วช. ชูยุทธศาสตร์งานวิจัยเด่น ปี 2565 ยกระดับคุณภาพชีวิตพลเมืองในประเทศ
วช. ชูยุทธศาสตร์งานวิจัยเด่น ปี 2565 ยกระดับคุณภาพชีวิตพลเมืองในประเทศ
เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เปิดกิจกรรมแถลงข่าว “NRCT Talk : การใช้ประโยชน์งานวิจัย ปี 65” พร้อมบรรยายแผนปฏิบัติการการใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรมเชิงเป้าหมายยุทธศาสตร์ ณ ศูนย์จัดการความรู้การวิจัย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ถนนพหลโยธิน กรุงเทพมหานคร เพื่อให้สาธารณชนได้รับรู้ถึงการขับเคลื่อนการใช้ประโยชน์ วทน. ตลอดเส้นทางการบริหารจัดการทุนวิจัยและนวัตกรรมเชิงเป้าหมายยุทธศาสตร์ในรูปแบบใหม่ บนบทบาทของ วช. ในปี 2565
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ให้ความสำคัญกับการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เพื่อหนุนเสริมการพัฒนาประเทศ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) หน่วยงานภายใต้การกำกับของกระทรวงจึงได้จัดทำแผนปฏิบัติการการใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรมเชิงเป้าหมายยุทธศาสตร์ เพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตามแนวนโยบายของ อว. เพื่อสนองเป้าหมายแผนยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ
ซึ่งแผนปฏิบัติการการใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรมเชิงเป้าหมายยุทธศาสตร์ มี 5 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1) ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตสีเขียวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ กำจัดขยะแบบ Zero Waste 2) ยุทธศาสตร์ส่งเสริมเกษตรมูลค่าสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นแหล่งอาหารโลก 3) ยุทธศาสตร์สร้างสังคมสูงวัย แบบพลังผู้เฒ่า 4) ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโต แบบแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน และลดความเหลื่อมล้ำ และ 5) ยุทธศาสตร์การเพิ่ม ขีดความสามารถการแข่งขันลดการนำเข้า และขับเคลื่อนประเด็นเร่งด่วนของประเทศ
ซึ่งยุทธศาสตร์ทั้ง 5 เป็นกรอบแนวคิดการใช้ประโยชน์งานวิจัยและนวัตกรรมเชิงเป้าหมายยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาประเทศในรูปแบบใหม่บนแนวทางของ วช.
1) ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโตสีเขียวสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ กำจัดขยะแบบ Zero Waste วช. ตั้งเป้าหมายพัฒนาประเทศสู่วิถิยั่งยืน เน้นผลิตและบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหาท้าทายสำคัญในด้านทรัพยากรธรรม ชาติ และสิ่งแวดล้อม green economy หรือเศรษฐกิจสีเขียว และ BCG Model ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ
2) ยุทธศาสตร์ส่งเสริมเกษตรมูลค่าสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเป็นแหล่งหารโลกวช. จะนำงานวิจัยและนวัตกรรม มาปรับโฉมเกษตรกรจากเกษตรดั้งเดิมเป็นเกษตรสมัยใหม่ นอกจากนี้วช. จะนำเทค โนโลยีสมัยใหม่ AI เข้ามาช่วยแปรรูปในการเพิ่มมูลค่าทำให้ประเทศ ไทยเป็นครัวโลก ทั้งนี้ วช.ยังมีการดูแลหลังการเก็บเกี่ยว รวมถึงการขนส่ง และการสร้างต้นแบบสมาร์ท ฟาร์มในที่ต่าง ๆ อีกด้วย
