ททท. ยกระดับมาตรฐานโรงแรมไทย มอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานโรงแรม ประจำปี 2563 ตอกย้ำมั่นใจเที่ยวไทยปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ มูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย และสมาคมโรงแรมไทย เดินหน้าฟื้นฟูและพัฒนาอุตสาหกรรมโรงแรมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การดำเนินนโยบาย “ซ่อม-สร้าง” กำหนดจัดพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานโรงแรม ประจำปี 2563 จำนวน 98 แห่ง โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธี เพื่อส่งเสริมพัฒนาและยกระดับมาตรฐานโรงแรม 3-5 ดาวให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวในยุควิถีปกติใหม่ หรือ New Normal ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีน ปาร์ค กรุงเทพมหานคร
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. เผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. ได้ออกมาตรการเร่งด่วน วางแผนพัฒนา ฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ด้วยการผนึกกำลังกับสถานประกอบการที่เกี่ยวข้อง โดยการดำเนินนโยบาย
“ซ่อม-สร้าง” และโครงการ Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับมาตรฐานโรงแรมไทย เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทำการปรับปรุง พัฒนาสินค้าและบริการ รวมทั้ง ยกระดับโรงแรมสู่มาตรฐาน 3-5 ดาว ให้สอดรับกับวิถีปกติใหม่ โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อีกทั้ง เป็นการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและช่วยผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศดังเดิม
สำหรับโครงการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับมาตรฐานโรงแรมไทย ททท. ได้ดำเนินงานร่วมกับสมาคมโรงแรมไทย และมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย โดยพิจารณามาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยว คำนึงถึงปัจจัยหลักดังนี้ คือ 1) สภาพทางกายภาพ อาทิ สภาพแวดล้อม ที่ตั้ง 2) การก่อสร้าง อาทิ โครงสร้างทางกายภาพของโรงแรม ระบบภายในโรงแรม การเลือกใช้วัสดุ ระบบความปลอดภัย
3) สิ่งอํานวยความสะดวกสําหรับผู้เข้าพักและผู้มาใช้บริการ อาทิ ปริมาณของใช้ที่จัดให้ อุปกรณ์ตกแต่ง 4) คุณภาพการบริการและการรักษาคุณภาพ อาทิ บุคลิกภาพพนักงาน คุณภาพการบริการ และ 5) การบํารุงรักษาโรงแรมและสิ่งอํานวยความสะดวกต่าง ๆ ด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย เป็นต้น
นายประกิจ ชินอมรพงษ์ รองประธานมูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจโรงแรมที่มีขายในระบบออนไลน์ จำนวน 66,209 แห่ง มีจำนวนห้องพักประมาณ 1,800,000 ห้อง และเป็นโรงแรมที่ถูกกฎหมาย จำนวน 16,282 แห่ง มีห้องพัก 783,855 ห้อง รวมถึงโรงแรมที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายจำนวน 49,927 แห่ง มีห้องพักประมาณ 1,016,145 ห้อง ( ข้อมูลจากกรมการปกครอง ณ วันที่ 6 พ.ค. 2563)
ผู้ประกอบการที่ขาดสภาพคล่องบางรายจำต้องยุติธุรกิจหรือประกาศขายกิจการ
ขณะที่โรงแรมที่เปิดบริการอยู่ นอกจากจะต้องเผชิญกับปัญหารายได้ลดลงจากจำนวนนักท่องเที่ยวหรือผู้ใช้บริการที่น้อยลง ยังต้องปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคปกติใหม่ (New Normal) ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย สุขอนามัย และมาตรการป้องกันโรคเป็นหลัก ผู้ประกอบการโรงแรมจึงจำเป็นต้องเพิ่มเติมการบริการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
ในการนี้ มูลนิธิมาตรฐานโรงแรมไทย และสมาคมโรงแรมไทย จึงได้ร่วมกับ ททท. ดำเนินโครงการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับมาตรฐานโรงแรมไทย เพื่อยกระดับมาตรฐานของโรงแรมที่พักให้มีการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานโรงแรม 3-5 ดาว แก่ผู้ประกอบการที่มีการพัฒนาสินค้าและบริการอย่างมีคุณภาพ นำไปสู่การฟื้นฟูความเชื่อมั่นและความมั่นใจในมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวแบบวิถีปกติใหม่
โอกาสนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีมอบเครื่องหมายรับรองมาตรฐานโรงแรม ประจำปี 2563 ซึ่งมีสถานประกอบการ โรงแรมและรีสอร์ตที่ผ่านเกณฑ์
ตามตัวชี้วัดหลักที่ระบุไว้ จำนวน 98 แห่ง โดยจำแนกเป็นโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานระดับ 5 ดาว จำนวน 28 แห่ง โรงแรมที่ได้รับมาตรฐานระดับ 4 ดาว จำนวน 46 แห่ง และโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานระดับ 3 ดาว จำนวน 24 แห่ง
ทั้งนี้ ททท. มั่นใจว่าจะเป็นการส่งสัญญาณให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย เตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาของนักท่องเที่ยวหลังวิกฤตโควิด-19 คลี่คลาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่รูปแบบวิถีใหม่ ส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ มีมาตรฐาน ด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยสูงอยู่ในระดับปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยว พร้อมช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลกต่อไป