เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์ ..มหานครแม่สอดกับความเป็นไปได้
ขอพักเขียนเรื่องศึกโควิด-19 เพราะยังไม่มีอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับการค้นหาต้นตอการระบาดที่เมืองอู่ฮั่น การค้นหาที่ทำโดยคณะผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก เจอเมื่อไหร่รับรองจะเป็นข่าวดังทั้งโลก
และยัง ๆ ไม่อยากเขียนเรื่องการจลาจลในสหรัฐฯ จลาจลจนต้องประกาศเตือนภัยการก่อการร้ายระดับชาติ โอ้! ใครบ้างเคยคิดประเทศนี้จะเกิดความแตกแยก จนคนสองกลุ่มปรับตัวเองเป็นกลุ่มก่อการร้าย
การเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำลายโอกาสที่โลกจะได้เคลื่อนเข้าสู่ภาวะใหม่ที่เกิดจากฝีมือประธานาธิบดีโจ ไบเดน ใช่แล้ว โลกจะแปรสภาพเป็นโลกใหม่หากไม่มีเหตุการณ์นี้ขัดขวาง
อย่ากลัวเรื่องไบเดนผลักดันนโยบาย Buy American นโยบายที่ให้คนอเมริกันซื้อของทำในอเมริกา ไม่ต้องกลัวเพราะไทยเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรายสำคัญให้สหรัฐฯ
รวมทั้งในขณะนี้ยังเป็นผู้ร่วมพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ที่มีคนรอซื้อจำนวนมหาศาล ถ้าอเมริกามั่งคั่ง ไทยจะได้ประโยชน์ทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว เรามีนักท่องเที่ยวอเมริกันปีละมาก ๆ อย่ากลัววิกฤติโควิด-19
พ้นวิกฤตินี้เมื่อไหร่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะทะลักเข้่าไทย นักท่องเที่ยวที่มีแบบแผนในการเที่ยว ไม่ได้ไปเที่ยวเพราะอยากอย่างเดียว แต่ยังอยากรู้เรื่องราวต่าง ๆ ในประเทศนั้่น ๆ
ขณะพยายามคิดควรเขียนเรื่องอะไร เผอิญได้ฟังการอภิปรายในวุฒิสภาเรื่องการขอยกฐานะเทศบาลนครแม่สอด จังหวัดตาก เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รูปแบบพิเศษ องค์กรแนวเดียวกับพัทยา
อภิปรายเมื่อเร็ว ๆนี้ ทั้งนี้ก่อนอื่นขอแสดงความชื่นชมต่อพล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา ที่เป็นผู้เสนอขอยกฐานะ โดยเสนอในฐานะประธานกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น
(ภาพจาก SenateChannel)
วุฒิสภามองการณ์ไกล รวมทั้งวุฒิสมาชิกท่านนี้และเพื่อนสมาชิก รู้กันนานแล้วแม่สอดมีศักยภาพเพียงพอในการจะเป็นเมืองด่านหน้าสำคัญของประเทศ เมืองด่านหน้าที่จะรับมือข้าศึกเวลาบุกเข้าโจมตี
อย่าคิดว่า เรื่องทำนองนี้จะไม่เกิด โอกาสเกิดมีถ้าดูภาวะทางยุทธศาสตร์ของดินแดนแถบนี้ ซึ่งกินลึกไปถึงอินเดียทางทิศตะวันตก และจีนทางทิศเหนือ
รวมทั้งดูภาวะทางการค้า ซึ่งล่าสุดปี 2562 แม่สอดมีสินค้าผ่านเข้าออกปีละกว่าหนึ่งแสนล้านบาท มูลค่าที่จะเพิ่มอีกมาก ถ้าดูการพัฒนาเมืองเมียวดีที่จีนกำลังทำเพื่อรับมือแม่สอด
