“ลาซาด้า” โชว์วิถี Smart Living
“Digital Thailand Big Bang2019”
ลาซาด้า ประเทศไทย กับครั้งแรกของการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ซึ่งเป็นงานแสดงเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมจัดแสดงนวัตกรรมของบริษัทครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีด้าน Smart Logistics, Smart Traffic, Smart Home และ Smart Village เป็นหลัก ภายใต้แนวคิด “Enabling Thailand, Embracing ASEAN” ลาซาด้าแสดงให้เห็นว่าศักยภาพของบริษัทในการสร้างระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่จะมายกระดับการเชื่อมต่อให้ก้าวหน้าขึ้น ไม่เพียงแค่เฉพาะภายในประเทศเท่านั้น แต่รวมถึงการเชื่อมต่อเข้ากับอาเซียนทั้งภูมิภาค ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งานให้ดียิ่งขึ้น
แจ็ค จาง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ลาซาด้า ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ที่จัดขึ้นในปีนี้ บริษัท ลาซาด้า ในฐานะผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตระหนักดีว่า ประสบการณ์อีคอมเมิร์ซที่เหนือกว่าไม่ได้เกิดขึ้นจากการนำองค์ประกอบต่างๆ ในห่วงโซ่อุปทานมาประกอบเข้าด้วยกันเท่านั้น หากแต่หมายถึงการสร้างระบบนิเวศที่แต่ละองค์ประกอบทำงานสอดคล้องกันอย่างไร้รอยต่อ โดยอาศัยนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี การขนส่ง และระบบจ่ายเงิน ส่งมอบประสบการณ์ที่เหนือระดับให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย กล่าวโดยสรุป หัวใจสำคัญก็คือ การยกระดับการเชื่อมต่อประเทศไทยเข้ากับภูมิภาคอาเซียนให้ก้าวหน้าขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย นี่คือสิ่งที่เราต้องการสื่อสารผ่านการเข้าร่วมงานในครั้งนี้”
ลาซาด้าเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ซึ่งในปีนี้จัดขึ้น 4 วัน เพื่อมาสัมผัสเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากลาซาด้าซึ่งจะเชื่อมต่อคุณเข้ากับวิถีชีวิตแบบ Smart Living สุดทันสมัย
โดยตลอดการจัดแสดงงาน ผู้เข้าชมที่แวะเวียนมาที่บูธของลาซาด้าจะได้สัมผัสประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับระบบนิเวศของลาซาด้าซึ่งขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้แก่ Smart Logistics, Smart Traffic, Smart Home และ Smart Village
Smart Logistic
โซนจัดแสดงระบบนิเวศของลาซาด้าที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการยกระดับการเชื่อมต่อให้พัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปี่ยมด้วยศักยภาพมาจัดแสดง เช่น Quicktron ซึ่งเป็นเทคโนโลยีระบบขนส่งอัตโนมัติภายในโกดัง (Automated Guided Vehicle: AGV) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง เป็นต้น โดยระบบ Smart Logistics ของลาซสด้าได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การสนับสนุนทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย โดยประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับก็คือระบบนิเวศที่เชื่อมโยงถึงกันในแนวตั้ง ทำให้ผู้ใช้งานได้รับความปลอดภัยในการใช้งาน ความแม่นยำ ประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และความรวดเร็ว ขณะที่ทั้งผู้ซื้อ และผู้ขายจะได้รับประโยชน์มากขึ้นเมื่อเรายกระดับพวกเขาให้มีความพร้อมสำหรับเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น โดยได้แรงสนับสนุนจากนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลคอยช่วยเหลืออีกทางหนึ่ง
Smart Traffic
โซน Smart Traffic ที่นำมาจัดแสดง ณ บูธของลาซาด้าเป็นบริการภายใต้ Alibaba Cloud ซึ่งเป็นหนึ่งในนวัตกรรมที่เป็นแกนหลักของระบบการจัดการข้อมูลอัจฉริยะจาก Alibaba Group แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการปัญหาด้านการจราจรที่มีความจำเป็นในปัจจุบัน อาทิ ระบบการตรวจจับเหตุการณ์ การวัดความแออัดของท้องถนน การนับยานพาหนะและการระบุจำนวน การตรวจจับความแออัด, การนับยานพาหนะและการจำแนก, การเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณไฟจราจร และการจำลอง สภาพจราจร
Smart Home
โซน Smart Home ที่นำนวัตกรรมอุปกรณ์อัจฉริยะแบบควบคุมการสั่งงานด้วยเสียงจาก Tmall Genie ซึ่งออกแบบโดยศูนย์วิจัย A.I. ของ Alibaba มาจัดแสดง โดย Tmall Genie ได้ยกระดับประสบการณ์การใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น การควบคุมบ้านด้วยระบบอัจฉริยะ การช้อปปิ้งผ่านเสียง การส่งอาหาร และการสตรีมเพลง
Smart Village
ลาซาด้าช่วยเชื่อมต่อประเทศไทยสู่ภูมิภาคอาเซียนและสู่เวทีโลก เปิดโอกาสให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อสินค้าได้จากทั่วทุกมุมโลก และเป็นการขยายตลาดไปสู่เวทีสากลให้กับผู้ขายด้วยในเวลาเดียวกัน โดยโครงการที่นำมาจัดแสดงในงาน Digital Thailand Big Bang ในครั้งนี้คือโครงการ Smart Village Online ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างลาซาด้ากับกระทรวงพาณิชย์เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการภายในประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์ OTOP และผลิตภัณฑ์จากชุมชนท้องถิ่น ผ่านการสร้างระบบสนับสนุนที่สอดคล้องกันทั้งระบบ และการสร้างชุมชนอีคอมเมิร์ซต้นแบบ
ทั้งนี้ลาซาด้าถือเป็นแพลตฟอร์มที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคนต่อปี และยอดขายที่เติบโตขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วงสามไตรมาสที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และกำลังสร้างระบบนิเวศอีคอมเมิร์ซชั้นนำที่ประกอบไปด้วยคลังสินค้ากว่า 30 แห่งในกว่า 17 เมือง มีการคัดแยกพัสดุเองกว่า 75% ของพัสดุที่จัดส่งให้ลูกค้าทั้งหมด
ในฐานะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซระดับเรือธงของ Alibaba Group ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลาซาด้าได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีของ Alibaba และความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง Tmall Global และ AliExpress เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์อันหลากหลายให้กับภูมิภาค
“การที่ลาซาด้าผนวกตัวเองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเศรฐษกิจของ Alibaba ทำให้เกิดประโยชน์ต่อแบรนด์ และผู้บริโภคในภูมิภาคอาเซียนอย่างมหาศาล เพราะเป็นการเชื่อมต่อที่ส่งเสริมกระบวนการโลกาภิวัตน์ ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งขนาดและความเร็วในการขนส่งสินค้าไปทั่วทั้งภูมิภาคที่มีความหลากหลาย และทำให้เกิดการบูรณาการประสบการณ์แบบรวมศูนย์กลางไว้บนแพลตฟอร์มแนวไลฟ์สไตล์ของเราเพียงแพลตฟอร์มเดียว ตามกลยุทธ์ Shoppertainment” แจ็ค จาง กล่าว
กลยุทธ์ Shoppertainment ของลาซาด้ายังคงส่งมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งที่เหนือระดับอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย โดยการควบรวมการช้อปปิ้งและความบันเทิงเข้าด้วยกันผ่านโครงการต่างๆ เช่น “See Now, Buy Now” ซึ่งเป็นงานแฟชั่นโชว์ที่ถ่ายทอดสดและมียอดผู้ชมกว่า 300,000 วิวในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย และแอป LazGame arcade ซึ่งมีเกมให้เลือกเล่นถึง 9 เกม ขณะที่ InStyle ที่เป็นแพลตฟอร์มเครือข่ายสังคมค้าขายออนไลน์ (social commerce) ชั้นนำในประเทศไทยก็เป็นพื้นที่จัดแสดงผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ต่างๆ ของผู้ค้าชั้นนำบนโลกออนไลน์
ภายในงาน Digital Thailand Big Bang ลาซาด้าได้มีการมาจัดแสดงฟีเจอร์จาก Shoppertainment ได้แก่ LazLive และ LazVideo ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถเชื่อมต่อผู้ขายและลูกค้าเข้าด้วยกันแบบ Real-time เพื่อช่วยให้ผู้ขายสามารถต่อยอดธุรกิจและสร้างแบรนด์ได้ เทคโนโลยี LazVideo ที่ลาซาด้าทำงานประสานกับผู้ขายและผู้มีอิทธิพลบนโลกโซเชี่ยลเพื่อสร้างวิดีโอสอนใช้งานหรือรีวิวสินค้าเพื่อสนับสนุนการซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้
บูธของลาซาด้าในงาน Digital Thailand Big Bang 2019 ตั้งอยู่ที่ BP19 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา ระหว่างวันที่ 28 – 31 ตุลาคม 2562 โดยที่บูธจะมีทั้งเกมสนุกๆ ให้เล่นบนเวทีและการแจกรางวัลส่วนลดพิเศษสำหรับแคมเปญ 11.11 ที่กำลังจะมาถึงอีกด้วย
อนึ่งลาซาด้าก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2555 ลาซาด้า กรุ้ป เป็นผู้นำแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันมากกว่า 50 ล้านคน ดำเนินธุรกิจในหกประเทศ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ด้วยเทคโนโลยีที่ครบครัน พร้อมระบบโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง และเครือข่ายการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ลาซาด้าสามารถเชื่อมต่อภูมิภาคขนาดใหญ่ที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติเข้าไว้ด้วยกัน ปัจจุบัน ลาซาด้าคือแพลตฟอร์มที่มีแบรนด์สินค้าและผู้ขายมากที่สุด พร้อมความมุ่งมั่นที่จะให้บริการเหล่านักช้อปออนไลน์กว่า 300 ล้านคนภายในปี พ.ศ. 2573 นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 เป็นต้นมา ลาซาด้าได้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญของกลุ่มอาลีบาบาในภูมิภาคแห่งนี้ที่ได้รับการขับเคลื่อนโดยโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด
สำหรับลาซไลฟ์ ลาซาด้าเปิดตัวลาซไลฟ์ครั้งแรกในเดือน พฤศจิกายน 2561 ซึ่งเป็นฟีทเจอร์ในแอปพลิเคชันที่ช่วยให้ผู้ขายสามารถเข้าถึงลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ผ่านการทำไลฟ์ตรีมช้อปปิ้งและเอนเตอร์เทนเมนต์ ในปัจจุบัน มียอดผู้เข้ารับชมทั้งสิ้น 28,000,000 วิว นับตั้งแต่เปิดตัว โดยมียอดการทำไลฟ์บนแพลตฟอร์มเฉลี่ย 70 รอบในแต่ละวัน
นอกจากนี้ลาซาด้ายังเปิดตัวลาซวิดีโอในประเทศไทยครั้งแรกในเดือน ตุลาคม 2562 โดยมียอดเฉลี่ยการสร้างคลิปวิดีโอบนแพลตฟอร์มสูงกว่า 100 คลิปในแต่ละวัน ลาซวิดีโอ คือฟีทเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ขายสามารสร้างวิดีโอแนะนำคุณสมบัติสินค้า เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อให้กับลูกค้า