เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ ..ใช้เงินหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ยัง ๆ ไม่กลับสิงคโปร์ ไม่กลับเพราะสัปดาห์ที่แล้วหลังเขียนเรื่องทำไมการเมืองสหรัฐฯถึงแย่ ๆ เพราะการเมืองประเทศนี้เป็นการเมืองแบบ money politics การเมืองใช้เงิน ไม่ใช่ people’s politics การเมืองใช้ประชาชน
เขียนเสร็จ ทันทีก็มีการเผยแพร่การใช้เงินหาเสียงของสองผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั่นคือโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน โดยคนหลังเป็นประธานาธิบดีและลงสมัครเพื่อป้องกันตำแหน่ง
(https://www.rollcall.com/2020/09/15/political-ads-2020-election-biden-trump/)
ผู้เผยแพร่คือ Center for Responsive Politics (CRS) ศูนย์เพื่อการเมืองตอบสนอง องค์กรเอกชนที่ทำหน้าที่ติดตามการใช้เงินหาเสียงของนักการเมืองทุกระดับในสหรัฐฯ เอาละ เตรียมตกใจ เกาะเก้าอี้ไว้แน่น ๆ
(https://www.facebook.com/pg/Center-for-Responsive-Politics-271574536205436/photos/?ref=page_internal)
เพราะยอดเงินหาเสียงของสองผู้สมัครเพื่อเป็นผู้นำสูงสุดครั้งนี้รวมกันแล้วมีจำนวน 7.2 พันล้านเหรียญ หรือ 230,400 ล้านบาท ยัง ๆ จำนวนยังไม่สิ้นสุด ยังมีการเปิดเผยที่ต้องรออีกหลายครั้งจนการเลือกตั้งผ่านพ้น
แต่การประเมินของ CRS ก็คือ คาดว่า ยอดรวมจะสูงถึง 10.8 พันล้านเหรียญ หรือ 345,000 ล้านบาท ซึ่งจะสูงกว่า 7 พันล้านเหรียญ หรือ 224,000 ล้านบาท จำนวนที่ใช้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯครั้งที่แล้่วเมื่อปี 2016
แล้วทั้งสองผู้สมัครจะเอาเงินไปใช้จ่ายอะไร? น่ายินดีประเด็นนี้นิวยอร์ก ไทมส์ติดตาม และนำผลมาเปิดเผยในฉบับวันเสาร์ที่แล้ว โดยสื่อมากอิทธิพลรายนี้แฉในช่วงระหว่างวันที่ 3 พฤษภาคมถึง 10 ตุลาคม ไบเดนใช้เงินมากกว่าทรัมป์ในการหาเสียง
(https://www.youtube.com/watch reload=9&v=hggux80pCWw)
โดยฝ่ายแรกใช้ไป 53 ล้านเหรียญ หรือ 1.69 พันล้านบาท ขณะที่ฝ่ายหลังใช้ 17 ล้านเหรียญ หรือ 544 ล้านบาท หรือน้อยกว่าเกือบ 3 เท่า โดยเงินที่่ใช้ทั้งหมดของทั้งสองเป็นเงินค่าโฆษณาทางโทรทัศน์ ยังไม่นับที่ทำกับสื่อประเภทอื่น ซึ่งก็มีอีกหลากหลาย
ทั้งนี้ส่วนใหญ่ไบเดนใช้เงินซื้อโฆษณาทางโทรทัศน์ในมลรัฐที่จะชี้ผลการเลือกตั้ง โดยยังเป็นมลรัฐที่่มีประวัติไม่เคยปักใจเลือกผู้สมัครพรรคใด ซึ่งได้แก่มลรัฐมิชิแกน เพนน์ซิลเวเนีย และวิสคอนซิน มีการเปลี่ยนเนื้อหาตลอดเวลา
โดยเฉพาะในเพนน์ซิลเวนียที่ไบเดนเปลี่ยนเนื้อหามากถึง 38 ครั้งในช่วงสัปดาห์เดียวของเดือนนี้ โดยย้ำการโจมตีทรัมป์ในเรื่องการรับมือการระบาดโรคโควิด-19 การดูแลเศรษฐกิจ และการเตรียมขึ้นภาษี
(https://www.vox.com/2020/6/9/21284758/broockman-kalla-biden-ads-trump-ads)
ส่วนทรัมป์หลังเน้นซื้อโฆษณาทางโทรทัศน์ในมลรัฐโอไฮโอและไอโอว่า ซึ่งเป็นมลรัฐที่ผู้ชนะการเลือกตั้งควรชนะ สัปดาห์ที่ผ่านมาได้งดการซื้อใน 2 มลรัฐที่เป็นมลรัฐมิชิแกนและวิสคอนซิน
วิจารณ์กันว่า ที่ทำเช่นนี้เพราะต้องการเตรียมเงินไว้ทุ่มโฆษณาในรัฐที่คะแนนนิยมของทั้งสองก้ำกึ่ง เพื่อตัวเองจะได้ชนะ อีกทั้งไว้ทุ่มมลรัฐที่นิยมพรรครีพับลิกัน ซึ่งได้แก่ แอริโซนาและจอร์เจีย ทุ่มทั้ง ๆ ที่รู้ตัวเองจะชนะ เพื่อให้ผู้นิยมพรรคตื้นตันในความใจดี
