วช. หนุนผลิตชุดหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะเพิ่มอีก 3,000 ชุด แจกจ่ายโรงพยาบาล แพทย์-บุคลากรทางการแพทย์ใช้ป้องกันโควิด-19
วช. หนุนผลิตชุดหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะเพิ่มอีก 3,000 ชุดแจกจ่ายให้โรงพยาบาล แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ใช้ป้องกันโควิด-19
นพ.เข็มชาติ หวังทวีทรัพย์ รองคณบดีฝ่ายทรัพย์สินและพัสดุจากภาควิชาวิสัญญีวิทยาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลและประธานกลุ่ม ThaiMIC ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัครที่ไม่แสวงหาผลกำไร ประกอบด้วยแพทย์ วิศวกร สถาปนิก และนักวิทยาศาสตร์จากภาครัฐและเอกชนได้กล่าวในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยชุดหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะพร้อมชุดกรองอากาศประสิทธิภาพสูง (PAPR) ว่า จากทุนวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)ในการผลิตชุดหน้ากากป้องกันเชื้อโรคแบบคลุมศีรษะพร้อมชุดกรองอากาศประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นชุดป้องกันเชื้อโรคสำหรับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อโควิด-19
จนปัจจุบันโครงการฯ ได้ปรับปรุงพัฒนาชุดหน้ากากป้องกันเชื้อโรคฯ มาอย่างต่อเนื่องเป็นรุ่นที่ 3 ซึ่งมีประสิทธิภาพและการใช้งานดีกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ เช่น ในส่วนของชุดหน้ากากส่วนหัวได้ขยายให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อสะดวกในการทำงาน ท่อลมได้ปรับให้มีความแน่นหนาหลุดยากขึ้น กล่องพัดลมมีความเพรียวบาง
มีปุ่มปรับแรงลม เกจย์บอกระดับแบตเตอรีที่ใช้งานต่อเนื่องได้ไม่ต่ำกว่า 4 ชม เสียงเตือนเมื่อแบตเตอรีใกล้หมด ชาร์จแบตเตอรีเต็มได้ใน 4 ชั่วโมง
แบตเตอรี่ลิเธียมแบบเดียวกับพาวเวอร์แบงก์ แต่เป็นแบบ 4 เซลล์ ระดับ มอก.สามารถชาร์จไฟได้ด้วยสายยูเอสบี แบบซี รุ่นที่ผลิตออกมาก่อนหน้านี้เป็นที่ต้องการ จากโรงพยาบาลต่างๆ เป็นจำนวนมาก โครงการฯ จึงได้ผลิตและแจกจ่ายให้กับเครือข่ายโรงพยาบาลในกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย เพื่อส่งต่อให้แก่โรงพยาบาลในโรงเรียนแพทย์ และโรงพยาบาลในกระทรวงสาธารณสุข ไปแล้วถึง 500 ชุด แต่เนื่องจากยังเป็นที่ต้องการใช้เพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ได้สนับสนุนทุนวืจัยโครงการฯ เพื่อผลิตชุดเพิ่มอีกจำนวน 3,000 ชุด คาดว่าจะผลิตเสร็จและส่งมอบให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งหากประเมินจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในปัจจุบัน เชื่อว่าจำนวนชุดที่ผลิตเพื่อแจกจ่ายให้กับโรงพยาบาลจะมีเพียงพอต่อการใช้งาน