เสียงของแม่ แปรเปลี่ยนเป็นแรงสู้ นนท์…นศ.มทร.ธัญบุรี
“ตอน ป.2 แม่เอาผมไปฝากไว้ที่วัดดอนสำโรง พระอาจารย์ท่านทำน้ำมันมะพร้าว นำมานวดบรรเทาอาการปวดตามร่างกาย เช่น เข่า หลัง พระอาจารย์ได้สอนนวดให้กับผม ทำให้ผมมีทักษะการนวด ถ้ามีงานที่วัดมีพระอาจารย์มาจากวัดอื่น พระท่านจะให้ผมนวดให้ ท่านก็จะให้ค่าขนมไปโรงเรียน”
น้องนนท์ นายนพดล มีปราง นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี หมอนวดแผนโบราณสู้ชีวิต ฝีมือดี ใครได้นวดรับรองหายปวดหายเมื่อย เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการรักในอาชีพนวดแผนโบราณ
นนท์ บอกว่า เป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี พ่อและแม่เลิกกันตั้งแต่คลอดได้ 2 วัน ตั้งแต่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้ ไม่เสียใจและน้อยใจที่พ่อทิ้งไป กลับดีใจที่ท่านทำให้ผมเกิดมา อาศัยอยู่กับแม่ แม่เป็นหมอนวดโบราณ ยายเป็นหมอตำแย่ ตาเป็นหมอเป่ารักษา ป้า 2 คน เป็นหมอนวดแผนโบราณ (จบหลักสูตรนวดม.รามคำแหง) ส่วนแม่ครูพักลักจำ จากป้า จึงทำให้แม่สามารถนวดได้ ตอน ป.2 แม่เอาผมไปฝากไว้ที่วัดดอนสำโรง (แม่เข้ามาทำงานที่กรุงเทพ) ด้วยวัดอยู่ติดโรงเรียน พระอาจารย์เลี้ยงและสอนผมทุกอย่าง ตั้งแต่สอนการผูกผ้า ทำบายศรี จัดดอกไม้ พระอาจารย์ท่านทำน้ำมันมะพร้าว
นำมานวดบรรเทาอาการปวดตามร่างกาย เช่น เข่า หลัง พระอาจารย์ได้สอนนวด จึงทำให้มีทักษะการนวด ถ้ามีงานที่วัดมีพระอาจารย์มาจากวัดอื่น ผมจะนวดให้ ท่านให้ค่าขนม ทำให้ผมสามารถนวดได้ ผมจึงรับนวดมาตั้งแต่ ป.2 จนถึงปัจจุบัน จึงเลือกเรียนสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ “ผมรับนวดมา ถ้าเราขยัน ทำให้ลูกค้าประทับใจ สามารถโดดเด่น กว่าคนอื่นได้ และอาชีพนี้ไม่ตกงาน และสามารถสร้างคุณค่าให้กับตัวผมได้”
“แม่ของผมเป็นซีสเต้านม” มันอยู่กับแม่ของผมกว่า 20 ปี แรก ๆ แม่ทำงานหนักได้ แต่เมื่อ 3 ปี ที่แล้ว แม่ทำงานหนักไม่ได้ เมื่อทำงานหนักจะมีอาการแสบและร้อนบริเวณเต้านม งานของแม่ผมคือหมอนวดแผนโบราณชั่วโมงละ 50 บาท บางวันมีลูกค้าบางวันไม่มีลูกค้า
“แม่ทำงานได้ชั่วโมงละ 50 บาท แม่ก็อยากได้สิ่งที่แม่อยากได้ มีภาระที่ต้องจ่าย ต้องไปขอแบ่งเงินจากแม่อีก เมื่อเราโตแล้ว เรามีความรับผิดชอบ ทำอย่างไงก็ได้เพื่อให้ตัวเราอยู่รอด”
ซึ่งคำที่แม่บอกผม “ถ้าเงินไม่พอใช้เมื่อไร แม่จะเอาที่บ้านไปกู้แบงค์” แม่จึงไม่อยากให้ผมเรียนต่อเพราะว่ากลัวไม่มีเงินส่งผมเรียน จึงอยากให้ผมทำงาน ภาพจำที่ไม่เคยลบจากใจผม คือ ตอนที่แม่พาผมมาสอบสัมภาษณ์ แม่มองหน้าผมและถามว่า “หนูมีปัญญาส่งตัวเองเรียนแล้วใช่ไหม ถึงมาเรียน” หลังจากสัมภาษณ์กลับไป ผมคิดตลอดว่าต้องมาเรียน ต้องเรียนได้ ผมโดนดูถูกตั้งแต่เด็ก
