น ๆ แต่ก็ยังถือว่า มีราคาไม่แพง
คุณพธู ณ สงขลา หรือคุณปลา ผู้บริหารของ ทรู เวิลด์ แทรเวล กล่าวถึงที่มาที่ไปของการจัดทำทริปบินตรงจากกรุงเทพฯ-เชจู ที่ถือเป็นบริษัทไทยเจ้าเดียวที่ดำเนินธุรกิจบินแบบเหมาลำ ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747 จำนวน 183 ที่นั่ง เดินทางทุกวัน วันละ 1 เที่ยว จากสนามบินสุวรรณภูมิว่า เรื่องการท่องเที่ยวเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มนุษย์ต้องการ ทุกคนอยากพักผ่อน อยากท่องเที่ยว จึงมองว่า ธุรกิจท่องเที่ยวมีความสำคัญมากในปัจจุบันและทางบริษัทมีศักยภาพอยู่แล้ว จึงอยากทำโปรเจ็คขึ้นมา ซึ่งสิ่งที่มองคือ ต้องเป็นสิ่งที่ใหม่ ต้องเป็นสิ่งที่แปลก และปัจจัยหลักที่คนจะซื้อทัวร์มาท่องเที่ยว คือ เรื่องของราคา ซึ่งสิ่งที่จะทำเรื่องราคาได้ คือ เรื่องของเครื่องบิน
“เกาะเชจู เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ เป็น 1 ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกหรือ New 7 Wonders of Nature เป็นสิ่งที่ชาวเกาหลีเองยังต้องมาเยือนสักครั้ง แต่งงานแล้วยังต้องมาฮันนีมูนที่นี่ จึงเลือกจะทำที่เกาะเชจู เพราะ 1.เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ 2.อินเทรนด์ เพราะตอนนี้เกาหลีใต้กำลังมาแรงมาก
จากนั้นจึงเริ่มมาสำรวจว่า ที่นี่มีอะไรที่น่าสนใจ มีอะไรแปลกใหม่ มีอะไรที่ทัวร์อื่นไม่มี จึงตัดสินใจจะทำทัวร์ที่นี่ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า โดยสำรวจ ทำการตลาด และการจะทำราคาได้จะต้องเหมาลำเครื่องบิน เกิดการเหมาลำเครื่องบิน เมื่อได้มาแล้วจึงมาบริหารจัดการได้ในเรื่องราคา เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าที่ดีที่สุด ทำให้ทัวร์เชจู กลายเป็นทัวร์ที่มาได้ทุกกลุ่ม ทุกช่วง มาได้ทุกเวลา มาได้ทั้งครอบครัวและมาได้เป็นคณะใหญ่ ๆ รูปแบบบริษัท และเพื่อนฝูง มาได้ในราคาที่ตอบโจทย์ลูกค้าจริง ๆ
มั่นใจว่า ใครที่มาเที่ยวเชจู จะได้รับสิ่งที่ตอบแทนคืนมา มากกว่าค่าทัวร์ที่จ่ายไปแน่นอน”
คุณปลากล่าวต่อว่า “เชจู เน้นความเป็นธรรมชาติ นักท่องเที่ยวมาแล้วจะได้สัมผัสธรรมชาติ สิ่งที่ไม่เหมือนคนอื่น ต่างจากที่ได้เห็นความเจริญ ความทันสมัย ช้อปปิ้งในเมืองในโซล เชจูมีปล่องภูเขาไป ซอง…ที่ถือเป็นซิกเนเจอร์ของเชจูเลยทีเดียว เป็นปล่องภูเขาไฟที่เราสามารถไปเหยียบปากปล่องภูเขาไฟได้ มองลงมาแล้วเป็นวิวสวยงาม เป็นสิ่งที่ใครอยากมาสัมผัสครั้งหนึ่งในชีวิต
นอกจากนี้ท้องทะเลยังเป็นท้องทะเลที่มีสีไม่เหมือนใคร เพราะมีหินเป็นสีดำเมื่อแสงสะท้อน เพราะเป็นภูเขาไฟ
สำหรับอีกหนึ่งสิ่งที่เราดึงขึ้นมาคือ “ความโรแมนติกของเกาะเชจู” เพราะเกาะเชจูมีดอกไม้เยอะมาก จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของฤดูกาลต่าง ๆ ที่ผ่านมา จะรู้ว่า ช่วงไหนมีดอกไม้อะไรออก ช่วงหน้าร้อน ฤดูใบไม้ร่วงและช่วงหน้าหนาว
