“เอ็นข้อมืออักเสบ” โรคติดต่อของยุคสมาร์ทโฟน
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันอาการปวดข้อมือนั้นมีอุบัติการที่สูงขึ้นมาก หมอพบผู้ป่วยมีอาการเจ็บบริเวณข้อมือที่แผนกผู้ป่วยนอกแทบทุกวัน โดยเป็นได้ตั้งแต่เด็ก, ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ทั้งๆ ที่อาการนี้ไม่ใช่โรคติดต่อ แต่กลับพบมากคล้ายกับเป็นโรคติดต่อ นพ.เกรียงศักดิ์ เล็กเครือสุวรรณ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC) ได้ให้ความรู้ถึงสาเหตุที่มาของโรคสมัยใหม่ที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำงานในชีวิตประจำวันอยู่บ้างเป็นระยะสั้น แต่สามารถรักษาได้
นพ.เกรียงศักดิ์ เล็กเครือสุวรรณ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านออร์โธปิดิกส์ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC) เปิดเผยว่า สาเหตุของ อาการปวดข้อมือ นั้น พบว่าอาการเกิดจากการใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเป็นเวลานาน และพบว่าโทรศัพท์ของผู้ป่วยบางรายมีขนาดใหญ่กว่ามือทำให้ต้องเกร็งและใช้งานเอ็นบริเวณข้อมืออย่างผิดปกติส่งผลให้มีเอ็นอักเสบตามมาได้ในที่สุด
ทั้งนี้ “เอ็น” นั้นเป็นส่วนประกอบหลักที่ใช้ขยับข้อมือและนิ้วมือ โดยเอ็นนี้ถูกใช้งานอย่างหนักในแต่ละวัน หมอยกตัวอย่างง่ายๆ นะครับ การเล่นเกมที่ต้องใช้หัวแม่มือกดตัวจอสมาร์ทโฟนอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องนั้น จะทำให้อุณหภูมิของเอ็นสูงขึ้นได้ถึง 10 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ทำให้เอ็นมีความเสี่ยงที่จะเกิดการบาดเจ็บได้โดยง่าย จึงไม่แปลกเลยที่ในปัจจุบัน พบผู้ป่วยที่เป็นโรคนิ้วล็อคได้ตั้งแต่อายุยังน้อย และจะเห็นได้ว่าการเกิดเอ็นข้อมืออักเสบนั้นไม่จำเป็นต้องยกของหนักหรือเกิดอุบัติเหตุเลย การใช้งานซ้ำไปซ้ำมาเป็นประจำก็ทำให้เกิดการอักเสบได้
“3 อันดับที่พบบ่อย ของเอ็นอักเสบบริเวณข้อมือ”
1.เอ็นหัวแม่มือ เอ็นหัวแม่มือนี้จะทอดผ่านตัวข้อมือและถูกใช้งานมากที่สุด เป็นปริมาณร้อยละ 50 ถึง 60 ของมือข้างนั้นๆ และต้องยอมรับว่าสมาร์ทโฟนนั้น ถูกดีไซน์มาให้ใช้กับหัวแม่มือเป็นหลัก ส่งผลให้เกิดอาการเอ็นหัวแม่มืออักเสบได้บ่อยที่สุด โดยการอักเสบจะเป็นบริเวณโคนหัวแม่มือหรือเป็นบริเวณข้อมือก็ได้
2.เอ็นหลังข้อมือ เกิดจากการที่กระดกข้อมือไปทางด้านหลังเป็นระยะเวลานานโดยมักจะพบกับมือขวา หรือมือข้างที่ถนัด ที่ต้องกระดกเพื่อใช้สมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตนั่นเอง
3.เอ็นหน้าข้อมือ ซึ่งเป็นเอ็นที่ใช้สำหรับการงอข้อมือหรือนิ้วมือ การอักเสบนี้ มักจะพบที่บริเวณมือซ้าย หรือมือข้างที่ไม่ถนัด เนื่องจากว่าต้องถือโทรศัพท์ในท่าเกร็งข้อมือและงอนิ้วมือเป็นระยะเวลานาน
อาการมักจะเริ่มจากอาการปวดติดขัด ขยับได้ไม่คล่อง, ข้อมือและนิ้วมือมีความยืดหยุ่นลดลงใช้งานได้ไม่ค่อยถนัด จากนั้นจะตามมาด้วยอาการต่างๆ โดยอาการที่ควรจะมาพบแพทย์ได้แก่
- อาการปวดเป็นเรื้อรังหลายวัน ไม่ดีขึ้นหลังจากพักหรือรับประทานยา
- มีอาการชาหรือเสียวแปล๊บๆ บริเวณมือ, นิ้วมือ หรือบริเวณแขนร่วมด้วย
- มีอาการปวดมากอย่างเฉียบพลันที่บริเวณมือ, นิ้วมือ หรือบริเวณแขน
- มีอาการบวม, แดง ร่วมด้วย
หากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานานจะทำให้ตัวคอลลาเจนไฟเบอร์ที่อยู่ในเส้นเอ็นเกิดการเสื่อม ส่งผลให้เกิดการปวดเรื้อรังและยากต่อการรักษา แพทย์สามารถที่จะหาสาเหตุ หรือตรวจหาเอ็นที่เกิดการอักเสบได้ โดยการตรวจร่างกาย หลายครั้งการใช้เครื่องอัลตราซาวด์ช่วยวินิจฉัยร่วมด้วย ทำให้ระบุเอ็นที่เป็นปัญหา และระบุตำแหน่งเอ็นที่อักเสบได้อย่างแม่นยำ หากจำเป็นต้องมีการฉีดยาหรือฉีดเกล็ดเลือด จะสามารถทำได้อย่างตรงจุด ทำให้ผู้ป่วยได้รับผลดีที่สุดจากการรักษา