เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ .. ทำไมการเมืองสหรัฐฯถึงแย่
ยัง ๆ ๆ ๆ ไม่กลับไปเขียนเรื่องสิงคโปร์ เขียนลี กวนยูทำอย่างไรจึงสามารถสร้างสิงคโปร์ให้เป็นประเทศเจริญรุดหน้า ไม่เขียนเพราะต้องการตอบคำถามที่ถามกันมาก นั่นคือ ทำไมการเมืองสหรัฐถึงแย่ ทำไมถึงใช้ไม่ได้ ๆ
แย่และใช้ไม่ได้ทั้ง ๆ ที่เป็นประเทศเจริญมั่งคั่ง ประชาชนมีการศึกษามีฐานะ คำถามนี้มีหลายคำตอบ แต่ทั้งนี้กล่าวโดยรวมการเมืองสหรัฐฯดี ๆ ถ้าดูระดับท้องถิ่นที่เป็นชุมชนใหญ่ เมือง นคร มหานคร และมลรัฐ ท้องถิ่นเหล่านี้ล้วนปกครองตัวเอง
(https://www.pgpf.org/blog/2019/10/income-and-wealth-in-the-united-states-an-overview-of-data)
หน้าที่มีทั้งการให้การศึกษา บริการสาธารณะสุข ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ทุก ๆ ด้าน จริงอยู่อาจมีข่าวในเชิงไม่ดี แต่ไม่บ่อยและไม่ร้ายแรง ที่ต้องชื่นชมก็คือ การดูแลคนยากจน คนไร้ที่พึ่ง คนพิการ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ที่ทุกแห่งล้วนมีแหล่งเสื่อมโทรม
แต่การดูแลชาวสลัมคงยังใช้ได้ ยกเว้นมีเสียงวิจารณ์มาตรฐานโรงเรียนไม่ดี ต้องปรับปรุง
การเมืองสหรัฐฯตอนนี้แย่เพราะมีประธานาธิบดีหน้าตาพิลึก พูดจาตะเบ็ง มีทัศนวิสัยไม่ทันโลก อย่างการไม่ยอมรับโลกมีปัญหาภูมิอากาศ ก็ไม่เข้าใจความคิดนี้ได้มาอย่างไร
หรือต้องการเอื้อนายทุนที่ไม่ต้องการลงทุนปรับปรุงระบบผลิตเพื่อรับภาวะโลกร้อน
(https://deadline.com/2020/04/president-donald-trump-tweetstorm-the-saturday-edition-69-1202911812/)
ส่วนการบริหารบ้านเมืองที่ใช้ไม่ได้ เพราะประธานาธิบดีที่ชื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นนักอนุรักษ์นิยม ๆ ในเชิงคลั่งไคล้ อย่างการประกาศนโยบาย America First อเมริกาต้องมาก่อน ทั้ง ๆ ที่ปัจจุบันประเทศเจริญแล้วแทบทุกแห่งต่างน้อมรับนโยบายเสรีนิยม
นโยบายที่ให้เกียรติกันละกัน ทุกคนต่างเสมอภาค ทรัมป์ไม่น้อมรับจนกำลังเป็นผู้นำแนวคลั่งไคล้อนุรักษ์นิยมคนสุดท้ายในโลก
มาดูกันทำไมผู้นำอย่างทรัมป์ถึงเกิดในประเทศเจริญที่สุด คำตอบมีหลายข้อ แต่จากตัวทรัมป์เอง คำตอบก็คือ เพราะการเมืองสหรัฐต้องใช้เงิน ต้องใช้ ๆ ๆ ๆ ไม่ใช้เงินไม่มีทางเข้าสู่วงการ และไต่เต้าจนมีอำนาจ และที่ต้องใฃ้ก็เพราะคนอเมริกันเสพย์สื่อ
(https://en.wikipedia.org/wiki/Problematic_social_media_use#/media/File:PhonesWhilstWalking.jpg)
เสพย์ตั้งแต่โลกมีหนังสือพิมพ์ มีนิตยสาร คนอเมริกันเสพย์สื่อสื่งพิมพ์จนทุกวันนี้ที่มีชื่อเสียงยังคงมีการตีพิมพ์ และจำหน่ายทั่วโลก ถัดมาคือ สื่อวิทยุ ซึ่งคนอเมริกันยังเสพย์จนเครื่องรับวิทยุกลายเป็นเครื่องไฟฟ้าที่มีทุกบ้าน
