เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ .. ผู้นำโลกแสดงความยินดีไบเดนท่วมท้น
ผู้นำใหม่นโยบายใหม่ ผู้นำ “โจ ไบเดน” นโยบายที่ผลักดันสหรัฐอเมริกาให้กลับไปเป็นประเทศเสรีนิยมเหมือนเดิม แทนประเทศอเมริกาต้องมาก่อนของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีที่กำลังจะพ้นตำแหน่ง
นโยบายนี้ฉุดผู้นำทั่วโลกให้พากันส่งสาส์นแสดงความยินดี ส่งทุกคนยกเว้นคนเดียววลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งแถลงทางโทรทัศน์วันอาทิตย์ที่แล้วว่า เขายินดีที่จะทำงานร่วมกับใครก็ได้ที่จะขึ้นเป็นประธานาบดีสหรัฐฯคนใหม่
(https://www.aljazeera.com/news/2020/10/7/putin-says-he-has-noted-joe-bidens-sharp-anti-russian-rhetoric)
และที่เขายังไม่ได้แสดงความยินดีต่อไบเดนก็เพราะต้องการเห็นการยุติการเผชิญหน้าทางการเมืองประเทศนั้น หมายถึงเขามองการนับคะแนนบัตรเลือกตั้งช้า เพราะการนับต้องเผชิญการท้าทายจากพรรครีพับลิกัน
ช่วงนั้นถึงแม้การนับคะแนนยังไม่เสร็จ แต่สำนักข่าวส่วนใหญ่ต่างประกาศไบเดนเป็นผู้ชนะ ดังนั้นหลายผู้นำจึงถือโอกาสนี้ส่งการแสดงความยินดี อันดับต้น ๆ คือ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร
(https://apnews.com/6f533afc9bb14c29a1b9e013f270159e)
ในฐานะผูู้นำประเทศพันธมิตรใกล้ชิดและสำคัญที่สุด ตามด้วยวิคเตอร์ โอร์บาน นายกฯฮังการี การรายงานเน้นผู้นำที่ใกล้ชิดทรัมป์ เพื่อดูพวกนี้มีปฏิกิริยาอะไรต่อไบเดนและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
อันดับแรกคงต้องเป็นเบนจามิน เนทันยาฮู นายกฯอิสราเอล ซึ่งทราบกันดีทำงานใกล้ชิดทรัมป์จนเป็นคู่หู เนทันยาฮูส่งทวิตเตอร์ช้ากว่าผู้นำคนอื่นหลายชั่วโมง แต่ยังเน้นความสัมพันธ์ที่มีก้บไบเดน
(https://www.politico.com/story/2014/11/joe-biden-benjamin-netanyahu-112742)
โดยกล่าวว่า เขารู้จักไบเดนและกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี นานเกือบ 40 ปี อีกทั้งมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานและอบอุ่น ในเวลาเดียวกันผู้นำอิสราเอลยังส่งทวิตเตอร์ขอบใจทรัมป์สำหรับมิตรภาพที่มีต่อประเทศและตัวเขา
พูดถึงผู้นำอิสราเอลต้องพูดถึงผู้นำปาเลสไตน์มาห์มูด อับบาสส่งสาสน์แสดงความยินดีไปยังนักการเมืองสหรัฐฯทุกคนที่ชนะเลือกตั้ง ไม่เฉพาะไบเดน โดยกล่าวว่า เขาพร้อมที่จะทำงานร่วมกับไบเดนและทุกคนในคณะรัฐบาล
(https://english.alarabiya.net/en/News/middle-east/2020/11/08/US-election-Palestine-s-President-Abbas-congratulates-Biden-on-victory)
เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างชาวปาเลสไตน์และชาวอเมริกัน ในการทำเสรีภาพ อิสสรภาพ ความยุติธรรม และความมีหน้ามีตา ให้เป็นความจริงสำหรับประชาชนของเรา
ตามด้วยการร่วมกันฉุดสันติภาพ ความเป็นปึกแผ่น และความมั่นคงให้บังเกิดกับทุกภูมิภาคและโลกของเรา
