เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ .. ไบเดนกับคำขวัญ “อเมริกามาแล้ว”
นอกจากคำขวัญ “Make America Comeback” ทำ “อเมริกาให้กลับมา” ที่ ประธานาบดีโจ ไบเดน ใช้รณรงค์ผลักดันนโยบายเสรีนิยม เพื่อให้สหรัฐอเมริกากลับมาเป็นประเทศเสรีนิยมอีกครั้ง
หลังจมอยู่ในอนุรักษ์นิยมจัดสมัยโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกำลังจะพ้นตำแหน่งประธานาธิบดี นอกจากคำขวัญนี้แล้ว ไบเดนยังมีอีกคำขวัญ “America Is Back” “อเมริกากลับมาแล้ว” ซึ่งหมายถึงอเมริกาจะกลับมาใช้นโยบายต่างประเทศ
(https://businessmirror.com.ph/2020/11/18/america-is-back-biden-vows-to-rebuild-us-ties-with-world/)
ที่เป็นนโยบายเชิงเสรีนิยม นโยบายที่เน้นการร่วมมือกับทุกประเทศในโลก และเคยทำให้สหรัฐฯกลายเป็นผู้นำโลก โดยเป็นจนกระทั่งทรัมป์ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี สหรัฐฯต้องเลิกเป็นผู้นำโลก เพราะหลายประเทศไม่พอใจนโยบายต่างประเทศที่ถูกเปลี่ยน
ในจำนวนนี้คือ ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ซึ่งเพิ่งหันมาคืนดี ทันทีที่มีข่าวยืนยันไบเดนชนะการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ไบเดนประกาศพานโยบายต่างประเทศเดิมกลับสหรัฐฯวันที่ 23 เดือนที่แล้ว ระหว่างการเปิดตัวทีมงานความมั่นคงและการต่่างประเทศ เช่นเคยการเปิดตัวสร้างความฮือฮาเพราะมีสตรีได้รับตำแหน่งสูง ตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำในหมู่ประชาชน
ซึ่งเป็นอีกนโยบายไบเดนให้ความสำคัญ เธอคือ Avril Haines อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลาง หรือซีไอเอ ซึ่งได้ตำแหน่ง director of national intelligence
(https://president.columbia.edu/news/nicholas-lemann-avril-haines-columbia-world-projects)
หรือผู้อำนวยการ Office of National Intelligence สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมดูแลการข่าวกรองทุกหน่วยงาน เพื่อประมวลและนำผลการดำเนินงานข่าวกรองเสนอตรงต่อรัฐสภาและประธานาธิบดี
ดังนั้นสุภาพสตรีท่านนี้้จึงเท่ากับเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสูงสุดของประเทศ ฮือฮามาก ฮือฮาทั่วโลก
ส่วนผู้ที่ได้เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคือ Antony Blinken ผู้ที่เป็นพันธมิตรและทำงานใกล้ชิดไบเดนนานแล้ว โดยได้ชื่อเป็นผู้ชำนาญเรื่องรัสเซียหลังพ้นสภาพสหภาพโซเวียต อีกทั้งยังเคยเป็นผู้มีบทบาทในการสนับสนุนยูเครนตอนถูกรัสเซียรุกราน
(https://www.nytimes.com/2020/11/22/us/politics/biden-antony-blinken-secretary-of-state.html)
ซึ่งขณะนั้นบลิงเคนเป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของทั้งอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบาม่า และอดีตรองรัฐมนตรีต่างประเทศโจ ไบเดน น่าสนใจตอนช่วยยูเครนรับมือรัสเซีย ว่าที่ประธานาธิบดีคนนี้ยังมีบทบาทในการสนับสนุนนโยบายรัฐบาลยูเครนในการปราบปรามการทุจริต
ดังนั้นจึงเป็นไปได้ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ ไบเดนจะให้ความสำคัญกับการปราบปรามการทุจริตทุกด้านและทุกมิติของโลก
มีการมองกันแล้วว่า การกลับมาแล้วของอเมริกาจะทำให้โลกสงบอยู่ดีกินดีและมั่งคั่งมากขึ้น เพราะการกลับมาสหรัฐฯไม่มีการเผชิญหน้ากับประเทศใด แม้กระทั่งจีนก็ประกาศแล้วยินดีร่วมมือกับประธานาธิบดีคนใหม่ในการแก้ปัญหาระหว่างกัน
