พม. ดึงรัฐสภา -ภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่จ.ลพบุรี เร่งช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเดือดร้อนจากน้ำท่วม
พม. ดึงรัฐสภา และภาคีเครือข่าย ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรี เร่งช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางเดือดร้อนจากภัยน้ำท่วม
วันนี้ (2 ต.ค. 64) เวลา 09.00 น. นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) และ ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้แทนรัฐสภา พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ลงพื้นที่จังหวัดลพบุรี ณ ศูนย์พักพิงวัดจงโก ตำบลหนองรี อำเภอลำสนธิ เพื่อเยี่ยมประชาชนผู้ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ จำนวน 190 ถุง จากนั้น เดินทางไปลงพื้นที่เยี่ยมบ้านครอบครัวกลุ่มเปราะบางที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการ จำนวน 10 ครอบครัว ที่ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพและเงินสงเคราะห์ครอบครัวๆ ละ 2,000 บาท อีกทั้งได้เดินทางไปลงพื้นที่ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล เพื่อเยี่ยมประชาชนผู้ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ จำนวน 300 ถุง นอกจากนี้ ยังเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนผู้อพยพจากที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วม ณ ศูนย์พักพิงผู้ประสบอุทกภัย ภายในวิทยาลัยการอาชีพชัยบาดาล ตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล ทั้งนี้ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองรีและตำบลบัวชุม ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 7 พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลพบุรี ทีม One Home พม. จังหวัดลพบุรี ผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) รวมทั้ง คณะนักศึกษา ปปร. รุ่นที่ 24 ลงพื้นที่บูรณาการให้ความช่วยเหลือร่วมกัน
นางพัชรี กล่าวต่อไปว่า วันนี้ กระทรวง พม. โดยนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ได้ส่งเรามาช่วยดูแลพี่น้องประชาชนทุกคนที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ ตอนนี้ กระทรวง พม. ร่วมกับรัฐสภา โดย นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และรัฐบาล ซึ่งให้ความสำคัญกับประชาชน โดยทีมกระทรวง พม. มาจากทั้งส่วนกลางและจังหวัดลพบุรี ทั้งนี้ ตนในฐานะปลัดกระทรวง พม. ได้มาลงพื้นที่ด้วยตัวเอง พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวง พม. และทุกคนมาด้วยใจ ด้วยความเป็นห่วง เพราะเราเห็นว่าพี่น้องประชาชนกำลังยากลำบาก ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวง พม. รวมทั้งหน่วยงานในท้องถิ่น ทั้งอำเภอ อบต. อบจ. และเทศบาล โดยเฉพาะผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี ซึ่งทุกคนเห็นถึงความยากลำบากของพี่น้องประชาชนจากวิกฤตโรคโควิด-19 และภัยน้ำท่วมที่เกิดขึ้นอีก ถือว่าทุกท่านมีความยากลำบากจริงๆ และเราจะทำอย่างไรที่จะผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกัน วันนี้เรามาเพื่อให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ด้วยการมอบถุงยังชีพ ที่มีทั้งอาหารและสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น และขนมสำหรับเด็ก
สำหรับท่านใดที่ยังมีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย เรื่องเงินสังเคราะห์ต่างๆ เรามีพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดอยู่ประจำที่จังหวัดลพบุรี และมีอีกหลายหน่วยในจังหวัด รวมทั้ง การเคหะแห่งชาติ ที่มีโครงการบ้านสุขประชา เป็นโครงการที่อยู่อาศัยและมีการฝึกอาชีพให้ด้วย และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. มีโครงการบ้านมั่นคงและบ้านพอเพียงชนบท เพื่อช่วยซ่อมแซมและสร้างบ้านให้ นั่นคือกระทรวง พม. พยายามดูแลคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนในทุกมิติ แต่เราไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว เราร่วมมือกับหลายกระทรวงเพื่อดูแลทุกท่าน ทั้งเรื่องสุขภาพโดยกระทรวงสาธารณสุข เรื่องที่อยู่อาศัยโดยการเคหะแห่งชาติ และ พอช. เรื่องอาชีพโดยกระทรวงแรงงาน และเรื่องการศึกษาโดยกระทรวงศึกษาธิการ เพราะฉะนั้น ถ้าท่านใดยังเดือดร้อนยากลำบาก หลังจากนี้ ขอให้ท่านโทรมาที่ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน พม. โทร. 1300 โทรฟรี 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ท่านสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านอาสาสมัครพัฒนาสังคมฯ (อพม.) ในชุมชน หรือคนที่ท่านพึ่งพาได้ เช่น นายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน เป็นต้น จากนั้น หน่วยงานในจังหวัดของกระทรวง พม. จะลงพื้นที่มาช่วยเหลือท่าน ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนมั่นใจว่ารัฐบาลจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นางพัชรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องด้วยจังหวัดลพบุรี ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยในวงกว้าง เนื่องจากพายุดีเปรสชั่น “เตี้ยนหมู่” ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 64 ที่ผ่านมาเป็นผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากพื้นที่ด้านเหนือของจังหวัด ทั้งนี้ มีพื้นที่ได้รับผลผลกระทบจากน้ำท่วม รวม 11 อำเภอ สำหรับ ตำบลหนองรี อำเภอลำสนธิ มีทั้งหมด 13 หมู่บ้าน 3,282 ครัวเรือน โดยมีพื้นที่ได้รับความเสียหายน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก จำนวน 12 หมู่บ้าน ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 1,530 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิตจากการจมน้ำ จำนวน 3 ราย ในส่วนของตำบลบัวชุม อำเภอชัยบาดาล มีทั้งหมด 9 หมู่บ้าน 3,200 ครัวเรือน โดยมีพื้นที่ได้รับความเสียหายน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก จำนวน 3 หมู่บ้าน ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 1,500 ครัวเรือน