(https://www.nakhonmaesotcity.go.th/web/th/grouppage/2/detail-news/N0004350.html)
(https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=toooza&month=02-2018&date=05&group=13&gblog=3)
ผู้เขียนรู้จักแม่สอดเพราะเคยคุ้นเคยกับคนอำเภอนี้ บ้านเขาอยู่ตรอกบ้านจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่เที่ยวสำคัญ ตรอกที่มีบ้านไม้สักหลังใหญ่สร้างติดกันเป็นแถวยาว
ดีใจที่แม่สอดได้รับการยกระดับ มีการมองแล้วระหว่างการอภิปราย ต่อไปแม่สอดจะเหมือนพัทยา คือมองไปจะเห็นตึกสูงเรียงแถว และถึงไม่มีทะเล แต่ก็มีแม่น้ำเมย
(https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/8/80/Moei_River.jpg)
ซึ่งสามารถให้ทัศนียภาพสวยงามไม่แพ้ เขียนถึงตรงนี้ขอเตือนชาวแม่สอดให้ช่วยกันดูแลแม่น้ำสายนี้ให้ดี ดูแลทั้งสาย บอกได้เลยถ้าไม่มีการดูแล แม่น้ำจะเปลี่ยนเป็นท่อน้ำเสีย
คนไทยริมน้ำมีนิสัยมักง่าย อะไรเสียจะโยนทิ้งน้ำ วิธีป้องกันคือ เปิดศาลเตี้ยเอาตัวคนทำผิดมาประจาน ๆ ๆ จนละทิ้งนิสัย ทำไมถึงให้ทำแบบนี้ คำตอบขอให้ดูตัวอย่างพื้นที่ริมน้ำทั้งหลายของไทย
ให้เสียดายถ้าพื้นที่ริมเมยจะเป็นแบบเดียวกัน ฝากให้ดูแม่น้ำแล้ว อยากให้ชาวแม่สอดพิจารณาผู้ลงสมัครในเลือกตั้งปลายเดือนมีนาคมดี ๆ เพื่อจะได้คนที่สามารถพัฒนาแม่สอดให้เต็มศักยภาพ
พัฒนาแบบไหนขอให้ดูสิงคโปร์เป็นตัวอย่าง สิงคโปร์ที่มีพื้นที่ 728 ตารางกิโลเมตร เทียบกับแม่สอดที่มี 27.2 ตารางกิโลเมตร เอาละ! ถึงเทียบไม่ติด แต่สิงคโปร์เป็นประเทศเล็ก
ดังนั้นจึงน่าจะมีอะไรที่แม่สอดสามารถเลียนแบบ ที่อยากแนะนำคือ อยากให้แม่สอดนำเคล็ดความสำเร็จของลีกวนยู มหาบุรุษผู้รังสรรค์เมืองท่าแห่งนี้ให้เป็นประเทศสุดเจริญ
สุดเจริญทุกด้านยากจะหาประเทศอื่นเทียบ และเคล็ดแรกก็คือ ความสะอาด คือแม่สอดจะต้องทำพื้นที่ให้เป็นนครแห่งความสะอาด ๆ แบบทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าภูมิทัศน์ นิสัยใจคอ การทำงาน ฯลฯ
ทำให้สุดสะอาดอย่างสิงคโปร์ รับรองถ้าทำได้องค์กรธุรกิจทั่วโลกจะมาตั้งฐาน เพื่อก่อตั้งสำนักงานดูแลธุรกิจที่ครอบคลุมถึงอินเดียและจีน รวมทั้งอาจย้อนหลังทางทิศตะวันออกไกลถึงเวียตนาม
โดยจะมีทางเชื่อมผ่านถนนสายพิเศษที่จะตัดผ่านไทยไปถึงประเทศนี้ ซึ่งรวมทั้งทางรถไฟด้วย แผนมีแล้ว รอการสร้างเท่านั้น ต่อจากความสะอาดคือ การยกระดับความเป็นอยู่
ชาวแม่สอดต้องทำความเป็นอยู่ของตนและครอบครัวให้ดูดีขึ้น และทันสมัยขึ้น วิธีทำเริ่มง่าย ๆ ทุกบ้านต้องมีที่จอดรถ ทั้งรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รวมทั้งรถแทรคเตอร์
