ไทยฉีดวัคซีนโควิด-19แล้ว 97,177,327 โดส
“อว. เผยฉีดวัคซีนของไทย ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2564 ฉีดวัคซีนแล้ว 97,177,327 โดส และทั่วโลกแล้ว 8,372 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง ส่วนอาเซียนฉีดแล้วทุกประเทศ รวมกันกว่า 706 ล้านโดส โดยกรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ฉีดวัคซีนเข็ม 1 มากสุด (119%)
➡️(11 ธันวาคม 2564) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เผยข้อมูลสถิติการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วโลกแล้ว 8,372 ล้านโดส ใน 205 ประเทศ/เขตปกครอง โดยขณะนี้อัตราการฉีดล่าสุดรวมกันทั่วโลกที่ 38.7 ล้านโดสต่อวัน และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีจำนวนการฉีดวัคซีนสูงที่สุดที่ 481 ล้านโดส โดยมีชาวอเมริกันกว่า 201 ล้านคนได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว”
ด้านอาเซียนขณะนี้ทุกประเทศได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว มียอดรวมกันที่ประมาณ 706 ล้านโดส โดยบูรไนฉีดวัคซีนในสัดส่วนประชากรมากที่สุดในภูมิภาค (91.8% ของประชากร) ในขณะที่อินโดนีเซียฉีดวัคซีนในจำนวนมากที่สุดที่ 248.3 ล้านโดส สำหรับประเทศไทยข้อมูล ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2564 ได้ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 97,177,327 โดส โดยฉีดให้กับประชาชนมากที่สุดในสัดส่วนกว่า 61.84%
🌏 ในการฉีดวัคซีน จำนวน 8,372 ล้านโดสนี้ อว. ขอรายงานสถิติที่สำคัญ คือ
- ข้อมูลการฉีดวัคซีนล่าสุดของประเทศไทย ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2564
จำนวนการฉีดวัคซีนสะสม 97,177,327 โดส ใน 77 จังหวัด แบ่งเป็น
-เข็มแรก 49,859,697 โดส (75.3% ของประชากร)
-เข็มสอง 43,234,343 โดส (65.3% ของประชากร)
-เข็มสาม 4,083,287 โดส (6.2% ของประชากร) - อัตราการฉีดวัคซีนตั้งแต่ 28 ก.พ.-11 ธ.ค. 64 พบว่า ประเทศไทยฉีดวัคซีนแล้ว 97,177,327 โดส ฉีดเพิ่มขึ้น 355,567 โดส (อัตราการฉีดล่าสุดเฉลี่ย 3 วันย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. 64 ซึ่งเป็นการฉีดวัคซีนวาระแห่งชาตโด378,024 โดส/วัน
- อัตราการฉีดวัคซีน ประกอบด้วย
วัคซีน Sinovac
- เข็มที่ 1 22,725,597 โดส
- เข็มที่ 2 3,565,607 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน AstraZeneca
- เข็มที่ 1 13,179,671 โดส
- เข็มที่ 2 27,355,119 โดส
- เข็มที่ 3 2,584,825 โดส
วัคซีน Sinopharm
- เข็มที่ 1 7,372,273 โดส
- เข็มที่ 2 6,923,299 โดส
- เข็มที่ 3 0 โดส
วัคซีน Pfizer
- เข็มที่ 1 6,171,646 โดส
- เข็มที่ 2 5,257,465 โดส
- เข็มที่ 3 1,115,072 โดส
วัคซีน Moderna
- เข็มที่ 1 410,510 โดส
- เข็มที่ 2 152,833 โดส
- เข็มที่ 3 383,390โดส
- การฉีดวัคซีนโควิด-19 แยกตามกลุ่มเป้าหมาย
- บุคลากรการแพทย์/สาธารณสุข เข็มที่1 122.1% เข็มที่2 119% เข็มที่3 94.5%
- เจ้าหน้าที่ด่านหน้า เข็มที่1 64.4% เข็มที่2 61.8% เข็มที่3 20.8%
- อสม เข็มที่1 78.5% เข็มที่2 74.4% เข็มที่3 17.3%
- ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่มโรค เข็มที่ 76.2% เข็มทเข็มที่2 68.6% เข็มที่3 4.8%
- ประชาชนทั่วไป เข็มที่1 66.8% เข็มที่3 56.5% เข็มที่3 5.1%
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เข็มทีา 73% เข็มที่ 64% เข็มที่3 1.6%
- หญิงตั้งครรภ์ เข็มที่1 19.7% เข็มที่ 15.9% เข็มที่3 0.4%
- นักเรียน/นักศึกษา อายุ 12-17 ปี เข็มที่1 72.3% เข็มที่2 66% เข็มที่3 0%
รวม เข็มที่1 69.2% เข็มที่2 60% เข็มที่3 5.7%
- %การฉีดวัคซีนพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว
- กรุงเทพมหานคร เข็มที่1 119% เข็มที่2 105.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.3% เข็มที่2 73.9%
- ชลบุรี เข็มที่1 91.5% เข็มที่2 83.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 78.6% เข็มที่2 74.4%
- ภูเก็ต เข็มที่1 86.9% เข็มที่2 83.8% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 74.1% เข็มที่2 71.5%
- เชียงใหม่ เข็มที่1 87% เข็มที่2 73.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 92.7% เข็มที่2 78.5%
- สมุทรปราการ เข็มที่1 81.9% เข็มที่2 69.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 95.6% เข็มที่2 87.2%
- ระนอง เข็มที่1 79.9% เข็มที่2 71.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.4% เข็มที่2 72.3%
- ระยอง เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 67.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 76.9% เข็มที่2 73.2%
- พังงา เข็มที่1 74.2% เข็มที่2 70.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.6% เข็มที่2 64.6%
- สุราษฎร์ธานี เข็มที่1 72.9% เข็มที่2 62.7% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 81.3% เข็มที่2 73.9%
