เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ ..ก่อเหตุร้ายทางไซเบอร์ (1)
พักเขียนเรื่องศึกโควิด-19 เพราะช่วงนี้ล้วนมีแต่ข่าว ไม่มีเรื่องให้เขียน ทั้งนี้ตอนนี้คณะผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก หรือดับบลิวเอชโอ ได้เดินทางถึงเมืองอู่ฮั่นแล้ว แต่ถูกทางการจีนกักตัว 14 วันตามกฏ
ดังนั้นจึงยังไม่สามารถออกสืบหาต้นตอการระบาดของเชื้อไวรัสร้าย ลุ้นกันทั้งโลกคณะจะพบต้นตอหรือไม่ และถ้าพบจะเป็นค้างคาวหรือชะมด ผู้เขียนลุ้นชะมด เพราะไม่เชื่อผลทดลองในห้องแล็บสหรัฐฯว่าเป็นค้างคาว
(https://www.economist.com/science-and-technology/2020/04/18/bats-spread-viruses)
รวมทั้งไม่เชื่อรัฐบาลจีนที่แถลงว่า สาเหตุการระบาดเกิดจากเนื้อสัตว์แช่แข็งที่ถูกนำเข้าจากต่างประเทศ
(https://www.globaltimes.cn/content/1193815.shtml)
เอาละ เมื่อต้องพัก ขอพาผู้อ่านไปยลเหตุการณ์ร้ายล่าสุดที่เกิดกับโลกโดยเกิดที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 6 มกราคม และกำลังถูกมองนี่เป็นตัวชี้ประชาธิปไตยในโลกกำลังเสื่อมถอย ๆ เพราะประเทศที่เป็นเสาหลักกำลังโอนเอน
มีการประเมินก่อนแล้วอะไรก็ตามเมื่อเกิดในโลก วันหนึ่งจะต้องพบกับความเสื่อม ครั้นแล้วค่อย ๆ สลายหายตัวไป ประชาธิปไตยก็จะเป็นเช่นนั้น
ดังนั้นใครที่นิยมจึงควรตระหนัก และช่วยกันประคอง
ส่วนถ้าทำไม่ได้ก็ให้ช่วยกันหาลัทธิหรือแนวทางที่สามารถทดแทน ช่วยกัน ๆ ไม่เช่นนั้นมนุษย์จะกลับไปอยู่ถ้ำ ตัวอย่างมีให้เห็นแล้วที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นครหลวงสหรัฐฯ ในวันดังกล่าว
เมื่ออาคารรัฐสภาที่มีชื่อเรียกอย่างเคารพ the Capitol ถูกขบวนการขวาจัดหัวรุนแรงบุกทุบตี เพื่อเรียกร้องวุฒิสมาชิกและผู้แทนราษฎรให้ยกเลิกชัยชนะของโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี
แล้วให้โดนัลด์ ทรัมป์เป็นผู้ชนะ และเรื่องนี้คงไม่ได้เป็นการชุมนุมเรียกร้องธรรมดา หากผู้อยู่เบื้องหลังไม่ใช่ใคร แต่เป็นโดนัลด์ ทรัมป์ ๆที่ไม่ยอมลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดี
หลังกล่าวหาการเลือกตั้งมีการทุจริต พร้อมยืนยันตัวเองมีหลักฐาน ใช่แล้วตัวการยุยงคือทรัมป์นั่นเอง ทำแบบออกหน้าไม่ปิดบัง เพื่อระดมเหล่าสาวกที่มีมากมาย และทุกคนพร้อมจะช่วย
ซึ่งถ้าดูผู้ชุมนุมทุกคนล้วนอยู่ในชุดพร้อมสรรพ โดยมีทั้งอุปกรณ์ออนไลน์ เพื่อนร่วมคณะ และเงิน แต่ที่สำคัญที่สุดทุกคนล้วนยึดมั่นในอุดมการณ์อนุรักษ์นิยมแนวทรัมป์เชิดชู
ซึ่งก็คือ ขวาจัดชนิดต้องทำทุกอย่างให้อเมริกาก่อน เรื่องอื่นอย่าบอกให้ทำ ต้องทำให้อเมริกาก่อน ทำเพื่อให้เป็นประเทศอันดับหนึ่ง
คนทั่วไปอ่านแล้วคงไม่ตกใจ แต่คงตกใจจนเกิดความตระหนกหากรู้ว่า นี่เป็นการก่อความไม่สงบที่มีจุดเริ่มต้นทางออนไลน์ครั้งแรกในโลก ตระหนกทั้ง ๆ ที่เคยกลัวกันก่อนหน้าจะเกิดขึ้น