ดังนั้นสหรัฐฯจึงพร้อมที่จะลดกำลังรบและระดับความผูกพันทางการทหารที่ดำเนินการก่อนหน้า ทั้งหมดจะทำให้สหรัฐฯมีงบประมาณใช้จ่ายด้านการพัฒนาประเทศและส่งเสริมความอยู่ดีกินดีสูงขึ้น โดยการส่งเสริมด้านหนึ่งคือ การแก้ปัญหาคนว่างงาน ซึ่งขณะนี้มีจำนวนกว่า 5 ล้านคน
ที่น่าตกใจคือ ส่วนใหญ่เป็นการว่างงานทักษะสูงและค่าแรงแพง ผลคือ ไม่น้อยคนว่างงานเหล่านี้ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านและค่่าผ่อนบ้าน ทำให้ต้องใช้รถยนต์เป็นบ้าน ซึ่งก็เลยทำให้หลายเมืองใหญ่ต้องสร้างลานจอดรถ เพื่อให้พวกนี้นำรถเข้าไปจอด
โดยภายในลานจอดมีห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องน้ำให้เจ้าของรถได้ใช้ครบครัน
หลายวงการในโลกดีใจกันแล้ว การทำสหรัฐฯให้กลับสู่ความยิ่งใหญ่เหมือนเดิม จะทำให้โลกกลับสู่ความศิวิไลซ์ระดับก่อนหน้า เพราะเกิดในขณะที่เกือบทุกประเทศกำลังฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังเผชิญการระบาดโควิด-19 ซึ่งการทำให้ฟื้นวิธีหนึ่งก็คือ ต้องขยายตลาดการค้า
โดยเฉพาะตลาดใหม่ทดแทนตลาดเก่าที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟู และตลาดใหม่ที่เกือบทุกประเทศต่างจ้องก็คือ สหรัฐฯกับจีน ในกรณีสหรัฐฯประเทศนี้พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ คำถามคือ แล้วคนอเมริกันจะมีเงินซื้อหรือในเมื่อก่อนหน้านี้แต่ละปีสหรัฐฯต้องขาดดุลการค้าขนาดหนัก
อีกทั้งขณะนี้ยังอ่อนเปลี้ยกับการถูกโควิด-19 ระบาดหนัก จนเป็นประเทศที่มีทั้งคนป่วยหรือคนตายจากการระบาดอันดับสูงสุดของโลก คำตอบคือ มีการประเมินแล้ว คนอเมริกันจะมีเงินเพราะมีผลผลิตและศักยภาพล้นเหลือ ซึ่งสำหรับศักยภาพไม่ต้องมองด้านวิทยาการชั้นนสูง
(https://nowmynews.blogspot.com/2020/08/american-purchasing-is-back-to-pre.html)
มองแค่ด้านวิทยาการบ้าน ๆ อย่างการแปรรูปอาหาร และการฟื้นฟูสภาพขยะและของเหลือใช้ ซึ่งทั้งสองเรื่องมีการดำเนินการแล้วก่อนหน้านี้ สหรัฐฯมีผลผลิตทางการเกษตรมากมาย และมีการนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทั้งเพื่อการบริโภคและการใช้งานด้านต่าง ๆ
เชื่อกันว่า ผลผลิตเหล่านี้มีหลายประเทศที่พร้อมจะซื้อเพื่อนำไปใช้ คำถามคือ ในเมื่อสหรัฐฯมีผลผลิตเนื้อสัตว์มากมาย แล้วทำไมไม่คิดแปรรูปให้เป็นลูกชิ้น ๆ ที่ตรงตามความต้องการของแต่ละประเทศ อีกทั้งทำไมไม่แปรให้เป็นเนื้อทอด เนื้ออบ แล้วนำไปขายทางออนไลน์
(http://www.takepart.com/article/2016/02/16/meat-murdering-american-rivers-streams-and-lakes)
โลกทุกวันนี้มีการใช้เตาอบเตาอุ่นอาหารแทบจะทุกบ้าน และพร้อมจะนำเนื้อเหล่านี้ไปทำอาหารตามที่ต้องการ หรือทำให้พร้อมบริโภค อาจเป็นลูกชิ้นปิ้งที่ปิ้งสุกแล้ว เพียงแต่นำไปอุ่นก็บริโภคได้ทันที โอกาสเรื่องนี้มีมาก
ส่วนการกลัวจะเข้าไปแย่งตลาด ตรงกันข้ามกลับจะขยายตลาดให้กว้างขึ้น ตัวอย่างมีให้เห็นแล้ว หลายประเทศในโลกนอกจากจะมีไก่ย่างแบรนด์ต่างประเทศจำหน่าย ยังมีแบรนด์ท้องถิ่น คือมีการนำแบรนด์ต่างประเทศเข้าไปก่อน และหลังเป็นที่นิยมจึงมีการสร้างแบรนด์ของตัวเอง
(http://www.cp-enews.com/news/details/cpinternal/3694)
ไทยควรยินดีที่สหรัฐฯมีประธานาธิบดีคนใหม่ที่พร้อมจะนำประเทศกลับสู่ความยิ่งใหญ่เหมือนเดิม ความยิ่งใหญ่ที่ส่วนหนึ่งได้จากการมีไทยเป็นประเทศพันธมิตรใกล้ชิด ทุกวันนี้คนอเมริกันระดับผู้นำยังไม่ลืมเรื่องนี้
และพร้อมจะให้ความร่วมมือเหมือนที่เคยให้ตั้งแต่ 200 กว่าปีก่อน