ทั้งนี้ในบรรดาผู้นำที่ส่งสาส์นที่ได้รับความสนใจที่สุดก็คือ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดี เพราะเกินคาด อีกทั้งยังส่งวันพุธนี้เอง หรือกว่า 2 สัปดาห์หลังคาดการณ์แล้วว่า ไบเดนจะชนะ
(https://www.axios.com/china-xi-jinping-congratulates-joe-biden-election-7ee63eaa-8e34-49d0-8fff-940649966916.html)
ก่อนหน้่ากระทรวงต่างประเทศจีนก็มีสาส์นแสดงความยินดี โดยไม่ได้ระบุชื่อประธานาธิบดี แต่ก็ยังส่งเกือบ 1 สัปดาห์หลังไบเดนและแฮร์ริสได้ประกาศชัยชนะ
โดยโฆษกกระทรวงให้เหตุผลต้องรอผลการเลือกตั้งให้สอดคล้องกับกฏหมายและกระบวนวิธีประเทศนั้น ทั้งนี้สาส์นของสี จิ้นผิงที่ยาวหลายย่อหน้ายังมีข้อความชวนอ่าน ๆ แล้วจะเห็นความตั้งใจที่แท้จริงของผู้เขียน
และนอกจากสี จิ้นผิง หวัง ฉีชาน รองประธานาธิบดี ยังส่งสาส์นไปยังกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนใหม่ คนไม่น้อยจับตาเพราะเขาคือ มือปราบการทุจริตหัวขบวน
(https://www.caixinglobal.com/2019-01-08/vice-president-wang-qishan-to-address-davos-forum-101367410.html) (https://www.aa.com.tr/en/americas/us-biden-taps-kamala-harris-as-2020-running-mate/1938785)
งานของแฮร์ริสไม่น้อยเป็นการช่วยเหลือประธานาธิบดีทำเรื่องสำคัญ ซึ่งเรื่องหนึ่งก็คือ การจัดการปัญหาจีนล่วงละเมิดและฉกทรัพย์สินทางปัญญา
ทั้งนี้ถ้าดูความยินดีที่จีนมีต่อไบเดนและสหรัฐอเมริกา
และทิศทางความร่วมมือที่จะเกิดระหว่างประเทศทั้งสอง มั่นใจได้เลยปัญหาทรัพย์สินทางปัญญานี้จะหมดไป รวมทั้งอีกหลายปัญหา อย่างความตึงเครียดทางการทหารเชื่อได้เลยว่า
จะหมดเช่นเดียวกัน และนี่จะเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ จีน และโลก ให้พุ่ง ๆ เพราะการคลายความตึงเครียดจะทำให้อุตสาหกรรมป้องกันประเทศเดินหน้่า
(https://www.manilatimes.net/2020/01/28/business/business-top/china-now-2nd-in-world-arms-industry/677868/)
อุตสาหกรรมที่เป็นเสาหลักประเทศทั้งสอง สหรัฐฯอยู่ได้ จีนเจริญได้ก็เพราะอุตสาหกรรมนี้ การปลอดความตึงเครียดจะทำให้ทุกประเทศหันมาปรับปรุงเสริมกำลังรบ ซึ่งด้านหนึ่งก็คือ การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์
อีกเรื่องที่ไม่ควรพะวงคือ สหรัฐฯจะหวนกลับไปมีปัญหาการขาดดุลย์การค้า ไม่มีทางถ้าไบเดนใช้นโยบายเสรีนิยมปกครอง เพราะนโยบายนี้จะกระตุ้นให้สหรัฐฯปรับปรุงยกระดับสินค้า จนเข้ากับตลาดโลกและคนทั่วโลกนิยม
ทั้งนี้ปกติแล้วสหรัฐฯมีผลผลิตมากมายหลากหลายชนิด ทั้งเกษตร อุตสาหกรรม และไม่น้อยยังเป็นนวัตกรรมที่เพิ่งคิดค้น ดังนั้นถ้ามีการปรับแนวการผลิตและการตลาดให้เข้ากับตลาดโลก หลังไบเดนก้าวขึ้นสู่อำนาจ
(https://www.narcity.com/en-ca/news/why-boycotting-us-products-wont-work-in-the-canada-us-trade-war)
ทำนายได้เลย เศรษฐกิจทุกประเทศ ไม่เฉพาะสหรัฐฯและจีน จะทยานพุ่ง แต่มีข้อแม้ต้องมีการปรับระบบทั้งสองให้สอดคล้องกับนโยบายเสรีนิยมด้วย โดยเฉพาะไม่กลัวการค้าเสรีเหมือนที่ทรัมป์กลัว
และฉุดสหรัฐฯให้จมอยู่ในความตกต่ำ จนต้องมีการเร่งรัดแก้ไขในขณะนี้