และเช่นเดียวกับหนังสือพิมพ์และนิตยสารยังแพร่หลายไปทุกมุมโลก ครั้นแล้วก็มาถึงยุคโทรทัศน์ ไม่ต้องบอกสื่อนี้เปลี่ยนสหรัฐฯ และยังเปลี่ยนโลก จนสุดท้ายสื่อออนไลน์ขยับเข้ามาและกำลังเป็นสื่อมีอิทธิพลที่สุด
เพราะเสพย์ติดสื่อคนอเมริกันจึงคุ้นเคยคนมีชื่อเสียง ๆ ทั้งนักกีฬา นักดนตรี นักแสดง เรื่อยไปจนถึงนักธุรกิจและนักการเมือง ดังนั้นถ้าใครอยากเป็นบุคคลมีอิทธิพลมีอำนาจจึงต้องทำให้คนอเมริกันคุ้นเคยในฐานะคนมีชื่อเสียง
และวิธี ๆ หนึ่งก็คือ การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวเองด้วยการว่าจ้างสำนักที่เชี่ยวชาญ ซึ่งระยะหลังยังมีที่เชี่ยวชาญเฉพาะการเมือง ทรัมป์ใช้วิธีนี้ คือถ้าดูประวัติเล่นการเมือง ทรัมป์เล่นแบบตั้งใจเป็นใหญ่ และระดับสูงสุด
โดยตอนเริ่มเขาเปลี่ยนพรรคสังกัดถึง 3 พรรค และปักหลักอยู่กับพรรครีพับลิกัน เพราะดูแล้วน่าจะให้โอกาสเขาดีที่สุด คือไม่ได้เลือกพรรคเพราะนโยบายอย่างที่นักการเมืองที่ดีควรทำ
อยู่กับพรรครีพับลิกันหลายปีจนปี 2550 ทรัมป์ลงมือสร้่างชื่อเสียงให้ตัวเองด้วยการซื้อหน้าโฆษณาเต็มหน้าในหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับ ตอนนั้นทรัมป์มั่งคั่งแล้ว โฆษณาที่ลงคือ การรณรงค์สันติภาพในอเมริกากลาง การเร่งเจรจาเลิกอาวุธนิวเคลียร์กับสหภาพโซเวียต
และการลดการขาดดุลงบประมาณ ด้วยการให้ประเทศพันธมิตรทางทหารเข้ามาช่วยสมทบงบการทหาร มีการสัมภาษณ์ทรัมป์ระหว่างนั้น ซึ่งเขาปฏิเสธจะลงเล่นการเมืองท้องถิ่น แต่บอกปัดไม่ตอบเมื่อถูกถามจะลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือไม่
และนี่เป็นสัญญานเขาสนใจการเมือง และมีแผนจะเป็นประธานาธิบดี ทรัมป์รณรงค์สร้างชื่อเสียงเป็นลำดับ และที่ให้เขามากที่สุด คือการเป็นผู้ร่วมผลิตและพิธีกรรายการ The Apprentice พนักงานฝึกหัด
ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2546 โดยเป็นรายการเรียลริตี้เกี่ยวกับการหาพนักงานให้ Trump Organization องค์กรการค้าที่เขาก่อตั้งและเป็นผู้บริหาร รายการนี้มีผู้ชมมากเพราะอยากชมครรลองการเป็นพนักงานบริษัทชั้นนำ
ในรายการทรัมป์มีตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด ตำแหน่งเดียวกับที่เขาเป็นในองค์กรดังกล่าว มีการสัมภาษณ์ผู้สมัครงาน ใครผ่านมีโอกาสทำงานในองค์กร 1 ปี แต่ถ้าไม่ผ่านจะถูกตะโกน “You’re fired” “เธอถูกไล่ออก
โดยตะโกนด้วยเสียงเฉียบขาดจนคนชมรายการรับรู้ความรุนแรงความเด็ดขาด และหลังยุติรายการดังกล่าว ทรัมป์ยังจัดอีกรายการทำนองเดียวกัน แต่คราวนี้เลือกเฉพาะเซเลปให้เข้ามาแข่งชิงโชค โดยเงินที่ได้ต้องนำไปบริจาคองค์กรกุศลที่ต้องการ
จะไม่ลงรายละเอียดเส้นทางการเมืองของทรัมป์ เพราะอยากให้ดูตัวอย่างแนวการเมืองที่ถูกต้อง ซึ่งประเทศที่จะพาไปก็คือ สหราชอาณาจักร นานแล้วที่ประเทศมีการเมืองแนวประชาธิปไตยที่เป็นตัวอย่าง
(https://www.flickr.com/photos/uk_parliament/8737181202/)
ทั้งรัฐสภาและรัฐบาลต่างอยู่อย่างมั่นคง อีกทั้งยังสร้างความเจริญให้ประเทศ และความอยู่ดีกินดีให้ประชาชน ทั้งนี้การเมืองสหราชอาณาจักรไม่ใช้เงิน แต่ใช้ประชาชน ใช้ด้วยการให้เป็นผู้เลือกและส่งเสริมนักการเมือง โดยทุกชุมชนจะคอยจับตาเด็กมีแวว
การคัดกรองทำอย่างละเอียด เพื่อให้ได้เด็กที่มีอนาคตเป็นนักการเมืองที่ดีและมีความสามารถ เด็กเหล่านี้เมื่อต้องเรียนหนังสือจะถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำที่มีชื่อเสียง ไปเพื่อบ่มเพาะการมีน้ำใจนักกีฬา มีเพื่อจะได้รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย
(https://www.economist.com/1843/2016/08/16/eton-and-the-making-of-a-modern-elite)
ซึ่งเป็นคุณธรรมจำเป็นของผู้ที่จะไปรับใช้ชาติและประชาชน สังเกตเวลาพวกนี้เล่นกีฬา ถ้ามีการกระทบกระทั่งจะไม่มีการใช้วาจาและมือเท้าโต้ตอบ แต่จะมีการจับมือและกล่าวคำขอโทษ และนอกจากบ่มเพาะนักเรียนยังมีโอกาสเป็นเพื่อนคนระดับเดียวกัน
และชาวต่างประเทศที่ไปเรียน ซึ่งล้วนเป็นคนชั้นสูงและมีอนาคตไกล ยัง ๆ เรียนไม่จบเพราะยังต้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยที่ต้องเลือกและเข้าให้ได้คือ อ๊อกซฟอร์ดและเคมบริดจ์ จะเรียนสาขาไหนก็ได้
ขอเพียงให้ทำกิจกรรมให้มาก เพื่อการสมาคมและการสร้างชื่อเสียง ยัง ๆ ๆ ๆ ถึงจะตั้งเป้าลงเล่นการเมือง แต่ก็ยังไม่ลงเล่นเสียทีเดียว ยังต้องทำงานหาเงินสร้่างอาชีพ จนอายุย่างเข้า 30 ตั้งตัวได้แล้วจึงลงเล่น โดยเลือกพรรคที่รู้จักมักคุ้นตั้งแต่ยังเล็ก
ลงเล่นระดับท้องถิ่นก่อนขยับสูงขึ้นตามลำดับ โดยระหว่างนั้นจะกระตือรือร้นทำงานให้พรรคที่สังกัด ครั้นแล้วก็ถึงการลงเล่นระดับชาติ ซึ่งภาพประทับใจคือ ชาวบ้่านจะไปร่วมแสดงความยินดี โดยก่อนหน้าชาวบ้านจะไปเชื้อเชิญพร้อมสัญญาจะสนับสนุนเต็มที่
และนี่เป็นวิถีการเป็นนักการเมืองของประเทศที่ได้ชื่อมีการปกครองดีที่สุดและเอิ้อประโยชน์ให้ประชาชนมากที่สุด ไทยมีเหมือนกันนักการเมืองแบบนี้ แต่ที่ไม่ปรากฏก็เพราะการซื้อเสียง การโกงบัตร และการติดสินบนเจ้่าหน้าที่
โดยเฉพาะในการเลือกตั้งท้องถิ่นในไทยในเดือนธันวาคม ระวัง ๆ ถ้าไม่ระวังต่อไปเมืองใหญ่และสำคัญของไทยอาจตกเป็นของนายทุนจีน มีแล้วติดต่อขอเงินหาเสียงจากนายทุนจีน รวมทั้งบุคคลที่เป็นตัวแทน
สหรัฐฯต้องยุติการใช้เงินเล่นการเมือง ส่วนไทยก็ต้องทำเหมือนกัน