เห็นทรัมป์ใช้เงินน้อยกว่าไบเดนอย่าประมาท คราวที่แล้วที่ทรัมป์ชนะฮิลลารี่ คลินตันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีก็ทำนองเดียวกัน ทรัมป์ใช้เงินน้อยกว่า และที่ชนะก็เพราะทรัมป์เลือกรูปแบบการหาเสียงที่เน้นให้ประชาชนได้พบเขา และฟังคำปราศรัย
ทำเช่นนี้เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้สึกคุ้นและเคยใกล้ชิด และวิธีก็คือ จัดการหาเสียงแบบชุมนุมใหญ่มีคนมาร่วมมาก กับแบบสัมภาษณ์สดทางโทรทัศน์เคเบิลเพื่อเขาจะได้ย้ำการประกาศจุดยืนและนโยบาย อีกทั้งได้โจมตีนางคลินตันแบบไม่ต้องกลัวเวลาจะหมด
(https://www.kpbs.org/news/2020/jun/21/did-tiktok-teens-k-pop-fans-punk-trumps-campaign-r/)
แต่ในการหาเสียงครั้งนี้การชุมนุมใหญ่ทำไม่ได้ เพราะการระบาด เช่นเดียวกันการออกรายการโทรทัศน์เคเบิลก็คงไม่ได้คนดูเท่าที่ต้องการ เพราะไบเดนไม่มีอะไรใหม่ให้โจมตี คือมีการโจมตีอยู่แล้วว่า เขาอายุมาก คืออายุ 77 ปีแล้ว
และยังจะอยู่ในตำแหน่งจนอายุ 81 ปี ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิตระหว่างดำรงค์ตำแหน่ง นอกนั้นที่เป็นประเด็นใหญ่ก็คือ เขาอยู่ในวงการเมืองนานกว่า 30 ปี เคยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายต่ำแหน่งรวมทั้งรองประธานาธิบดี
นานขนาดนี้คงไม่มีการคิดอะไรใหม่ ทำอะไรใหม่ เพราะถ้ามีคงทำก่อนแล้ว ไม่ต้องรอเป็นประธานาธิบดี นอกนั้นที่่กำลังทำลายชื่อเสียงเขาก็คือ พฤติกรรมของลูกชายที่่ฃื่อฮันเตอร์ ไบเดนระหว่างที่พ่อเป็นรองประธานาธิบดี
ซึ่งมีทั้งการใช้ชื่อเสียงและตำแหน่งพ่อหาเงินเข้ากระเป๋า มีหลายหน่วยติดตามพฤติกรรมของเขา และทั้งหมดอยู่ในแฟ้มลับพร้อมจะเปิดเผย หากพ่อเป็นประธานาธิบดี เรื่องทำนองนี้ใกล้เคียงกับกรณีใช้อีเมลส่วนตัวทำงานรัฐการของนางคลินตัน
ซึ่งถูกทรัมป์ขยี้ในช่วงสุดท้ายของการหาเสียงปี 2016 ขณะนี้ทรัมป์ยังไม่ขยี้เรื่องพฤติกรรมลูกชายไบเดน แต่คงจะขยี้ เพราะถ้าใครได้ฟังคงสะอิดสะเอียน มีอย่างที่ไหนลูกชายรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้ทำเนียบประจำตำแหน่งเป็นออฟฟิซ
แถมเวลาพูดคุยสนทนายังไม่ถ่อมตัว ชอบคุยโวตัวเองมีอิทธิพลและมีความสามารถบันดาลทุกสิ่ง ไบเดนมีคะแนนนิยมนำทรัมป์ตลอดเวลาตั้งแต่ก่อนและเริ่มหาเสียง ค่อย ๆ แผ่วไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
(https://edition.cnn.com/2020/08/16/politics/cnn-poll-biden-trump-august/index.html)
ล่าสุดผลการสำรวจคะแนนนิยมของบรรษัทกระจายเสียงบีบีซียืนยันไบเดนจะชนะทรัมป์ ยืนยันจากการตรวจผลการสำรวจคะแนนนิยมของบรรดาสื่อและหน่วยงานหยั่งเสียง ยัง ๆ ๆ ๆ จะยังไม่กลับสิงคโปร์ เพราะอยากรายงานความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้
การเลือกตั้งที่หลายวงการมองมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ควรเข้าไปศึกษา เพราะอาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่ออนาคคนโลก โดยเฉพาะการเสพย์ติดสื่อของคนอเมริกัน เสพย์จนไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักไตร่ตรอง ไม่รู้จักขวนขวายหาความจริง
(https://castlecraig.co.uk/blog/2018/07/05/social-media-addictive)
และการเสพย์ติดลักษณะนี้กำลังแผ่ไปยังประชาชนในทุกประเทศ สนุกจังดูโทรทัศน์ ติดตามทางออนไลน์ ทำกันแทบจะทุกคนโดยไม่นึกมีอันตราย
…