หน่วยงาน-องค์กรธุรกิจคับคั่ง เข้าร่วม “โครงการพัฒนาสุขสภาพองค์กรสู่องค์กรสร้างชาติ” โดย สถาบันสร้างชาติ ผลักดันไทยเป็นเมืองหลวง Wellness โลก
หน่วยงานและองค์กรธุรกิจคับคั่ง เข้าร่วม “โครงการพัฒนาสุขสภาพองค์กรสู่องค์กรสร้างชาติ” โดย สถาบันสร้างชาติ ผลักดันไทยเป็นเมืองหลวง Wellness โลก
สถาบันสร้างชาติ และคณะนัก ศึกษาหลักสูตรผู้นำการประกอบการ Wellness เพื่อการสร้างชาติ รุ่นที่ 1 จัดงาน ปฐมนิเทศ “โครงการพัฒนาสุขสภาพองค์กรสู่องค์กรสร้างชาติ (Wellness Corporate Nation-Building หรือ Wellness CNB)” ทั้งนี้นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นเกียรติมอบหมายให้ นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธานเปิดงานฯ ในฐานะเจ้าภาพร่วมในการจัดงาน
ผลตอบรับดีเกินขาดสำหรับการเปิดรับสมัครหน่วยงานและองค์กรธุรกิจต่างร่วมสมัครเข้า “โครงการพัฒนาสุขสภาพองค์กรสู่องค์กรสร้างชาติ” (Wellness Corporate Nation-Building หรือ Wellness CNB) หลังจากเปิดรับลงทะเบียนไปไม่นาน ทั้งนี้ทางสถาบันสร้างชาติพร้อมต้อนรับทุกหน่วยงานธุรกิจด้วยงานปฐมนิเทศอย่างเป็นทางการ
ด้วยแนวคิดที่ว่าหากบุคลากรในหน่วยงานมีสุขสภาพ (wellness) ที่ดี ทั้งด้านกาย ใจ จิต อารมณ์ สังคม จะส่งผลให้ลดการเจ็บป่วย และบุคลากร เจ้าหน้าที่ พนักงาน จะมีทัศนคติที่ดีต่องานและองค์กร สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพนักงาน ตลอดจนเพิ่มความผูกพันรักองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ส่งผลต่อการดูแลลูกค้าผู้รับบริการอย่างดี ช่วยเพิ่มผลผลิตและรายได้ให้กับองค์กร การสร้างสุขสภาพที่ดีให้กับพนักงานจึงไม่เพียงช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับองค์กร ยังช่วยส่งผลดีการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยเหตุนี้คณะนักศึกษาหลักสูตรผู้นำการประกอบการ Wellness (วปษ.) เพื่อการสร้างชาติรุ่นที่ 1 ร่วมกับ สถาบันการสร้างชาติ จึงได้ริเริ่ม โครงการพัฒนาสุขสภาพองค์กรสู่องค์กรสร้างชาติ (Wellness Corporate Nation-Building หรือ Wellness CNB) เป็นโครงการแรกของประเทศไทยที่มุ่งสนับสนุนและพัฒนา
สุขสภาพของพนักงานและการบริหารจัดการภายในองค์กรให้เกิดสุขสภาพ (Wellness) อย่างเป็นองค์รวม โดยบูรณาการทั้งปัจจัยภายในบุคคลและปัจจัยภายนอก เพื่อให้เกิดมุมมองในการดูแลพนักงานอย่างครบมิติ
นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าวว่า “โครงการ Wellness CNB ได้ร่วมกับกระทรวงแรงงานในการจัดปฐมนิเทศน์และฝึกอบรมนักศึกษาในการนำเรื่องของ Wellness มาใช้ในการปฏิบัติงาน ซึ่งคิดว่า ในส่วนของพาณิชย์นั้นจะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรขององค์กร เพราะการที่บุคลากรมีสุขภาวะที่ดี จะทำให้มีสติปัญญา มีกำลังกาย กำลังใจที่จะทุ่มเททำงานให้กับองค์กรได้มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้กระทรวงแรงงาน ตั้งเป้าฟื้นฟู พลิกโฉมตลาดแรงงานไทย หลังจากที่ต้องเผชิญวิกฤติจากการแพร่ระบาดของโควิด – 19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้กำหนดนโยบายเร่งด่วนไว้ 5 ด้าน และนโยบายสำคัญ 7 ด้าน ซึ่งนโยบายสำคัญ คือการพัฒนา ปรับปรุง และส่งเสริมการคุ้มครองแรงงานระบบสวัสดิการ และหลักประกันทางสังคม ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาชีวอนามัยในการทำงานให้สอดคล้องกับสภาวะสังคม เศรษฐกิจ และรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ นโยบายสำคัญอีกประการหนึ่งของการคุ้มครองแรงงาน คือ การพัฒนาทักษะแรงงานเป็นแรงงานคุณภาพ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศ และรองรับเศรษฐกิจใหม่ โดยกระทรวงแรงงานวางแผนที่จะยกระดับการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน และสร้างแรงงานที่มีสมรรถนะสูง ผ่านโครงการต่างๆ จัดทำโดยการบูรณาการความร่วมมือระหว่างรัฐ และเอกชนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