3) ยุทธศาสตร์สร้างสังคมสูงวัย แบบพลังผู้เฒ่า วช. จะสร้างสังคมโดยการนำผู้สูงวัยมาเป็นตัวขับเคลื่อนประเทศในมิติต่าง ๆ ของประเทศ ที่ไม่ใช่เฉพาะการเป็นผู้พึ่งพิง แต่จะทำให้เป็นพลังของประ เทศ ในปี 2563 จนถึงปัจจุบัน
ยุทธศาสตร์สำคัญของกระทรวง อว. คือโครงการเปลี่ยนเกษียณเป็นพลัง ได้ครอบคลุมในการดูแลกลุ่มผู้สูงวัย โดยเฉพาะกลุ่มก่อนอายุ 60 ปี กลุ่มนี้ยังมีความเข้มแข็ง มีความรู้ความสามารถ ยังมีพลังช่วยในเรื่องขับเคลื่อนคุณภาพให้เป็นพลังทางสังคม วช. จึงได้นำแนวปฏิบัติของ อว. มาสร้างแพลตฟอร์ม โดยการนำนวัตกรรมไปสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงวัย ในโครงการเปลี่ยนเกษียณเป็นพลัง ในช่วงปีที่ผ่านมา วช. นำผลงานวิจัยและนวัตกรรมลงไปช่วย 10 โครงการ ครอบคลุมทั้ง 4 ภูมิภาค ซึ่งเป้าหมายของการเข้าถึงผู้สูงวัยของ วช. เป็นหลักแสนคน ขณะนี้ บรรลุเป้าไปแล้ว 4-5 โครงการ อาทิ โครงการเปลี่ยนเกษียณเป็นพลัง :เกษียณมีดี ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำให้ผู้สูงวัยมีงานทำ และตลาดจำหน่ายสินค้าในรูปแบบออนไลน์มีผู้เข้าร่วมโครงการหลายหมื่นคนในเขตภาคเหนือ ถือเป็นกลยุทธที่ วช. กำลังจะเดินหน้าต่อไป
4) ยุทธศาสตร์สร้างการเติบโต แบบแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกัน และลดความเหลื่อมล้ำ วช. ได้นำนวัตกรรมไปถ่ายทอดเป็นองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาให้กับพี่น้องภาคประชาชน ซึ่งในส่วนการทำงานเป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณภาพชีวิตในการอาศัยอยู่ในพื้นที่ชุมชนอย่างมีความสุขกับครอบครัว มีชีวิตที่ปลอดภัย มีความหมาย และยังมีความรู้สึกของความมีส่วนร่วมชุมชน โดยไม่ต้องเดินทางไปทำงานที่อื่น และนี้ก็สิ่งที่ วช. พยายามที่จะผลักดันให้ประชาชนในพื้นที่ สร้างผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาในท้องถิ่น วช. จึงเดินหน้าสร้างโครงการที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ และทำให้เกิดความภาคภูมิใจ
นอกจากนี้ วช.ยังมีการสร้างความเข้มแข็ง โดยการใช้กลไกมหาวิทยาลัยในพื้นที่มาช่วยส่งเสริมในด้านมาตรฐานของผลิตภัณฑ์ให้กับชุมชน ซึ่ง วช. ได้มีกลยุทธการทำงานต่อเนื่องมาหลายปี โดยเฉพาะจังหวัดรอง วช. ได้ดึงสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย(วว. ) เข้ามามีส่วนร่วมในการสนับสนุนและสร้างมาตรฐานผลิตภัณฑ์ให้กับชุมชน และในปี 2565 วช. จะเดินหน้าต่อ ซึ่งจะมีผลิตภัณฑ์ที่เข้าสู่การรับรองเชิงมาตรฐานหลักร้อย จนถึงหลักพันครอบคลุมในหลาย 10 จังหวัด
5) ยุทธศาสตร์การเพิ่ม ขีดความสามารถการแข่งขันลดการนำเข้า และขับเคลื่อนประเด็นเร่งด่วนของประเทศ วช. มีนโยบายที่จะนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมพัฒนาต่อยอดและใช้ประโยชน์เพื่อบรรเทาปัญหาเร่งด่วนของประเทศ โดยนำองค์ความรู้และงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ อาทิ ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปัญหาฝุ่นละออง และหมอกควัน เป็นต้น
ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวทิ้งท้ายว่า วช. จะช่วยผลักดันและสนับสนุนผลงานวิจัยและนวัตกรรมของประเทศไทยให้ก้าวไกล มีศักยภาพ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในหลากหลายมิติลดปัญหาต่าง ๆ ของประเทศ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนต่อไป