ช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือสปริง มีซากุระ ทุกดอกเรปดอกสีเหลือง รวมถึงมีถนนสวยที่สุดยาว ด้านบนเป็นดอกเรป ด้านล่างเป็นดอกซากุระ ยาวเป็นระยะทางหลายกิโล เราก็พาทัวร์ไป ช่วงที่ดอกคามิเลีย ออกเป็นสีแดง มีหลายสายพันธุ์มากแดงทั่วทั้งเกาะเชจูไปหมดเลย ช่วงที่ดอกพวงภาชีออก ก็จะมีสีแดงเต็มไปหมดเลย คนไทยชอบถ่ายรูปกับดอกไม้ ดอกไม้ทำให้เราอารมณ์ดี ทำให้เราหายเครียด ทำให้เราได้พักผ่อนจริง ๆ เราจึงดึงคอนเซ็ปต์นี้ขึ้นมา มีที่เที่ยวเยอะสำหรับเกาะเชจู
เราพยายามทำให้การท่องเที่ยวแตกต่างไปตามฤดูกาล เพราะอยากให้คนไทยได้มาสัมผัสทุกฤดู บางคนมาฤดูละครั้ง บางคนมาซ้ำฤดูกาลเดิมยังแตกต่างเลย เพราะเชจู สภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลงตลอด อยากมาช่วงหน้าจัด ฤดูหนาว เชจูก็มีหิมะให้เห็น เป็นธรรมชาติ เป็นหิมะจริง ๆที่ตกมาจากท้องฟ้า เหยียบลงไปแล้วฟู เหยียบลงไปแล้วนุ่ม ไม่ใช่หิมะเทียม
จุดเด่นของบริษัทคือ เรามีพันธมิตรที่เป็นแลนด์ที่นี่ค่อนข้างจะมีศักยภาพ แข็งแรง ได้สัมปทาน รถและโรงแรม และมีลูกทัวร์ที่เป็นคนไทยด้วยกัน เรามีพนักงานนำเที่ยวไกด์ประจำ ทุกคนทำเต็มที่ ให้การบริการเต็มที่และได้รับการฝึกอบรมจากที่เดียวกัน มีแนวทางเดียวกัน ต้องการให้ทุกคนประทับใจและกับมาเที่ยวกับเราใหม่อีกครั้ง
นอกจากนี้เรามีเส้นทางเที่ยวควบ ไปเชจู-โซล หรือเชจู-ปูซาน ตอบโจทย์คนอยากเที่ยว 2 เมืองในครั้งเดียว โดยเราพาไปโดยบินเครื่องบินภายในประเทศ ที่มีราคาสุดว๊าวมาก
คนอยากมาเที่ยว เรามีเอเจนซี่ทั่วประเทศไทย เอเจนซี่ใกล้บ้าน เพียงอยากมาเที่ยวเชจู ก็สามารถติดต่อได้”
จากการบอกเล่าของคุณปลาสะท้อนให้เห็นว่า การไปท่องเที่ยวเกาะเชจู ของเกาหลีใต้ เราสามารถเดินทางไปได้สะดวกสบายและไปได้ทุกฤดูกาล ซึ่งจะได้สัมผัสเสน่ห์ของทุกช่วงฤดูแตกต่างกัน ช่วงฤดูร้อนสภาพอากาศก็จะใกล้เคียงกับไทยบ้านเรา
ทางบริษัททรู เวิลด์ แทรเวล เปิดเส้นทางบินไปเกาะเชจูทุกวันแบบเหมาลำ ของสายการบิน JEJU AIR เครื่องบิน BOEING 737-800 ออกเดินทางในประเทศไทยเวลาประมาณ 02.25-03.25 น. ส่วนการเดินทางจากเกาะเชจูกลับประเทศไทย เครื่องบินออกเวลา 21.30-22.30 น. ซึ่งใช้เดินทางนานประมาณ 5 ชั่วโมง
ผู้เขียนไปมาแล้ว การันตีความสนุกสนานและความสามารถเป็นเลิศของไกด์ไทย ไป หากมีโอกาสคงต้องไปเยือนกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง …อย่างแน่นอน
