พม. รวมพลังพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 บูรณาการภาคีเครือข่ายคุ้มครองเด็กอย่างทันท่วงที
พม. รวมพลังพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 บูรณาการกับภาคีเครือข่ายคุ้มครองเด็กอย่างทันท่วงที
วันนี้ (29 ส.ค. 64) เวลา 10.30 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เป็นประธานในการแถลงข่าว “รวมพลังพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546” เป็นการอบรมพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ความรู้ในการคุ้มครองดูแลเด็ก ตามประกาศกระทรวง พม. เรื่อง กำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสงเคราะห์เด็กและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เพื่อบูรณาการความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการคุ้มครองเด็กให้เกิดการเข้าถึงเด็กได้อย่างทันท่วงที โดยมี คณะผู้บริหารเข้าร่วมอบรม ณ ห้องประชุม ชั้น 2 กระทรวง พม. ถนนกรุงเกษม สะพานขาว กทม. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมอบรมผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์
นายจุติ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ได้ส่งผลกระทบให้เกิดวิกฤติทั่วประเทศ และมีปัญหาทางสังคมในด้านต่างๆ ทั้งในด้านมิติของเด็ก ความรุนแรงทางครอบครัว ความปลอดภัยของครอบครัวและชุมชน ทั้งนี้ กระทรวง พม. เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนกลุ่มเป้าหมายทุกช่วงวัย รวมถึงกลุ่มเด็ก ซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยกระทรวง พม. ได้ดำเนินงานด้านเด็กภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 เป็นกฎหมายที่มุ่งให้ความคุ้มครองแก่เด็กทั้งด้านร่างกายและจิตใจ รวมถึงการสงเคราะห์ การคุ้มครองสวัสดิภาพ การพัฒนาและฟื้นฟู โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 จำเป็นต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และสามารถบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดผลเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ กระทรวง พม. จึงได้จัดการอบรม “รวมพลังพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546” เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีองค์ความรู้ที่จำเป็นในการช่วยเหลือคุ้มครองเด็กตามกระบวนงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการคุ้มครองเด็ก เพื่อตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม และรวดเร็ว นำไปสู่การขยายผลการพัฒนาการขับเคลื่อนการคุ้มครองเด็กอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นายจุติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน มีพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 จำนวนทั้งสิ้น 1,113 คน แต่ปฏิบัติงานอยู่เพียง 720 คน ซึ่งมีจำนวนไม่เพียงพอในการคุ้มครองเด็กอย่างมีคุณภาพจากการประมาณการอัตราส่วนที่เหมาะสมของพนักงานเจ้าหน้าที่ต่อจำนวนเด็กที่ต้องการได้รับการดูแล ซึ่งต้องคำนึงถึงระยะเวลาที่ใช้ปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถจัดบริการที่มีคุณภาพ โดยจะมีการประกาศเพิ่มพนักงานเจ้าหน้าที่ ในส่วนเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีจำนวนที่ครอบคลุมทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อมาดำเนินงานปกป้องคุ้มครองเด็ก
ทั้งนี้ การให้การคุ้มครองเด็กจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงและประสานงานในการให้ความคุ้มครองเด็ก บูรณาการทรัพยากร เพื่อให้เกิดการเข้าถึงเด็กได้อย่างทันท่วงที และจากสถานการณ์ในปัจจุบัน จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งกระทรวง พม. จึงเห็นควรให้มีประกาศกระทรวง พม. เรื่อง กำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ในการสงเคราะห์เด็กและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ขึ้น
เพื่อรวมพลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานคุ้มครองเด็ก ซึ่งประกอบด้วย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวง พม. โดยสำนักงานปลัดกระทรวง พม. สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดทั่วประเทศ สำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ (สสว.) 1 – 11 กรมกิจการเด็กและเยาวชน บ้านพักเด็กและครอบครัว 76 จังหวัดและกรุงเทพมหานคร การเคหะแห่งชาติ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน เพื่อร่วมกันให้ความคุ้มครองเด็กที่ประสบปัญหาต่างๆ รวมทั้งทำงานร่วมกันกับครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ทั้งนี้ จำเป็นต้องมีการบูรณาการร่วมกันในทุกมิติ ตามที่รัฐบาลได้มอบนโยบายว่า ต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและต้องแก้ไขปัญหาของประชาชนให้ได้และเดินหน้าไปพร้อมกัน ซึ่งทุกปัญหาถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้