คำที่่ใช้เรียกคือ online radicalization หรือ cyber radicalization คือมีการใช้อุปกรณ์และเครือข่ายไร้สายเพื่อปลุกปั่นยุยง จากนั้นรวมพลเพื่อวางแผน ก่อนเดินหน้าปฏิบัติการ
ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนทำโดยไม่มีการรวมตัวเป็นทางการ จู่ ๆ ก็ก่อหวอดและไปพบกันที่จุดนัดหมาย ประเด็นที่เจ้าหน้าที่รักษากฏหมายวิตกก็คือ ถ้าไม่มีคนเข้าร่วมเป็นหมู่คณะ ไม่มีทางที่จะรู้
และถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปสหรัฐฯคงเต็มไปด้วยขบวนการร้ายที่แอบซ่อนแทบทุกพื้นที่ ครั้งนี้ถึงเจ้าหน้าที่จะรู้ และรู้ชนิดลึกซึ้ง แต่ก็ยังไม่อาจระงับความรุนแรง
โดยเป็นความรุนแรงที่ไม่เคยเกิดมาก่อนกับทรัพย์สินประเทศ ยกเว้นปี 1814 หรือ 207 ปีที่แล้ว เมื่อกองทัพสหราชอาณาจักรเผากรุงวอชิงตันดี.ซี.ระหว่างสงครามปี 1812
(https://www.warof1812.net/p/british-account-of-burning-of.html)
สงครามที่เกิดจากการพิพาทยืดเยื้อ หลังสหรัฐฯประกาศอิสรภาพ น่าตกใจที่เดิมทีทรัมป์เรียกการลุกฮือที่เพิ่งเกิด total war หรือสงครามเบ็ดเสร็จ
คือจะทำถึงขั้นก่อสงครามเพื่อเรียกชัยชนะกลับคืน ก่อนจะเปลี่ยนเป็น we’re coming for you หรือเราจะเด็ดหัวคุณ เมื่อเห็นความเป็นไปไม่ได้ของสงครามเบ็ดเสร็จ นั่นคือมีกองทัพออกมาร่วม
ครั้นแล้วผู้สนับสนุนก็เข้าไปในอาคารรัฐสภา มีการกระทำทุกอย่างเพื่อทำลายและฉกของมีค่า โดยเฉพาะห้องทำงานของบุคคลสำคัญอย่างนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถูกทุบจนราบ
มิหนำซ้ำแล็ปท็อป ของเธอยังถูกขโมย คนขโมยมีคนเห็นเป็นผู้หญิง เจ้าหน้าที่เอฟบีไอกำลังสอบสวน ทราบกันดีคนไม่น้อยเชื่อว่า แลบทอปจากบุคคลสำคัญ หรือจากหน่วยงานแถวหน้า ไม่ว่าประเทศไหน
รัสเซียอยากได้มาก ๆ ใครเอาไปให้จะได้ค่าตอบแทนล้น และนี่เป็นพื้นเพผู้บุกรุกในวันนั้น ซึ่งล้วนเป็นคนดีมีระดับ ทุกคนล้วนพกอุปกรณ์มือถือที่พร้อมใช้งานขั้นสูง
แล้วพกเงินที่สามารถอยู่ประท้วงนาน หลายคนมาโดยเครื่องบิน หญิงคนหนึ่งถึงขนาดขับเครื่องบินส่วนตัว ขับมาจากมลรัฐเทกซัสที่อยู่ไกล พฤติกรรมแบบนี้ไม่แปลกใจ เพราะมาชุมนุมตามคำเรียกร้องของทรัมป์
ทุกคนล้วนเป็นนักอนุรักษ์นิยมระดับยึดมั่น มีการตรวจประวัติผู้ถูกจับกุมในระยะแรก และพบหลายคนมีประวัติเคยถูกจับกุมจากการเข้าร่วมชุมนุมประท้วงร้ายแรงหลายครั้งที่้ผ่่านมา
ยัง ๆ อยากเขียนเรื่องนี้ต่อ เพราะมีอีกหลายประเด็นที่ยังไม่ได้เขียน โดยเฉพาะความเสียหาย อย่าลืมนี่เป็นการก่อความสงบโดยใช้ระบบออยไลน์วางแผนและดำเนินการ
ไทยเคยมีเหตุการณ์แบบนี้เมื่อไม่นาน หรือทรัมป์เห็นไทยเป็นตัวอย่าง น่าคิด หากพิจารณาระดับมันสมองของอดีตผู้นำคนนี้ ตาไว สมองไว เมื่อเห็นอะไรที่เป็นประโยชน์
(https://www.ft.com/content/638cba82-c212-11e8-95b1-d36dfef1b89a)
จนสามารถสร้างตัวถึงขั้นไม่มีคนอื่นทำได้
…