ผมอยากเรียนให้สูงที่สุด และอยากจะลบคำสบประมาทของคนแถวบ้านให้ได้ ผมจึงต้องทำงานเก็บเงินเพื่อเรียนต่อ ผมเริ่มทำงานเก็บเงินจริงจัง ตอน ม.5 รับงานนวดแผนโบราณ ชั่วโมงละ 50 บาท รับงานวิทยากร ผมมีโอกาสเข้ารับการอบรมการเป็นวิทยากรของมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก จึงรับงานวิทยากรอบรมงานต่าง ๆ ทุกภาคส่วนที่ทำงานร่วมกับสภาเด็กและเยาวชน โดยมีผู้ใหญ่ให้โอกาสและให้ความช่วยเหลือ ได้รับชั่วโมงละ 60 บาท รับจ้างทำโต๊ะจีน ผูกผ้า จัดดอกไม้ ได้งานละ 500 บาท รับงานออกแบบป้ายงานต่าง ๆ ได้งานละ 100 บาท รับจ้างทำพอร์ตโฟลิโอ เล่มละ 350 บาท โชคดีที่ผมได้รับคัดเลือกให้ได้รับจากทุนองค์กรระหว่างประเทศ จำนวน 45,000 บาท จากการคัดเลือกจากจำนวน 170 คน คัดเลือกให้ได้รับ 2 คน ทำให้ตนเองมีเงินเรียนจ่ายค่าเทอมตอน ปี 1
ระหว่างเรียน และทำงานเก็บเงิน ผมยังชอบทำกิจกรรมควบคู่ไปด้วย ผมทำกิจกรรมกับสภาเด็กและเยาวชน จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับตำแหน่งประธานสภาเด็กและเยาวชน ระดับตำบล อำเภอ และจังหวัด เป็นคณะกรรมการบริหารสภาเด็กและเยาวชน ทำกิจกรรมสภาเด็กและเยาวชน ร่วมกับกรมพัฒนาสังคม ลงพื้นที่ทุกตำบล อำเภอ และจังหวัด ในการจัดกิจกรรมเพื่อเด็กและเยาวชน เช่น อบรมให้เด็กและเยาวชน เช่น เรื่องยาเสพติด,การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร จากการทำงานในครั้งนี้ทำให้ผมได้รับรางวัลเยาวชนต้นแบบจังหวัดสุพรรณบุรี 2 ปี ได้แก่ เยาวชนต้นแบบด้านเด็กและเยาวชน และเยาวชนต้นแบบด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสภาเด็กและเยาวชน จ.สุพรรณบุรี
ผมมาเรียนที่ มทร.ธัญบุรี ได้มาเรียนเพิ่มทักษะในการนวด นวดเพื่อการบำบัด โดยราคาของผม นวดไทย 1 – 2 ชั่วโมง ราคา 100 – 200 บาท นวดออยล์ 1 – 2 ชั่วโมง ราคา 300 บาท ทุกครั้งที่มีงานนวด ในแต่ละวัน จะแบ่งไว้วันละ 150 บาท (เพื่อเป็นค่าห้องพัก) ค่าหอเดือนละ 4,000 บาท ต้องเปิดแอร์ให้ลูกค้า
สำหรับลูกค้านวดประจำ คือ คณบดีและอาจารย์เทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ อาจารย์น่ารักให้ทิปผมบ่อย ๆ แต่ผมไม่ได้หวังทิปอะไร ผมคิดเสมอว่า “ได้น้อยแต่จ้างบ่อย” ผมพอใจแบบนี้มากกว่า การนวดของผม คือ การนวดผสมผสาน แบบราชสำนัก และ แบบเชลยศักดิ์ ผมไม่ได้มีหน้าร้าน ใช้หอดีเด้นท์ หอพักเป็นที่นวดลูกค้า หรือออกนวดตามบ้านพัก สถานที่ทำงาน ตามความสะดวกของลูกค้า ลูกค้าส่วนใหญ่มานวดช่วงที่ผมไม่มีเรียน บางครั้งต้องนวดถึงตีสอง ดังนั้นผมต้องแบ่งเวลาในการทบทวนหนังสือเวลาที่ไม่มีลูกค้ามานวดจะเปิดหนังสืออ่าน และในห้องเรียนต้องตั้งใจเรียน มีบางที่ไม่ได้เข้าเรียน เพื่อน ๆ ในห้อง จะอัดคลิปวิดีโอให้ผม
