เรื่องจริงต้องรู้…/ช. พิทักษ์..พม่าเกิดรัฐประหาร
ตะลึง ๆๆๆ กันทั้งโลกเมื่อทราบข่าวเมียนมามีการรัฐประหาร และยิ่งตะลึงเมื่อทราบนางอองซานซูจี พร้อมด้วยสมาชิกชั้นนำพรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรคปกครองประเทศ ถูกควบคุมตัว
(https://www.timesofisrael.com/myanmar-leader-aung-san-suu-kyi-detained-in-apparent-coup/)
โดยถูกควบคุมแบบไม่ทราบเอาตัวไปไว้ที่ไหน และจะได้รับการดำเนินการอย่างไร จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร ในเมื่อเธอเป็นขวัญใจชาวโลก เป็นวีรสตรีที่ถูกกักตัวในบ้านพักนานถึง 15 ปี
จนกลายเป็นสัญญลักษณ์ของการเรียกร้องและต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จากนั้นเธอลงเล่นการเมืองและเป็นผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือเอ็นแอลดี
สู่ชัยชนะการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นเมื่อปี 2538 โดยได้คะแนนเสียงทั้งประเทศร้อยละ 86 หรือ255 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร กับอีก135 ที่นั่ง ในสภาเชื้อชาติ
ได้มากเท่านี้ในประเทศเจริญแล้วใครต้องได้เป็นผู้นำสูงสุดทางการเมือง
แต่นี่เมียนมาที่เขียนรัฐธรรมนูญไม่ให้คนที่สมรสคนต่างชาติเป็นผู้นำ เธอจึงได้เป็นเพียงรัฐมนตรีหลายกระทรวง
และล่าสุดได้เป็นที่ปรึกษาแห่งรัฐ โดยเป็นเมื่อวันที่ 6 เมษายนปีที่แล้ว2563 จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ หรือ 4 วันก่อน ซึ่งตรงกับวันที่เมียนมาเกิดรัฐประหาร
ทุกคนย่อมรู้ขุมอำนาจไหนเป็นฝ่ายก่อรัฐประหาร บรรดานายทหารทั้งโลกพากันส่ายหน้า เพราะไม่ว่าจะไปรับการอบรมที่ไหน ไปดูงานประเทศใด เพื่อรับความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตย
ไปกันเป็นคณะ ไปกันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทหารพม่าก็ยังไม่เลือกประชาธิปไตยเป็นแนวทางปกครองและแก้ปัญหาประเทศ ทั้ง ๆ ที่ถ้าจะว่าไปทหารพม่า รวมทั้งคนพม่าโดยรวม เป็นคนฉลาดและมีความรู้
ผลจากการที่สหราชอาณาจักรได้วางระบบการศึกษาไว้อย่างดีในช่วงพม่าตกเป็นอาณานิคม แล้วมารู้จักพล.อ.มิน อ่อง หล่าย กัน เขาเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด ดังนั้นจึงเป็นหัวหน้าการทำรัฐประหาร
(https://thefinancialexpress.com.bd/world/all-eyes-on-myanmars-army-chief-after-coup-1612166791)
พล.อ.มินมีกำหนดจะต้องเกษียณกลางปีนี้เพราะอายุจะครบ 65 ปี แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาแสดงเจตนาที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป เหตุผลคงไม่พ้นผลประโยชน์ทางธุรกิจหลากหลาย จนเป็นผู้มั่งคั่งระดับโลกคนหนึ่ง
ครั้นแล้วพอถึงวันที่ 1 ที่ผ่านมาจึงขยับก่อรัฐประหาร ซึ่งวันดังกล่าวเดิมมีกำหนดที่จะเปิดการประชุมรัฐสภาชุดใหม่ ทั้งนี้ก่อนหน้ามีข่าวลือหนาหูทหารจะก่อรัฐประหาร
