มาแล้วSamsung Gear S2
ดีไซน์โฉมใหม่หน้าปัดกลม

“ซัมซุง” ปล่อยสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ให้ได้ยลโฉมกันอีกแล้วในงาน Internationale Funkausstellung Berlin 2015 (IFA 2015) งานแสดงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับผู้บริโภคยิ่งใหญ่สุดของยุโรปที่กรุงเบอร์ลิน ของเยอรมัน ซึ่ง“Samsung Samsung Gear S2″ มีดีไซน์เปลี่ยนไปเป็นหน้าปัดกลมสวยงาม พร้อมตัวเรือนบางเฉียบ แบตอึดใช้งานได้นานถึง 2 วัน มีกำหนดเข้าตลาดในเดือนตุลาคม
เดิม “Samsung Samsung Gear S” ได้รับการออกแบบให้มาพร้อมกับจอแสดงผลโค้งรูปสี่เหลี่ยมขนาด 2 นิ้ว เป็นหน้าจอแบบ Super AMOLED เพื่อให้สวมสบายโค้งไปตามรูปทรงของข้อมือ อีกทั้งมีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อผ่าน 3G, Wi-Fi และ Bluetooth ทำให้ผู้เป็นเจ้าของสามารถใช้ Samsung Gear S เพื่อโทรออก/รับสาย และส่งข้อความได้อย่างอิสระแม้ไม่มีโทรศัพท์มือถือติดตัว
นอกจากนี้ยังสามารถพิมพ์ข้อความได้ทันทีผ่าน onscreen keyboard ที่รองรับมากถึง 69 ภาษารวมถึงภาษาไทย จากเหตุดังกล่าวกระแสตอบรับจึงออกมาดี มียอดขายในวันแรกที่เกาหลีใต้ทำยอดได้นับหมื่นเรือน ด้วยราคาขายที่ 297,000 วอนหรือราว 8,900 บาท
จึงไม่น่าแปลกใจที่รุ่น 2 จะถูกปล่อยตามหลังออกมาในเวลาไม่นานนัก
“Samsung Samsung Gear S2″ ออกแบบโดย Alessandro Mendini นักออกแบบและสถาปนิกชาวอิตาลี ใช้ระบบปฏิบัติการ Tizen ของซัมซุงเอง สามารถใช้กับสมาร์ทโฟนของค่ายอื่นๆ ได้ ไม่จำกัดว่าต้องใช้กับสมาร์ทโฟนของซัมซุงเพียงอย่างเดียว โดยมีให้เลือก 3 แบบ คือ Gear S2 แบบมาตรฐาน Gear S2 Classic เน้นความเรียบหรู มีสเปคภายในคล้ายกัน รองรับเฉพาะwifi และ รุ่นGear S2 3G ที่มีช่องใส่ซิมเพื่อเชื่อมต่อ 3G ได้
สเปคของ
“Samsung Samsung Gear S2″ มีดังนี้
-หน้าจอกลมขนาด 1.2 นิ้วที่ความละเอียด 360×360 พิกเซล Super AMOLED ซึ่งให้สีสันสดใส มีความคมชัด ตอบสนองรวดเร็ว และประหยัดพลังงาน
-ตัวเรือนบางเพียง 11.4 มิลลิเมตร น้ำหนักเบา กะทัดรัด โดย Gear S2 หนัก 47 กรัม, Gear S2 Classic หนัก 42 กรัม และรุ่น Gear S2 3G หนัก 51 กรัม
-หน่วยประมวลผลกลางแบบ 2 แกน ประมวลผลที่ความถี่ 1.0 GHz
-ระบบปฏิบัติการใช้ฐานจาก Tizen
-พื้นที่เก็บข้อมูล 4 GB, แรม 512 MB
-กันน้ำ กันฝุ่นได้ตามมาตรฐาน IP 68
-Wi-Fi (802.11 b/g/n), Bluetooth 4.1 และเทคโนโลยี NFC ที่รองรับการชำระเงินได้ทันที รวมทั้งการพัