กรมพัฒน์ฯ เผยปี63 เร่งผลักดัน 162สนง.บัญชีคุณภาพ สู่สนง.บัญชีดิจิทัล พร้อมตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติ
นางโสรดา เลิศอาภาจิตร์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยถึง แนวทางการดำเนินงานและภารกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในปี 2563 เกี่ยวกับการพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจสำนักงานบัญชี ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจในด้านการจัดทำและนำเสนอตัวเลขทางธุรกิจในรูปแบบของรายงานทางการเงินแก่ภาคธุรกิจ
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะหน่วยงานส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีให้มีความเป็นมืออาชีพและมีธรรมาภิบาล ได้ตระหนักถึงความสำคัญต่อการพัฒนา และเพิ่มพูนองค์ความรู้ด้านมาตรฐานการบัญชีให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของวิชาชีพและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น กรมฯ จึงมีนโยบายและแผนงานที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบวิชาชีพบัญชีได้เตรียมความพร้อมทั้งในเรื่ององค์ความรู้และเครื่องมือทางด้านเทคโนโลยีให้พร้อมรับกับระบบเศรษฐกิจดิจิทัลเพื่อเตรียมความพร้อมให้สำนักงานบัญชีคุณภาพสามารถเข้าถึงนวัตกรรมทางด้านการบัญชีและการบริหารจัดการ ตลอดจนปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานจากแบบดั้งเดิมไปสู่การเป็นสำนักงานบัญชีดิจิทัล (Digital Accounting Firm)
โดยใน ปี 2563 กรมฯ ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้ 1.เสริมสร้างองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำบัญชี และการเปลี่ยนแปลงเป็นสำนักงานบัญชีคุณภาพสู่สำนักบัญชีดิจิทัล (Transform to Digital Accounting Firm) เช่น การนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) หรือหุ่นยนต์ (Robot) มาใช้ในการทำบัญชี การประมวลผล
การวิเคราะห์ข้อมูล เป็นต้น 2. กำหนดหลักเกณฑ์ โครงสร้าง และรูปแบบของสำนักงานบัญชีดิจิทัลโดยคณะทำงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาหาเครื่องมือและโปรแกรมที่มีความเหมาะสมกับธุรกิจสำนักงานบัญชี เพื่อให้สำนักงานบัญชีคุณภาพนำไปใช้ในการดำเนินการและวัดผลแบบ Self-Assessment
3. จัดประกวดสำนักงานบัญชีคุณภาพที่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นสำนักงานบัญชีดิจิทัลที่สามารถให้บริการลูกค้าด้วยเทคโนโลยีได้ครบวงจร พร้อมจัดพิธีมอบรางวัลสำนักงานบัญชีดิจิทัลดีเด่น เพื่อกระตุ้นให้สำนักงานบัญชีเกิดการตื่นตัว และ 4. กรมฯ จะถอดบทเรียนในการทำต้นแบบสำนักงานบัญชีดิจิทัล พร้อมทั้งเผยแพร่ไปยังหน่วยงาน สำนักงานบัญชีและผู้ทำบัญชีอื่นๆ เพื่อพลิกโฉมสำนักงานบัญชีไทยสู่ Digital Accounting Firm สร้างความเชื่อมั่นข้อมูลทางบัญชีและการเงินด้วยนวัตกรรม
ทั้งนี้ กรมฯ คาดว่าแผนการดำเนินงานดังกล่าวจะช่วยให้สำนักงานบัญชีขยายบทบาทออกไปจากความรับผิดชอบด้านการจัดทำบัญชีและการจัดทำรายงานต่างๆ ไปสู่บทบาทที่ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กรมากขึ้นในฐานะเพื่อนคู่คิดของธุรกิจ SMEs อีกทั้งยังสามารถรองรับโครงการ National e-Payment ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดการใช้กระดาษด้วยการสร้างสังคมไร้กระดาษ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดจะถูกจัดเก็บประมวลผลและวิเคราะห์ด้วย Cloud Computing พร้อมทั้งเชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีทั้งกระบวนการเข้าด้วยกันส่งผลให้งบการเงินที่ได้มีความถูกต้อง สามารถจัดทำบัญชีให้แก่ธุรกิจได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว ลดขั้นตอนในการจัดส่งเอกสาร ลดการสูญหาย และความผิดพลาดในการส่งข้อมูล
ความเข้าใจต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ แต่ความรวดเร็วในการตัดสินใจเพื่อรับมือและจัดการกับความเปลี่ยนแปลงก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะจะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับกิจการที่มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์มากกว่า รองอธิบดี กล่าวสรุป
ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ธันวาคม 2562) มีสำนักงานบัญชีคุณภาพ จำนวนทั้งสิ้น 162 ราย แบ่งเป็นภาคกลางจำนวน 50 ราย ภาคเหนือจำนวน 17 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 10 ราย ภาคใต้จำนวน 21 ราย และกรุงเทพมหานคร จำนวน 64 ราย
สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่สายด่วน 1570 ส่วนส่งเสริมพัฒนาสำนักงานบัญชีคุณภาพ กองกำกับบัญชีธุรกิจ โทร 02 547 5981 , 02 547 4414 อีเมล์ accountingdbd@hotmail.com และ www.dbd.go.th