ตามด้วยถนนทุกสาย ซึ่งนอกจากที่จอดรถ ควรมีทางเดินเท้าและท่อระบายน้ำเสีย
แล้วมาเคล็ดที่สามนั่นคือ การสร้างงาน สิงคโปร์เจริญเพราะมีการสร้างงานที่ตอบสนองการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกสมัยนั้น และไม่ใช่สร้างเท่านั้น ยังมีเคล็ดความสำเร็จที่สี่ของลีกวนยู
เคล็ดที่เป็นการยกระดับงาน คือพอถึงจังหวะที่ประเทศควรปรับระดับสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้สูงขึ้น เพื่อหลักเลี่ยงการเผชิญการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้าน สิงคโปร์ก็ทำ
พูดถึงการสร้างงาน คำถามคือ งานอะไรสำหรับแม่สอด เรื่องนี้ผู้เขียนเคยได้คำตอบจากชาวเมียนมาที่ย้ายมาอยู่ไทย และคำตอบคือ การผลิตไม้แกะสลักที่เป็นศรีษะคนดังระดับโลก
(http://www.robertgwalchmai.com/heads.html)
คนดังที่เริ่มตั้งแต่กาลิเลโอ นิวตัน และนาโปเลียน ไล่เรื่อยมาจนถึงเชคสเปียร์ เอดิสัน มอร์ส และมาร์โคนี่ ตามด้วยฮิตเลอร์ และใครต่อใครในยุคหลัง ซึ่งที่ขาดไม่ได้คือ บิล เกตส์
นำไม้มาแกะเป็นศรีษะคนเหล่านี้่เพื่อจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว ไม้ที่มีทั่วบริเวณ ซึ่งรวมทั้งไม้ของกลางที่ถูกกองทิ้งทั่วไทย เอาไม้พวกนี้มาแกะสลัก รับรองทำแล้วคนทั้งสองฝั่งจะมีงานทำถ้วนหน้า
(http://www.robertgwalchmai.com/heads.html)
นี่ยังไม่พูดถึงการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อเอามาช่วยงาน ซึ่งพอถึงระดับนี้รับรองบ้านคนทั้งโลก รวมทั้งโรงเรียน จะต้องมีศีรษะแกะสลักจากแม่สอดประดับ
เสียดายความคิดนี้ไม่ได้มีการสานต่อ เพราะเจ้าตัวได้รับสิทธิ์ลี้ภัยอพยพไปประเทศตะวันตก เอามาทำตอนนี้ยังทำได้ ยังมีเคล็ดที่ห้าเป็นความเฉียบแหลมในการปกครองและบริหารงานรัฐของสุดยอดมหาบุรุษ
แต่ผู้เขียนยังศึกษาเรื่องนี้ไม่เสร็จ เลยไม่ได้เขียน แต่อยากบอกคงไม่เคยมีผู้นำประเทศคนไหนที่ฉลาดและเฉียบแหลมเท่านี้ แม้กระทั่งถึงยุคนี้ยังไม่มี ฉลาดและเฉียบแหลมจากการทำฝ่ายค้านให้เป็นฝ่ายค้าน
(https://scroll.in/article/715572/singapores-lee-kuan-yew-on-why-he-departed-from-nehruvian-welfarism)
คือถ้านักการเมืองฝั่งตรงข้ามเป็นฝ่ายค้าน ก็ให้ค้าน ๆ ๆ ๆ ๆ จนเป็นฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ ลีกวนยูไม่กลัวฝ่ายค้าน เพราะสามารถทำฝ่ายค้านให้ค้านได้ตลอด ค้านทั้ง ๆ ที่บางช่วงประชาชนอยากให้เป็นรัฐบาล
แม่สอดมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นมหานคร จะติดตามความก้าวหน้าในการเป็นเมือง เป็นนคร และเป็นมหานคร