กกพ. หนุน 26 โครงการ ผ่านกองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานกกพ. สร้างภาคีเครือข่ายพัฒนาองค์ความรู้ด้านพลังงานไฟฟ้า ใต้ธีม ‘Clean Energy For Life’
สำนักงาน กกพ. เปิดตัว 26 โครงการ ผู้รับทุนสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้าเพื่อกิจการตามมาตรา 97(5) ปี พ.ศ.2563 งบประมาณรวมทั้งสิ้น 476,467,867 บาท ภายใต้ธีม “Clean Energy For Life: ใช้พลังงานสะอาด เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน” มั่นใจ ทุกโครงการตอบโจทย์การพัฒนาองค์ความรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าครบทุกมิติ พร้อมเป็นเครือข่ายเชื่อมโยงประชาชน เข้าใจ เข้าถึงข้อมูลด้านพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ
ดร.บัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กรรมการกำกับกิจการพลังงาน เปิดเผยว่า ตามที่กองทุนพัฒนาไฟฟ้าได้มีการจัดสรรงบประมาณกองทุนพัฒนาไฟฟ้า มาตรา 97(5) เพื่อดำเนินการส่งเสริมสังคมและประชาชนให้มีความรู้ ตระหนัก และมีส่วนร่วมทางด้านไฟฟ้า ซึ่งได้เปิดให้กลุ่มเป้าหมาย อาทิ หน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา องค์กรไม่แสวงหากำไร และสื่อมวลชน เข้าร่วมขอรับทุนสนับสนุน เพื่อร่วมเป็นเครือข่ายในการพัฒนาและสร้างองค์ความรู้ด้านพลังงานไฟฟ้า พร้อมเชื่อมโยงและสื่อสารองค์ความรู้ ให้กับภาคสังคมและประชาชน ตามกรอบนโยบายของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ที่กำหนดไว้
ทั้งนี้ ในปีพ.ศ.2563 มีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกและได้ทุนสนับสนุนทั้งหมด 26 โครงการ จากผู้เสนอทั้งหมด 163 โครงการ ภายใต้งบประมาณรวมจำนวน 476,467,867 บาท ซึ่งแบ่งเป็นผู้รับทุนประเภทโครงการเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Grant) จำนวน 14 โครงการ และผู้รับทุนประเภทโครงการทั่วไป (Open Grant) จำนวน 12 โครงการ โดยในปีนี้ จะเป็นการขับเคลื่อนโครงการสื่อสารภายใต้แนวคิด “Clean Energy For Life: ใช้พลังงานสะอาด เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน”
ที่ต้องการสื่อถึงภาพความสำคัญและประโยชน์ของพลังงานสะอาดที่ไม่ใช่เพียงต่อผู้ใช้โดยตรงแต่ยังครอบคลุมถึงประชาชนโดยส่วนรวม ภายใต้การสื่อสาร 6 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (Solar Power) 2. พลังงานไฟฟ้าจากขยะ (Waste to energy) 3. พลังงานไฟฟ้าจากชีวมวล (Biomass) 4. พลังงานไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ (Biogas) 5. การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หรือสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) และ 6. การส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ
โดยแนวคิด Clean Energy For Life เป็นแนวคิดที่ต่อยอดมาจากแนวคิด “พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้” ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ เป้าหมายที่ 7 ที่กำหนดไว้เรื่องสร้างหลักประกันให้ทุกคนสามารถเข้าถึงพลังงานสมัยใหม่ที่ยั่งยืนในราคาที่ย่อมเยา ของโครงการปี พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ปูพื้นฐานด้านทฤษฎีในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างแรงบันดาลใจเกี่ยวกับเรื่องพลังงานสะอาดเอาไว้ แต่ในปีนี้ จะเป็นการมุ่งเน้นไปสู่การขับเคลื่อนให้เกิดการนำองค์ความรู้ต่างๆ ไปใช้จริง เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้าทั้งในระดับครัวเรือน ชุมชน ไปจนถึงระดับประเทศ
ดร.บัณฑูร กล่าวต่อว่า ในแต่ละปีสำนักงานกกพ.จัดสรรงบประมาณ กองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนโครงการพัฒนาและสร้างองค์ความรู้ด้านพลังงานไฟฟ้าเป็นมูลค่า 600 ล้านบาท สำหรับทั้ง26 โครงการที่ผ่านการคัดเลือก ต่างมีจุดเด่น และจุดแข็ง ที่จะสานพลังเป็นภาคีเครือข่ายสำคัญในการร่วมกันพัฒนาและสร้างฐานข้อมูลเรื่องพลังงานไฟฟ้าที่จะเชื่อมโยงให้เข้าถึงประชาชน
และเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะผลักดันให้แนวคิด Clean Energy for Life ไปสู่เป้าหมายได้สำเร็จ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงพลังงานสะอาด ได้ใช้พลังงานสะอาด นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิต ที่ดีขึ้น ผ่านการขับเคลื่อนเชิงรุกที่ผสมผสานทั้งภาคปฏิบัติและการสร้างองค์ความรู้ ซึ่งแต่ละโครงการจะมีการวัดผลเพื่อให้นำไปสู่การไปใช้งานได้จริง อย่างโครงการที่นำไปสู่การสร้างนวัตกรรม ก็จะต้องนำไปใช้งานได้จริง โดยจะมีคณะกรรมการติดตาม ควบคุมกำกับ ตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการอย่างเข้มข้น
เช่น การสื่อสารประชาสัมพันธ์สร้างการมีส่วนร่วมโดยการร่วมระดมทุน ในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ให้กับโรงพยาบาล 77 แห่งทั่วประเทศ การลงพื้นที่ชุมชนให้ความรู้ การอบรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ การประกวดนวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงานสะอาด
รวมถึงการสร้างสรรค์ความรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพื่อดึงพลังของคนรุ่นใหม่มาเป็นแรงสำคัญในการผลักดันให้สังคมหมุนเปลี่ยนตาม ซึ่งเป็นผลสำเร็จที่ตอบโจทย์ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการพัฒนาพลังงานไฟฟ้าของประเทศอย่างยั่งยืนไปถึงการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดผลกระทบปัญหาโลกร้อนได้อย่างเป็นรูปธรรมตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาคมโลก
“การใช้พลังงานสะอาดมีความสำคัญ ซึ่งจะส่งผลถึงการลดปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งเรื่อง PM2.5 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งท้ายที่สุดจะควบคุมอุณหภูมิของโลกที่โลกมีเป้าหมายร่วมกันในอันที่จะควบคุมอุณหภูมิของโลกไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียสใน 80 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้เราให้ความสำคัญในการปลูกฝังกับน้อง ๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่เพราะเขาจะอยู่กับสังคมอยู่กับพลังงานที่สะอาด จะทำให้เปลี่ยนแปลงประเทศได้ จึงให้ความสำคัญที่ต้องมีพื้นฐานความรู้ความเข้าใจและมาร่วมคิดแก้ไขปัญหากัน เช่น เรื่องการจัดการแยกขยะ ที่บางคนมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก เราดึงน้อง ๆ มัธยมศึกษา ระดับอุดมศึกษามาร่วมคิดตั้งเริ่มต้นว่า จะแยกขยะจะให้ผลดีทำอย่างไร”