แต่ถูกปฏิเสธถึงขั้นกองทัพออกแถลงการณ์ยืนยันความมุ่งมั่นปกป้องรัฐธรรมนูญ และยึดมั่นหลักกฎหมาย แต่คงไม่มีใครเชื่อดูจากข่าวที่ถูกเสนอโดยสำนักข่าวจากทั่วโลก
ซึ่งทั้งข่าวและภาพดูแล้วล้วนได้รับการเตรียมล่วงหน้า คือคนข่าวรู้ถึงขนาดจะเกิดอะไรขึ้น และไปยืนรอทำข่าวพร้อมช่างภาพ ส่วนตัวผู้เขียนไม่ขอรายงาน รวมทั้งวิจารณ์อะไรจะเกิดกับเมียนมาหลังการรัฐประหาร
เพราะอยากถ่ายทอดข้อสังเกตบางข้อของผู้ช่ำชองเมียนมาตั้งแต่ยังเป็นพม่า ข้อสังเกตคือ พม่าเป็นประเทศเคร่งศาสนา ดูจากวัดโบสถ์วิหารและเจดีย์ที่มีทุกพื้นที่ อีกทั้งคนยังทำบุญตั้งแต่เช้ายันเที่ยงคืน
แต่ทำไมคนพม่าถึงทุกข์ยาก อีกทั้งประเทศยังประสบปัญหาสาระพัดตั้งแต่โบราณกาล รวมทั้งการฆ่ากันเองในหมู่คนต่างชาติพันธ์ ซึ่งยังคงเกิดขึ้นจนทุกวันนี้
(https://kion546.com/news/national-world/2021/02//how-myanmars-opening-to-democracy-got-crushed/2)
และนอกจากภัยในการดำรงชีวิตที่ต้องเผชิญ ประเทศและชาวพม่ายังต้องเผชิญภัยธรรมชาติ ซึ่งเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และมีทั้งวาตภัย อุทกภัย และแผ่นดินไหว รวมทั้งล่าสุดอัคคีภัยในรูปแบบไฟป่า
แต่ไม่แปลกใจถ้ารู้ประเทศเคร่งศาสนาส่วนใหญ่ก็เผชิญเหมือนกัน นั่นคือประเทศลาตินอเมริกา ซึ่งล้วนเคร่งศาสนา และประชาชนต้องเผชิญความทุกข์ยากอย่างไม่มีวันหมดสิ้น
นี่ยังไม่รวมบางพื้นที่ในประเทศยุโรปที่มีศาสนสถานโอฬารใหญ่โต แต่คนในพื้นที่กลับมีฐานะตรงกันข้ามกับที่มีศาสนสถานพอกราบไหว้และพอทำบุญ มีไม่ใหญ่โต คนไม่แออัดวันบุญ
เช่นกันนอกจากความทุกข์ยาก ประเทศเหล่านี้ยังต้องเผชิญภัยธรรมชาติถึงขั้นต้องเตรียมรับมือเต็มกำลัง
แล้วประเทศไม่เคร่งศาสนาเป็นอย่างไร อยากยกตัวอย่างสหรัฐอเมริกา คนที่นี่นับถือศาสนาไม่น้อย ถ้าดูโบสถ์ทุกหนแห่ง แต่ไม่เคร่ง นับถือแบบเป็นธรรมเนียม คือเป็นชาวคริสต์ตั้งแต่บรรพบุรุษ
และไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์นับแต่นั้น แล้วเป็นไง สหรัฐฯเจริญจนติดอันดับสูงสุดของโลก และมีชื่อเสียงด้านการอยู่ดีกินดี ส่วนภัยธรรมชาติที่เกิดมักเกิดทางภาคกลางตอนใต้ ซึ่งเคร่งศาสนา
คราวนี้มาดูพื้นที่เตลิดเถิดเทิงอย่างมลรัฐแคลิฟอร์เนีย มีโบสถ์ มีวัด มีมัสยิด แต่คนยังไม่เคร่ง นานแล้วที่มลรัฐนี้มีการคาดการณ์จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ตรงใจกลาง จนพื้นที่ถูกแยกออกเป็นสองซีก
แต่ตราบจนทุกวันนี้แผ่นดินไหวที่คาดการณ์ก็ยังไม่เกิด คนยังกลัวจะเกิด แต่คงรื่นรมย์สนุกไปกับความมั่งคั่งในทุกด้าน
ผู้เขียนยังจะเขียนเรื่องแม่สอดต่อไป ไม่ต้องกลัวการรัฐประหารจะกระทบการพัฒนาแม่สอดให้เป็นมหานคร ไม่ต้องกลัวเพราะถึงจะทำให้พม่าถูกลงโทษระดับสากล จนกระทบแม่สอด
แต่แม่สอดคงยังมีโอกาสเป็นมหานคร โดยเป็นแบบเฟื่องวัฒนธรรม หรือ cosmopolitan city จะเป็นอย่างไรและด้วยวิธีไหน โปรดติดตามอ่าน