“กระทรวงแรงงานขอขอบคุณสถาบันการสร้างชาติและคณะนักศึกษา หลักสูตรผู้นำการประกอบการ Wellness เพื่อการสร้างชาติที่ริเริ่มโครงการที่ดีมีประโยชน์ และมีส่วนในการดูแลสุขสภาพของพี่น้องแรงงาน ให้สุขสภาพดีทั้งกายและใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบหลักของกระทรวงแรงงาน ที่สอดคล้องแผนงานและนโยบายของกระทรวงแรงงานที่ได้กำหนดเอาไว้แล้ว ซึ่งโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมการดำเนินนโยบายสำคัญของกระทรวงแรงงานได้เป็นอย่างดี” นายบุญชอบ กล่าวในท้ายสุด
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานบริหารหลักสูตร นสช. Wellness (WCNB) และประธานสถาบันการสร้างชาติ นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กล่าวว่า “โครงการ Wellness CNB นี้มุ่งหวังว่า เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นเมืองหลวง Wellness โลก โดยใน 224 ประเทศและเขตดินแดน ไทยจะเป็นเบอร์หนึ่งด้าน Wellness เป็นสุดยอดด้านWELLNESS ในทุกตัวชี้วัดและทุกมิติ ซึ่งได้แก่ WELLNESS ทางกาย ใจและจิต การยึดมั่นในคุณงามความดีและนำไปปฏิบัติได้ สำหรับการคัดเลือกองค์กรที่เข้าร่วมจะใชรูปแบบมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่คัดเลือกจากการแนะนำของคนที่รู้จักและนักศึกษาเพื่อให้เชื่อมั่นว่า มีความมุ่งมั่นตั้งใจจริงเพื่อพัฒนาองค์กร โครงการมีระยะเวลา 1 ปีและไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากเกิดจากความร่วมมือขององค์กรและบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญสละเวลาและความสามารถมาช่วยกัน”
ทั้งนี้ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ กล่าวว่า ตั้งเป้าให้เกิดองค์กรต้นแบบในภาคีเริ่มแรก 120 องค์กรในโครงการที่ 1 เพื่อเป็นแบบอย่างให้องค์กรอื่นไปดูงานได้และค่อย ๆ ขยายผลไปทั่วประเทศไทย โดยมีนเครื่องมือหลายอย่าง พร้อมหลักสูตรเพื่อช่วยให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีวิทยากรฝึกอบรม มีพี่เลี้ยงเป็นผู้เชี่ยวชาญ มีตัวชี้วัดความก้าวหน้าในการพัฒนาขององค์กรสู่ WELLNESS สร้างชาติ
ด้านผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ ประธานอำนวยการหลักสูตร นสช.Wellness (WCNB) กล่าวว่า “อยากจะฝากถึงผู้นำองค์กรหรือผู้บริหารองค์กรที่มีความตั้งใจทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้า อย่างรุ่งเรืองและมั่นคง สิ่งสำคัญที่สุดคือ Wellness ถ้าท่านสามารถทำให้องค์กร มีทุกคนมีความสุขในการทำงาน สุขทั้งกาย ใจและสุขทั้งสังคมร่วมกัน ผลการทำงานย่อมมีประสิทธิผลดีมากกว่าคนในองค์กรที่ไม่รักกันและสุขภาพที่ไม่ดี
“สถาบันการสร้างชาติเป็นสถาบันซึ่งเป็นมูลนิธิเพื่อสร้างคนเก่ง คนดี มีคุณธรรมและมีความกล้า ตั้งขึ้นมามีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่เพื่อเป็นทายาท โดยหลักสูตรหลักของสถาบันฯ เราสร้างสิ่งที่เรียกว่า เยาวชนสร้างชาติ เราไปตามโรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายเยาวชน แล้วสอนให้มีคุณธรรม มีความกตัญญู มีความรู้ และเริ่มต้นให้เป็นคนดี มีความกล้า
