เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ ..ศึกโควิด-19 ปี ’64 (1)
โรคเชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาดครบปีแต่ยังไม่มีท่าทีจะยุติ มีการประเมินแล้วเชื้อร้ายพันธ์นี้จะอยู่กับชาวโลกไปตลอด ยิ่งกว่านั้นการประเมินยังมีถึงขั้นอาจเป็นเชื้อที่ทำลายล้างมนุษย์ชาติ
(https://www.prweek.com/article/1683560/3-agency-entries-new-york-governor-andrew-cuomos-mask-psa)
ทั้งนี้การระบาดของโรคร้ายเคยท้าทายการอยู่รอดของชาวโลกมาแล้วหลายครั้ง ใกล้ตัวคือ ชาวสยามที่เคยเผชิญกับโรคห่า ซึ่งเป็นชื่อเรียกโรคระบาดร้ายแรงทุกโรคสมัยนั้นรวมกัน เผชิญเมื่อปีพ.ศ. 1890 หรือ 674 ปีที่แล้ว
จนพระเจ้าอู่ทองต้องย้ายเมืองหลวงจากอู่ทองมายังอยุธยา การสืบค้นพบว่า โรคดังกล่าวน่าจะเป็นไข้ทรพิษ หรือฝีดาษ หรือ smallpox ซี่งก่อนจะถูกกำจัดเคยเป็นโรคระบาดปกติ คนในทุกประเทศต่างเดือดร้อน
และยังทำให้หน้าตาคนในประเทศเหล่านี้เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น การกำจัดเกิดปลายศตวรรษที่ 18 เมื่อแพทย์ชาวอังกฤษ Edward Jenner ค้นพบวัคซีนป้องกัน
แต่กรุงศรีอยุธยาก็ไม่รอดพ้นจากการระบาดของอีกโรคร้ายในอีก 3 ปีต่อมา โดยยังเป็นโรคระบาดระดับโลกที่มีชื่อเรียกน่าสะพรึงกลัว black death หรือความตายสีดำ ส่วนชื่อจริงคือ plague ซึ่งเป็นคำเรียกเดียวกับโรคระบาด
(https://www.hfocus.org/content/2014/08/7906)
น่าสะพรึงกลัวเพราะทำให้ชาวโลกล้มตายมหาศาล สาเหตุเกิดจากการเล็ดรอดลงเรือสำเภาบรรทุกสินค้าจากจีนของบรรดาหนูที่ติดเชื้อ แล้วกระจายตัวขึ้นฝั่งตอนเรือเทียบท่าเรือยุโรป เฉพาะที่ระบาดในทวีปยุโรปตามหลักฐานมีคนล้มตายไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30
(https://www.ancient-origins.net/history-important-events/black-death-0013083)
และอาจมากถึงร้อยละ 60 หากรวมจำนวนที่ไม่ได้มีการเก็บหลักฐาน ขณะที่มีการประเมินจำนวนคนทั้งโลกที่เสียชีวิตในตอนนั้นน่าจะอยุ่ที่ 100 ล้านคน ยัง ๆ ๆ ไกลจากจำนวนคนทั้งโลกที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ที่อยู่ที่ 1.77 ล้าน
แต่ไม่ควรประมาทเพราะมีการกลายพันธ์ที่คาดว่า จะไม่สิ้นสุด กลายพันธ์ไปเรื่อย ๆ จนคนรับไม่ไหว วัคซีนผลิตไม่ทัน
แล้วมาถึงการระบาดสมัยกรุงรัตนโกสินธ์ ซึ่งเกิดครั้งแรกในรัฃสมัยรัชกาลที่ 3 ปี 2363 ปีที่พอดีตรงกับ 200 ปี ๆ นี้ โดยเป็นการระบาดของอหิวาตกโรคที่ชาวสยามเรียกโรคป่วง หรือโรคลงราก เพราะมีอาการท้องเดินถ่ายไม่หยุด
(https://www.hfocus.org/content/2014/08/7944)
เป็นการระบาดทั้งในเเมืองหลางและหัวเมือง จำนวนคนเสียชีวิตน่าจะไม่ต่ำกว่า 30,00 คน ซึ่งมากจนเกิดตำนานมีการนำคนติดโรคตายไปวางกองที่วัดสระเกษ จำนวนมีทั้งสิ้น 2,765 ศพ นี่เฉพาะวัดสระเกษ ยังมีวัดตีนเลนหรือวัดบพิตรภิมุขอีก 1,481 ศพ และวัดสังเวชหรือวัดบางลำพู 1,213 ศพ
(https://www.hfocus.org/content/2020/03/18680)
ครั้นแล้วพอถึงปี 2437 ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 มีการระบาดของกาฬโรคอีกครั้งตามเมืองท่าประเทศจีนและเกาะฮ่องกง มีการคาดการณ์การระบาดจะเคลื่อนตัวไปยังประเทศใกล้เคียงและหลายแห่งในยุโรป ด้วยพระอัจริยภาพของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ พระองค์ทรงปฏิบัติตามคำแนะนำของหมออะดัมสัน หรือพระบำบัดสรรพโรค คนมอญลูกครึ่งเดนมาร์ค ที่รับราชการเป็นนายแพทย์ประจำด่านตรวจโรคที่เกาะไผ่ใกล้พัทยา