สำหรับอาชีพหมอนวด “คนอื่นมองเรายังไงเราไม่รู้ แต่เราทำงานตรงนี้เพื่อเป้าหมายทำไปเพื่ออะไร และเป็นสิ่งที่ถูกต้อง อะไรที่ได้เงินทำหมด ถ้าไม่ผิดกฎหมายและไม่ผิดศีลธรรม” ชีวิตผมเกิดมามีแม่คนเดียว ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น จะดูแลแม่ให้ดีที่สุด จนกว่าจะตายจากกัน ผมไม่ค่อยกลับบ้าน เพราะว่าต้องทำงาน จะโทรหาแม่ทุกวันเช้า เย็น และ ก่อนนอน “วันนี้มีโอกาสคุย ควรคุยกันเยอะ ๆ” เงินที่เหลือจากการนวดผมจะส่งไปให้แม่ที่บ้าน เดือนละ 3,000 บาท ใครที่พ่อแม่ทำงานส่งลูกเรียน พ่อแม่ทำงานหนักเพื่อส่งเราเรียน
ตอนนี้ท่านยังทำงานส่งเราเรียนได้ ต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย สำหรับคนที่สู้ชีวิต ต้องหาเงินเรียน “คุณจงภูมิใจที่ได้ทำงานส่งตนเองเรียน ในวันที่สำเร็จ เราจะสามารถนำมาบอกคนอื่นได้ วันที่ไม่มีอะไร ยังหาทางจนเรียนจบได้”
ช่วงโควิด-19 รายได้ในการนวดลดลง บวกกับนำเงินเก็บไปซื้อโน้ตบุ๊ค เพื่อเอามาเรียนออนไลน์ ตอนนี้ผมเหลือเงินในกระเป๋า 2,000 บาท เดือนนี้จึงขอเลื่อนค่าเช่าลุงที่หอไปก่อน ลุงเจ้าของหอใจดีกับผม ช่วยอะไรได้ผมจึงอยากช่วย ช่วยลุงเก็บห้อง ล้างห้องน้ำ เมื่อมีลูกค้าย้ายออกจากหอ ลุงจะให้ผมช่วยทำความสะอาดครั้งละ 500 บาท
ผมเชื่อเสมอ “ถ้าเราเป็นคนดี ทำงานช่วยเหลือสังคมมาตลอก สักวันจะมีโอกาสดี ๆ เข้ามาหาเราเอง” ขอบคุณผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่าน ที่ให้โอกาสผม ทุกครั้งที่กลับบ้าน ผมกลับไปเยี่ยมพระอาจารย์ทุกครั้ง พระอาจารย์สอนผมเสมอ “ทำทุกสิ่งทุกอย่างในวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ทำให้ดีที่สุด ให้ออกมาดีที่สุด” เป็นสิ่งที่อยู่ในใจผมเสมอมา
เมื่อผมสำเร็จการศึกษาผมอยากเปิดร้าน เป็นผู้ประกอบการเอง และยังทำงานเพื่อสังคมต่อไป ด้วยมีผู้ป่วยติดเตียงจำนวนมากในประเทศไทย ทำยังไงที่สอนให้เด็กและเยาวชน มีความรู้ในเรื่องของการนวด ให้ถูกต้องและเก่ง เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ทำกายภาพให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนนท์กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับใครที่อยากช่วยเหลือน้องนนท์ หมอนวด ป.ตรี สามารถใช้บริการการนวดของน้องได้ โดยสามารถโทรนัดคิวนวดได้ที่ 062-2495858