ขณะเดียวกันสถาบันฯมีแนวคิดว่า ประเทศที่เจริญทั้งหลาย มีการเตรียมสร้างคนรุ่นต่อไปขึ้นมา ไม่ใช่ปล่อย คณาจารย์ทั้งหลายจึงมารวมตัวกันเพื่อสร้างหลักสูตรขึ้นมา ระดมคนมาเรียน เพราะอยากเห็นชาติไทยในอนาคตมีความเจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาประเทศและยั่งยืน จึงมีวิสัยทัศน์เลือกทำเรื่องที่ไทยมีชื่อเสียง คือ เรื่อง “การแพทย์ การรักษาโรค การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ จึงทำเรื่อง “Wellness” ที่โลกต้องการ ซึ่งไทยมีคณาจารย์ด้านสุขภาพการแพทย์ การแพทย์ด้านชะลอวัยอยู่แล้ว จึงมุ่งสอนให้เป็นผู้นำและเป็นผู้ประกอบการทุกธุรกิจเป็นองค์กรWellness มีคุณธรรมและมีความยั่งยืน โดยมีหลักการว่า ถ้าทำให้องค์กรไม่แข่งขัน สามัคคีช่วยเหลือกัน มีจิตใจเสียสละเพื่อประเทศชาติ จะนำพาชาติเจริญรุ่งเรืองได้ และองค์กรที่มี Wellness มีคนทำงานมีความสุข มีสุขภาพที่ดี โอบอ้อมอารี เข้าใจซึ่งกันและกันจะทำให้เกิด Wellness ของคนในองค์กร” ผศ.นพ.พันธ์ศักดิ์ กล่าว
คุณจิรัญญา ประชาเสรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคณะทำงาน Wellness CNB รุ่นที่ 1 กล่าวถึงการเข้าร่วมโครงการฯว่า “ ดิฉันมีความยินดีและภูมิใจอย่างยิ่งที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯที่สำคัญครั้งนี้เพราะจากนี้ไปโครงการจะสามารถสร้างประโยชน์ต่อองค์กรและบุคลากร ซึ่งองค์ร่วมทั้งหมดจะก้าวไปสู่การสร้างชาติด้วย การพัฒนาสุขสภาพองค์กรที่ดี สุขสภาพ (Wellness) เป็นศาสตร์ที่ดิฉันคลุกคลีอยู่ในทุกวัน เนื่องด้วยบทบาทหลักคือการบริหารงานที่ บริษัท ไครโอวิวา (ประเทศไทย) จำกัด เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับในเรื่องการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีระดับโลก ดิฉันจึงเชื่อมั่นและมั่นใจว่าหากคนเราให้ความสำคัญและเริ่มลงมือปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ให้เกิดการพัฒนา Wellness จะสร้างคุณภาพชีวิตให้ตัวบุคคลทุกคนให้มีความสุขกายสบายใจได้
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ศ.ดร.เกรียงศักดิ์และทางสถาบันฯพยายามที่จะผลักดันโครงการนี้ กระจายไปให้ทั่วประเทศและทำอย่างต่อเนื่อง เป็นวิธีการดำเนินธุรกิจ โดยมองเห็นความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการทำงาน”
ผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯจะได้รับโอกาสพิเศษมากมาย อาทิ ได้รับการประเมินศักยภาพองค์กรด้านการสร้างสุขสภาพให้ แก่บุคลากรได้รับการอบรมแนวทางการเสริมสร้างและพัฒนาสุขสภาพของพนักงานอย่างถูกวิธีให้ได้รับคำปรึกษาในการพัฒนาต่อยอดสู่องค์กรต้นแบบที่มีสุขสภาพที่ดี จากนักวิเคราะห์ และที่ปรึกษาอาสาผู้ซึ่งมีความรู้ความสามารถเฉพาะทางในด้านต่างๆโดยวางแผนการทำงานโครงการฯอย่างเช่น “ลงพื้นที่ตามหน่วยงานและองค์กรธุรกิจจริง”
ติดตามผลและอัพเดท เพื่อหาแนวหาในการปรับปรุงพัฒนา อย่างน้อยเดือนละ1ครั้ง” ตลอดระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งตลอด1ปีหน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการถือเป็นหนึ่งในภาคีเครือข่ายกับหน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาสุขสภาพที่ดี และที่สำคัญคือโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัลทรงเกียรติองค์กรต้นแบบประจำปี 2566 พร้อมประกาศนียบัตรรับรองการเข้าร่วมโครงการและได้รับตราสัญลักษณ์การเป็นองค์กร “Wellness CNB” ด้วย