- กระบี่ เข็มที่1 70.3% เข็มที่2 64.6% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 79.2% เข็มที่2 73.9%
- ประจวบคีรีขันธ์ เข็มที่1 69.3% เข็มที่2 62% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 72.4% เข็มที่2 66.4%
- เพชรบุรี เข็มที่1 67.7% เข็มที่2 60.9% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.6% เข็มที่2 62.8%
- ตราด เข็มที่1 65.9% เข็มที่2 61.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 68.2% เข็มที่2 65%
- บุรีรัมย์ เข็มที่1 60.5% เข็มที่2 53.3% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 80.8% เข็มที่2 70.4%
- เลย เข็มที่1 59.1% เข็มที่2 50.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 75.2% เข็มที่2 65.9%
- อุดรธานี เข็มที่1 58.6% เข็มที่2 50.5% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 83.7% เข็มที่2 74.8%
- หนองคาย เข็มที่1 55.6% เข็มที่2 47.4% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 70.6% เข็มที่2 63.9%
รวม เข็มที่1 89.6% เข็มที่2 79.1% และประชากร 60 ปีขึ้นไป เข็มที่1 82.1% เข็มที่2 73.5% - ในภูมิภาคอาเซียน ได้ฉีดวัคซีนแล้วครบ 10 ประเทศ รวมจำนวน 706,018,579 โดส ได้แก่
- อินโดนีเซีย จำนวน 248,355,276 (52,9%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, AstraZeneca, Moderna และ Sinopharm
- เวียดนาม จำนวน 130,934,854 โดส (76,4%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca, Pfizer, Moderna และ Sinopharm
- ไทย จำนวน 97,177,327 โดส (75.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Sinovac, AstraZeneca และ Sinopharm
- ฟิลิปปินส์ จำนวน 95,201,533 โดส (49%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinovac, Pfizer, Sputnik V, Moderna, J&J และ AstraZeneca
- มาเลเซีย จำนวน 54,48,772 โดส (79.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, AstraZeneca และ Sinovac
- พม่า จำนวน 30,758,382 โดส (33.2%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
- กัมพูชา จำนวน 30,758,382 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, AstraZeneca, J&J และ Sinovac
- สิงคโปร์ จำนวน 10,083,329 โดส (87%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Pfizer, Moderna และ Sinovac
- ลาว จำนวน 7,499,917 โดส (57.3%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sputnik V, Pfizer, J&J, Sinovac และ AstraZeneca
- บรูไน จำนวน 778,921 โดส (91.8%* ของประชากร) ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca และ Sinopharm
- คำนวณจากจำนวนฉีด/จำนวนประชากร อย่างน้อย 1 เข็ม
- จำนวนการฉีดวัคซีนแยกตามภูมิภาค
- เอเชียและตะวันออกกลาง 69.32%
- ยุโรป 10.41%
- อเมริกาเหนือ 9.2%
- ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน 7.31%
- แอฟริกา 3.16%
- โอเชียเนีย 0.6%
- ประเทศที่ฉีดวัคซีนแล้วมากที่สุด 5 ประเทศลำดับแรกที่ฉีดวัคซีนมากกว่า 100 ล้านโดส รวมกันเกือบ 70% ของปริมาณการฉีดวัคซีนทั่วโลก
- จีน จำนวน 2,574.93 ล้านโดส (183.9% ของจำนวนโดสที่ฉีดต่อประชากร)
- อินเดีย จำนวน 1,320.23 ล้านโดส (96.5%)
- สหรัฐอเมริกา จำนวน 480.57 ล้านโดส (144.8%)
- บราซิล จำนวน 318.8 ล้านโดส (151.7%)
- อินโดนีเซีย จำนวน 248.36 ล้านโดส (90%)
- ประเทศที่ฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากรมากที่สุด มี 10 ประเทศที่ฉีดวัคซีนให้กับประชากรอย่างน้อย 25% แล้ว ได้แก่ (เฉพาะประเทศที่มีประชากรมากกว่า 500,000 คน)
- คิวบา (253.6%) (ฉีดวัคซีนของ Abdala และ Soberana02)
- ชิลี (219.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, CanSino, Pfizer/BioNTech และ Sinovac
- มัลดีฟส์ (209.2% ของประชากร) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinopharm)
- สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (205.7%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaleya)
- บาห์เรน (204.2%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech, Sinopharm และ Gamaley)
- อุรุกวัย (194.9%) (ฉีดวัคซีนของ AstraZeneca/Oxford, Pfizer/BioNTech และ Sinovac)
- จีน (183.9%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, CanSino และ Anhui)
- กาตาร์ (180.7%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
- อิสราเอล (180.2%) (ฉีดวัคซีนของ Pfizer/BioNTech และ Moderna)
- กัมพูชา (180.2%) (ฉีดวัคซีนของ Sinopharm, Sinovac, AstraZeneca/Oxford และ J&J)
แหล่งข้อมูล Bloomberg Vaccine Tracker, กระทรวงสาธารณสุข
ประมวลข้อมูลโดย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)
ศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและการพัฒนา ศูนย์บริการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดชื่อไวรัสโคโรน่า 2019 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ฃ