“แซง-โกแบ็ง” เปิดตัว Chief Operation Officer คนใหม่ พร้อมเป็นผู้นำทางธุรกิจด้านกระจกในตลาดประเทศไทย
บริษัท แซง-โกแบ็ง ประเทศไทย ในเครือบริษัทข้ามชาติของฝรั่งเศส เป็นผู้นำหลัก 2 ในกลุ่มธุรกิจ คือ กลุ่มวัสดุนวัตกรรม ได้แก่ วัสดุกระจกแผ่นเรียบและวัสดุประสิทธิภาพสูง และกลุ่มผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ เครือแซง–โกแบ็ง มีศักยภาพทางการแข่งขันในตลาดธุรกิจก่อสร้างอย่างเข้มแข็ง และสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบแก่ผู้บริโภค นับตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำหรับงานขัดครบวงจร ซึ่งรวมถึงพลาสติกประสิทธิภาพสูง แผ่นยิปซัมและปูนมอร์ตาร์สำหรับงานอุตสาหกรรม โดยมีพนักงานผู้เชี่ยวชาญในประเทศไทยมากกว่า 1,300 คน และมีรายรับมากกว่า 200 ล้านยูโรในปี 2558
ในปี 2563 บริษัท แซง-โกแบ็ง พร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านกระจกที่เป็นธุรกิจแรกเริ่มของบริษัท มาบุกตลาดในประเทศไทย เสริมธุรกิจที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ทั้งธุรกิจยิปซั่ม ในเเบรนด์Gyproc , กาวซีเมนต์ ยาเเนว และเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง ในเเบรนด์ Weber, ฉนวน และท่อดักอากาศคุณภาพสูง ในเเบรนด์ Isover และ Climaver ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของกรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operation Officer) คนเก่ง คุณศิวารยา ศรีติรัตน์ ผู้มีวิสัยทัศน์ก้าวไกล และพร้อมเป็นผู้นำทางธุรกิจเพื่อความคุ้มค่าและปลอดภัยอย่างสูงสุดแก่ผู้บริโภค ในประเทศไทย
คุณศิวารยา ศรีติรัตน์ กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ(COO) ของบริษัท แซง-โกแบ็ง ประเทศไทย เปิดเผยความเป็นมาของบริษัทว่า แซง-โกแบ็ง เป็นบริษัทเก่าแก่สัญชาติฝรั่งเศสมีอายุมากกว่า 350 ปี เป็นผู้นำด้านวัสดุก่อสร้าง โดยเริ่มต้นจากธุรกิจกระจกเป็นอย่างแรก ก่อนขยายธุรกิจหลากหลายไปทั่วโลก มีโรงงานอยู่ประมาณ 1,000 แห่งทั่วโลก และมีพนักงานกว่า 170,000 คน
สำหรับในประเทศไทย แซง-โกแบ็ง มีธุรกิจ 5ประเภท เป็นธุรกิจผลิตภัณฑ์ปูนยิปซัม และแผ่นยิปซัม ธุรกิจผลิตปูนกาวและยาแนวปูกระเบื้อง รวมถึงเคมีภัณฑ์ก่อสร้างต่างๆ ธุรกิจกระจกรถยนต์ ธุรกิจพลาสติกที่เป็นชิ้นส่วนรถยนต์และเครื่องบิน และธุรกิจเครื่องเจียร พร้อมโรงงาน 4 แห่งได้แก่ โรงงานผลิตยิปซัมที่แหลมฉบัง จ.ชลบุรี และที่บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โรงงานเวเบอร์ผลิตกาวซีเมนต์ ยาแนวที่จ.สระบุรีและโรงงานผลิตกาวซีเมนต์ของเวเบอร์อีกแห่งที่อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ขณะเดียวกันยังมีคลังสินค้า 4 แห่ง คลอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศ
ส่วนธุรกิจกระจกที่จะบุกตลาดในประเทศไทยนั้น เป็นกระจกนำเข้า จากโรงงานผลิตกระจกของแซง–โกแบ็ง ในอินเดีย เป็นกระจกระดับพรีเมียม สำหรับใช้ภายในอาคารและนอกอาคาร ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษเฉพาะและแตกต่างไปจากกระจกในท้องตลาดเจ้าเดิม ๆ (Niche Market)ในประเทศ อาทิ เป็นกระจกช่วยลดความร้อน กระจกช่วยประหยัดพลังงาน กระจกป้องกันเสียงจากข้างนอกเข้าไปข้างใน หรือป้องกันเสียงจากข้างในออกไปข้างนอก กระจกกันระเบิด กระจกกันกระสุน และมีการออกแบบด้านเทคนิคเฉพาะเพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยจะทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มสถาปนิก และเน้นกลยุทธ์ให้ความรู้แก่ทีมงาน ช่างเทคนิคต่าง ๆ และลูกค้า อีกทั้งมีการรับรองคุณภาพเพื่อความเชื่อมั่นในสินค้า
ทั้งนี้บริษัทมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในทุกกลุ่มที่มีความต้องการในเรื่องประสิทธิภาพหรือการประหยัดพลังงาน ทั้งกลุ่มผู้พัฒนาบ้านและคอนโดหรู โรงพยาบาล โรงแรม และยังมุ่งตอบสนองลูกค้าที่ต้องการความแตกต่าง เพื่อทำให้การอยู่อาศัยในอาคารหรือในบ้านแล้วรู้สึกสบาย
“เราต้องการเสนอความแตกต่างให้กับลูกค้าในไทย ทำให้เห็นว่า กระจกไม่ใช่แค่ ใช้ประดับตกแต่ง แต่สามารถทำหน้าที่พิเศษได้ด้วย ”
คุณศิวารยา กล่าวต่อว่า แม้ว่าสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจ แต่ก็มีผลทำให้ผู้บริโภคทำการศึกษาข้อมูลเพิ่มขึ้นเมื่อคิดวางแผนทำอะไร การคำนึงถึงความคุ้มค่าการใช้จ่าย เรื่องสุขภาพและความปลอดภัย ตรงนี้จึงเป็นโอกาสเสนอสิ่งที่เป็นความต้องการของลูกค้าได้
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่เป็นเรือธงในธุรกิจกระจกได้แก่ กลุ่มกระจกกันความร้อน ประหยัดพลังงานในสัดส่วน% 30 กลุ่มกระจกภายใน30% และกลุ่มกระจกผนัง 40% ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนากระจกที่สามารถทำหน้าที่คล้ายมอนิเตอร์ รองรับการเชื่อมต่อข้อมูล โดยตัวอย่างอาคารที่ใช้กระจกของ แบรนด์แซง-โกแบ็ง เช่น อาคารรัฐสภาใหม่ และจุดชมวิวบนอาคารสูงหลายแห่งที่ทุกคนเชื่อมั่นในความแข็งแกร่ง
ทั้งนี้แซง-โกแบ็ง คาดหวังส่วนแบ่งตลาดเพียง 5-10% ในส่วนของตลาดกระจกพรีเมียมในไทยเท่านั้น โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 100 ล้านบาทภายใน 1 ปี นอกจากนี้ยังมีการส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน เช่น กัมพูชา ลาวและเมียนมา เป็นต้น
สุดท้ายคุณศิวารยา ได้กล่าวถึงแนวทางที่ตนยึดมั่นในการทำธุรกิจในไทยภายใต้หน้าที่ใหม่ว่า “ แซง–โกแบ็ง เป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในระดับโลก สิ่งหนึ่งที่เรามีความมั่นใจคือ ในเรื่องของนวัตกรรมและความยั่งยืน ซึ่งเราเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกองค์กรธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย
แซง–โกแบ็ง จะเน้นมากเรื่องความยั่งยืน สินค้าและผลิตภัณฑ์ทุกอย่างของเราจะคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และสุดท้ายจะใช้ดิจิตอลมาช่วยในการทำงาน กล่าวได้ว่า แซง–โกแบ็ง จะเน้นใน 3 เรื่องคือ Innovation นวัตกรรม Sustainable ความยั่งยืนและ Digitalization การใช้ดิจิตอล และจะเป็นแนวทางในการทำธุรกิจที่เหมือนกันทั่วโลกของเครือแซง–โกแบ็ง
เช่นเดียวกับสโลแกนการทำงานที่ว่า “Making the world a better home.” ทำให้โลกเป็นบ้านที่ดีขึ้นกว่าเดิม ของแซง–โกแบ็งทั่วโลก”