ซัมซุง ประกันชีวิตจับมือ มูลนิธิรักษ์ไทย -ทรู-สพฐ.-โค้ชชเว จัดค่ายเยาวชนเทควันโดออนไลน์ ใต้โครงการ “ฮีโร่เทควันโดเพื่อยุติการรังแก”
ปัจจุบันมีสถิติพบว่าในแต่ละปีนักเรียนไทยกว่า 600,000 ราย (จากผลการสำรวจของกรมสุขภาพจิต, 2563) ถูกรังแกในโรงเรียนซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนโดยเฉพาะต่อตัวเด็ก ที่อาจทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ บริษัท ซัมซุง ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดงบประมาณสำหรับโครงการ CSR ในปีนี้ เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาการรังแก โดยร่วมมือและประสานงานกับมูลนิธิรักษ์ไทย ผ่านองค์กรเพื่อสังคมระดับสากล Global Civic Sharing เพื่อภายใต้ชื่อโครงการ “ฮีโร่เทควันโดเพื่อยุติการรังแก” ซึ่งจะเน้นการส่งเสริมการมีต้นแบบพฤติกรรมทางบวกที่ผสมผสานศาสตร์จากกีฬาเทควันโด
นายซอง บก จาง ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซัมซุง ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ซัมซุงประกันชีวิต หรือ Samsung Life Insurance เป็นองค์กรที่ให้บริการในด้านการวางแผนความมั่นคงในทุกช่วงวัย ผ่านผลิตภัณฑ์เพื่อการประกันชีวิตประกันสุขภาพและเพื่อการออมเงินที่หลากหลาย นอกจากการดำเนินธุรกิจแล้ว บริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่องเสมอมา ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการศึกษา ภายใต้คำขวัญที่ว่า “We Love & Share” และเรามีโครงการร่วมกับมูลนิธิรักษ์ไทยมาหลายโครงการ ทั้งการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องกระตุกหัวใจ AED และล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้วในการจัดมอบรถพยาบาลให้กับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เราทราบดีว่ามูลนิธิรักษ์ไทยมีหลักสูตรการเรียนรู้สำหรับปัญหาเรื่องการยุติการรังแกในโรงเรียน
ในปีนี้จึงได้จัดงบประมาณสำหรับโครงการ CSR เป็นเงินจำนวนรวมกว่า 21 ล้านบาท เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาการรังแกในโรงเรียนให้ลดลง ประกอบกับด้วยความสนใจในเทควันโดซึ่งเป็นกีฬาของทางเกาหลี ได้หารือกับโค้ชชเว ย็อง-ซ็อก ในเรื่องนี้และเห็นพ้องตรงกันว่า หากมีการผสมผสานกันระหว่างทฤษฎีการยุติการรังแกและทักษะด้านกีฬาเทควันโดของทางโค้ช จะเกิดเป็นการเรียนรู้แนวใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุดถึงต้นตอ และเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน แต่เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด19 จึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบเป็นการจัดกิจกรรม โดยจัด ค่ายเยาวชนเทควันโดออนไลน์ขึ้นในภูมิภาคตะวันออก ในชื่อกิจกรรม Samsung Life Insurance 1st Online Taekwondo Youth Camp collaborated with True 5G” โดยได้รับความร่วมมือในด้านเทคโนโลยีจาก บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น
นายโอลิเวอร์ กิตติพงษ์ วีระเตชะ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านแบรนด์และการสื่อสาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เราพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีสื่อสารครบวงจรและสนับสนุนการเรียนรู้และพัฒนาทักษะกีฬาแก่เยาวชนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้จึงดึงศักยภาพผู้นำดิจิทัลเทคโนโลยีของกลุ่มทรูมาร่วมยกระดับการเรียนการสอนในรูปแบบ Virtual ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์ม True VROOM และแอปพลิเคชัน True ID ทำให้น้องๆ สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ที่เสมือนได้เข้าแคมป์ฝึกซ้อมจริงกับทีมโค้ชเชแบบเรียลไทม์ และยังสามารถกลับมาดูซ้ำเพื่อฝึกฝนได้ สอดรับกับยุคนิว นอร์มัล อย่างแท้จริง”
ซึ่งนักเรียนที่เข้าร่วมจะมาจากบุคคลทั่วไปและจากโรงเรียนนำร่องโครงการ ภายใต้สังกัดของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ ดร.เทอดชาติ ชัยพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ) “เป็นโอกาสที่ดีกับนักเรียนที่ทางบริษัทฯ และผู้เกี่ยวข้องเล็งเห็นถึงความสำคัญเรื่องการรังแกในโรงเรียน โครงการนี้จะเป็นประโยชน์กับตัวนักเรียนให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทควันโด และนำไปปรับใช้ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องการรังแกกันต่อไป”
กีฬาเทควันโดเป็นศิลปะการต่อสู้จากประเทศเกาหลี โดยทางโครงการฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากทีมโค้ชเทควันโดมืออาชีพ นำโดยโค้ช ชเว ย็อง-ซ็อก หรือโค้ชเช ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า “ด้วยการฝึกทักษะกีฬาเทควันโด นักเรียนผู้เข้าร่วมโครงการจะได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ ที่จำเป็นในการป้องกันตัวเองจากการถูกรังแกด้านร่างกาย ตลอดจนการปลูกฝังเรื่องน้ำใจนักกีฬา ความมีวินัย ความอดทน ความสามัคคี และการเคารพซึ่งกันและกัน”
โครงการ “ฮีโร่เทควันโดเพื่อยุติการรังแก” มีกำหนดจัดขึ้นทั้งหมด 5 ครั้ง ให้กับเยาวชนที่สนใจทั่วไปและจาก 25 โรงเรียนทั่วประเทศ คาดการณ์จำนวนผู้เข้าร่วมทั้งหมด 5,000 ราย นอกจากนี้ยังมีการมอบทุนการศึกษา ให้สำหรับนักเรียนที่เข้าร่วมอีกด้วย “ต้องขอขอบคุณบริษัทซัมซุงประกันชีวิตฯ และทุกภาคส่วนที่เล็งเห็นถึงความสำคัญ มูลนิธิฯ ตั้งใจขับเคลื่อนเรื่องการยุติการรังแกในโรงเรียนอย่างมาก การนำเทควันโดมาประยุกต์ใช้ ตลอดจนใช้เทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ผ่านทางออนไลน์จะเป็นสิ่งใหม่ที่น่าตื่นเต้นกับนักเรียนไทย และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางด้านที่ดีอย่างแน่นอน” ดร. สุทธิโสพรรณ ช่วยวงศ์ญาติ กรรมการบริหารมูลนิธิรักษ์ไทยกล่าว