วช. ร่วม สธ.- ม.มหิดล- ส.การค้าฯวิจัยระบบโลจิสติกส์ด้านสาธารณสุข
วช. ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือ “โครงการศึกษาวิจัยเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบโลจิสติกส์โครงสร้างพื้นฐานและระบบบูรณาการข้อมูลสารสนเทศและ Big Data ด้านสาธารณสุข” ระหว่าง มหาวิทยาลัยมหิดล กระทรวงสาธารณสุข และ สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดย ศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพ (ศูนย์ Loghealth) จัดพิธีลงนามความร่วมมือเดินหน้าเฟส 3 “โครงการศึกษาวิจัยเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบโลจิสติกส์โครงสร้างพื้นฐานและระบบบูรณาการข้อมูลสารสนเทศและ Big Data ด้านสาธารณสุข” โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ รักษาการอธิการบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นายแพทย์ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และ ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม นายกสมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ ร่วมพิธีลงนามในครั้งนี้ โดยการลงนามความร่วมมือทางด้านวิชาการด้าน Digital Healthcare จัดขึ้นในระหว่างการประชุมสัมมนาวิชาการ เรื่อง “Thailand Healthcare & HealthTech Transformation 2020 : Healthcare Logistics & Big Data By Mahidol Engineering” ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 ณ ห้องประชุม 322 อาคารศูนย์การเรียนรู้มหิดล มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
ทั้งนี้ ศาสตราจารย์ นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ทำหน้าที่ ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง รองผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ร่วมเป็นพยานในพิธีลงนามความร่วมมือฯ ดังกล่าว ในนามของหน่วยงานผู้ให้การสนับสนุนทุนวิจัยและพัฒนานวัตกรรม
นอกจากนี้กิจกรรมภายในงานยังมีการนำเสนอผลการออกแบบและพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของสาธารณสุขไทย ในด้านระบบบริหารจัดการคลังยาและเวชภัณฑ์ การลดความแออัดในโรงพยาบาล และแนวทางพัฒนาระบบการเชื่อมโยงข้อมูลจากโรงพยาบาลสู่ร้านขายยา ซึ่งเป็นผลงานที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัย แผนงานวิจัยตอบสนองต่อนโยบาย/เป้าหมายรัฐบาล ด้านระบบโลจิสติกส์สาธารณสุข จากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ดวงพรรณ ศฤงคารินทร์ เป็นผู้อำนวยการแผนงาน รวมถึงมีการเสวนา เรื่อง “อนาคต Healthcare Startup กับระบบสาธารณสุขไทย ซึ่งเป็นทิศทางความร่วมมือระหว่าง คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และสมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ (Thailand Tech Startup Association) ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนได้รับทราบและเกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การต่อยอดผลงานวิจัยร่วมกันในอนาคตต่อไปได้อีกด้วย