(https://th-th.facebook.com/siriraj.museum/photos/a.250736341758169/982683831896746/?type=3&theater)
คำแนะนำคือ ให้คัดกรองคนในเรือที่เดินทางมาจากจีนและเกาะฮ่องกงเพื่อป้องกันกาฬโรค วิธีคือ เรือจากฮ่องกงต้องจอดที่เกาะจนครบ 9 วัน จากนั้นหากไม่พบคนติดโรคให้เดินทางต่อได้
ด่านเปิดจนถึงปี 2441 นับเป็นการรับมือการระบาดของโรคร้ายเป็นครั้งแรกของราชอาณาจักรแห่งนี้ และนี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการป้องกันโรคระบาดแบบเดียวกับประเทศที่เจริญ ซึ่งทำให้ชื้อเสียงสาธารณสุขไทยโด่งดังจนทุกวันนี้
ด่านเกาะไผ่รับมือกาฬโรค มีการประกาศป้องกันโรค และดำเนินงานนาน 2 ปีก่อนย้ายไปที่ด่านศุลกากรเมืองสมุทรปราการ ตามด้วยการย้ายไปที่เกาะพระ อำเภอสัตหีบ เกาะที่อยู่ในการดูแลของกองทัพเรือ ๆ ดูแลการตรวจคัดกรอง
ต่อมามีการปรับมาตรการ โดยการตรวจต่อไปจะทำเฉพาะเวลาเกิดโรคระบาด ทั้งนี้กว่าการระบาดของกาฬโรคจะหมดไปจากไทยต้องรอจนถึงปี 2495 โดยผู้ป่วยรายสุดท้ายเป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ จากนั้นจนถึงบัดนี้ 68 ปีกาฬโรคไม่เคยเกิดอีกในประเทศนี้
แล้วการทำศึกกับโรคโควิด-19 จะประสบความสำเร็จแบบเดียวกันหรือไม่ เรื่องนี้คำตอบคือ ยาก เพราะอย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น มีทางเป็นไปได้ที่โรคจะเป็นโรคระบาดเรื้อรัง และโรคที่อาจทำลายร้างมนุษย์ชาติและอารยธรรม
การทำลายร้างครั้งสำคัญเคยเกิดในบริเวณที่เป็นทวีปอเมริกากลางในขณะนี้ เริ่มต้นจากการระบาดของโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษในเปรู ที่ตั้งอาณาจักรอินคาของชาวอินเดียนแดงเผ่าอินคา อาณาจักรแห่งนี้รุ่งเรืองมาก ความรู้มีขนาดสามารถจัดทำปฏิทินบันทึกวันเดือนปี
(https://phys.org/news/2018-04-genetics-modern-heirs-inca-lineages.html)
แต่ด้วยโรคระบาดร้ายกลางศตวรรษที่ 16 อาณาจักรได้อ่อนกำลัง และถูกกองกำลังสเปนบุกยึดครองจนสูญเสียอิสรภาพ ยัง ๆ มีอีกหลายอาณาจักรและอารยธรรมที่ล่มสลายเพราะโรคระบาด โดยเฉพาะในอดีตกาล
รู้ไว้เพื่อเป็นบทเรียนต่อยอดความสำเร็จของไทยในการป้องกันการระบาดของโควิด-19 แต่ยัง ๆ ความสำเร็จของไทยยังไม่จำกัดเพียงเท่านี้ ใครจะนึกคนไทยจะใช้ชีวิตในยุค New Normal หรือชีวิตวิถีใหม่ ด้วยการเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ให้ชาวโลก
เงิน ๆ ๆ กำลังรอประเทศไทย ซึ่งรวมทั้งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่จะต้องบินไปประเทศใกล้เคียงเพื่อระดมฉีดวัคซีน ต้องระดมไม่เช่นนั้นเมียนมาคงล่มสลาย เงินกำลังรอพร้อมกับความเจริญระดับสูงสุด ช่วยกันแสดงความยินดี ช่วยกันแสดงความชื่นชม
อย่า ๆ เอานิสัยชอบดูหมิ่นและอิจฉาคนดีและคนได้ดีมาใช้ในการวิพากษ์ ไทยจะไปโลดบนวิถีวัคซีน แล้วจะพาไปดูการพัฒนาในตอนต่อไป ยัง ๆ ๆ ไม่กลับสิงคโปร์ และวิธีพัฒนาท้องถิ่นไทยให้เป็นเมืองเฟื่องวัฒนธรรม เฟื่องเหมือนกรุงลอนดอนและกรุงปารีส