แต่ไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างนั้น เราจะไปทำความรู้จักกัน ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวเด่น ๆหลายอย่างทีเดียว อาทิ พิพิธภัณฑ์ชาโอชุลลอค (O’Sulloc),ฮัลโหลคิตตี้ เจจู(HELLO KITTY JEJU ISLAND) ,วัดซันบังโพมุนซา (SANBANGSAN BOMUNSA TEMPLE), ไปชมโชว์กายกรรม (CIRCUS WORLD SHOW),บาชา-ภูเขาซองอัค (SONGAK SAN) ,พิพิธภัณฑ์แฮนยอ(HAENYEO MUSEUM) , หมู่บ้านวัฒนธรรมซองอึบ (SONGEUB FOLK VILLAGE),ยอดเขาซองซานอิลจุลบง SEONGSAN (ILCHULBONG), ชมดอกไฮเดรนเยีย ,พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ(HANWHA AQUA PLANET JEJU) ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย, ร้านผลิตภัณฑ์น้ำมันสนเข็มแดง,ศูนย์เครื่องสำอาง -ศูนย์โสม ,อตเต้ ดิวตี้ฟรี ,ดาวน์ทาวน์เมืองเชจู และ ยงดูอัมร็อคหรือโขดหินรูปหัวมังกร
และที่พลาดไม่ได้คือ อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park) ที่ตั้งอยู่ใจกลางเกาะเชจู เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเกาะ และเป็นจุดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรกดกโลก (UNESCO World Heritage)
เราสามารถไปท่องเที่ยวเชจูกันได้ตลอดทั้งปี ช่วงเดือนสิงหาคม -กันยายน เป็นช่วงของฤดูร้อน ใครที่อยากไปสัมผัสต้นไม้เปลี่ยนสี ต้องไปช่วงปลายเดือนกันยายน ปลายปีก็จะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ ขึ้นชื่อของเกาะเชจูกันเนื่องจากเกาะเชจู ถือกำเนิดมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ จึงไม่น่าแปลกใจที่สถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติต่าง ๆ จึงเป็นภูเขาเสียเป็นส่วนใหญ่ ลั๊ลลาจะพาไปสถานที่ท่องเที่ยวโดดเด่นของเกาะแห่งนี้กัน เริ่มต้นกันที่จุดซึ่งเป็นไฮไลท์อย่าง…ยอดเขาซองซานอิลจุลบง SEONGSAN (ILCHULBONG) กัน
ยอดเขา ซองซาน อิลจุลบง (SEONGSAN ILCHULBONG ) เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วอยู่บริเวณฝั่งตะวันออกของเกาะเชจู ปากปล่องภูเขาไฟมีลักษณะเหมือนมงกุฎ โดยปากปล่องมีขนาดค่อนข้างใหญ่ กว้างประมาณ 600 เมตร สูง 90 เมตร บริเวณรอบๆปากปล่องเป็นหินแหลมเกือบ 100 ยอดจึงทำให้ดูคล้ายกับมงกุฎ จึงเป็นสถานที่โด่งดังที่ผู้ต้องการมาขอพรและชมพระอาทิตย์ขึ้นพยายามมาให้ถึง ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วจะไม่ผิดหวังกันเลยทีเดียวกับบรรยากาศที่สดชื่น ได้ชมทิวทัศน์ท้องฟ้าและน้ำทะเลสีคราม เป็นภาพที่สวยงามรอบเกาะเชจู ทำให้เป็น 1 ใน 10 สถานที่สวยงามของเกาะเชจูและเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกอยากมาสัมผัส สมกับที่ทำให้เกาะเชจูได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่ทางธรรมชาติของโลก
ไปถึงแล้วใครที่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่พยายามไปให้ถึงปากปล่อง แต่สำหรับลั๊ลลา..ไปไม่ไหว แต่ก็ไม่พลาดจะชักภาพไว้เป็นที่ระลึกว่ามาถึงแล้วเหมือนกัน
ส่วนค่าเข้าสถานที่ ผู้ใหญ่ 2,000 วอน / วัยรุ่น 1,000 วอน / เด็ก 1,000 วอน ใครที่ขึ้นไปไม่ไหวสามารถเดินลงไปเที่ยวบริเวณด้านล่างได้ ซึ่งจะมีร้านค้า ร้านกาแฟสำหรับให้เรานั่งพักรอเพื่อน ๆ พร้อมลานจอดรถกว้างขวางทีเดียวสำหรับบริการนักท่องเที่ยว สะดวกมากๆเลย
เสร็จจากขึ้นยอดเขาสูงแล้ว ยังมีภูเขาอื่น ๆ ให้ไปต่อกันอีก คราวนี้ไปชมดอกไม้ ชมธรรมชาติ “ดอกไฮเดรนเยีย” (HYDRANGEA FLOWER) ณ Camellia Hill สวนคามิเลีย สวนพฤกษศาสตร์ เป็นสวนที่รวบรวมดอกไม้นานาพรรณ
ไม้ดอกโดดเด่น ได้แก่ ดอกไฮเดรนเยีย ซึ่งมีให้ชมกันมากสุด แต่ก็มีพืชอื่นๆ ให้ชมด้วยสมกับที่เป็นสวนพฤกษศาสตร์เลยทีเดียว ลั๊ลลา ไปในช่วงฤดูร้อน เลยได้ชมพระเอก “ดอกไฮเดรนเยีย” ที่จะมีให้เห็นเฉพาะในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นสีคราม มีสีเหลืองเขียวแซมให้เห็นบ้าง แต่ไม่มาก แม้แต่ชาวเกาหลีเองก็ยังมาเที่ยวชมกัน
ซึ่งดอกไม้นี้มีความหมาย ด้วยเป็นดอกไม้ที่สามารถทนกับสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดี มีความหมาย “แทนคำขอบคุณ” เหมาะสำหรับใช้แทนคำพูดได้สำหรับคนพูดไม่ค่อยเก่ง ซึ่งดอกไฮเดรนเยียบนเกาะเชจูู ส่วนมากเป็นสีฟ้า หรือสีม่วงอมชมพู มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยทำให้บรรยากาศบนภูเขามีความโรแมนติก
ไม้ประดับที่พบมากอีกชนิด ได้แก่ ต้นสน ที่ปลูกเป็นพุ่มเบียดอัดกันเป็นแนวสีเขียวสวยงาม จึงเป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวประทับใจ ถ่ายภาพสวย ๆ กัน
สถานที่ต่อไป “วัดซันบังโพมุนซา” (SANBANGSAN BOMUNSA TEMPLE) ไปเกาหลี เราก็ไปเที่ยววัดเหมือนกัน
ภายในวัดมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่ พร้อมรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม รูปปั้นพระสังกัจจายน์หันหน้าออกไปทางทะเล เป็นที่นิยมของชาวเกาหลีใต้ที่เลื่อมใสมากราบไหว้ขอพรกัน เพื่อการมีสุขภาพที่ดี มีโชคลาภ ร่ำรวยเงินทอง
หลังจากไปวัดกันแล้ว ที่เกาะเชจูยังมีพิพิธภัณฑ์ย้อนยุคถึงเรื่องราวการใช้ชีวิตหรือวิถีชีวิตของผู้คนบนเกาะแห่งนี้ มีชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์แฮนยอ” (HAENYEO MUSEUM) ที่สะท้อนให้เห็นว่า ผู้หญิงชาวเกาหลีบนเกาะนี้มีความแข็งแกร่ง ในการต้องดูแลครอบครัวและดูแลผู้เป็นสามีเป็นอย่างดี โดยเฉพาะต้องออกหาปลาแทนผู้ชาย จึงเรียกกันว่า “Haenyo” หรือ “ผู้หญิงแห่งท้องทะเล” ปัจจุบันผู้หญิงซึ่งรับหน้าที่นี้ล้วนมีอายุกว่า 70 ปีกันแล้ว
ภายในพิพิธภัณฑ์แสดงเป็น3 ส่วน ชั้นล่างสุด แสดงวิถีชีวิต ข้าวของเครื่องใช้ ชั้น 2 มีห้องแสดงเกี่ยวกับชุมชนและการทำงาน พร้อมชุดว่ายน้ำที่สวมใส่กัน พร้อมห้องแสดงรูปภาพของ แฮนยอ และประกาศนียบัตรรับรองการขึ้นทะเบียนมรดกโลก ด้านนอกมีอนุสาวรีย์ ชื่อว่า Jeju Haenyeo Anti-Japanese Movement Memorial Tower ที่ใครไปก็ต้องไปถ่ายรูปกันตรงนี้ นี่ล่ะ..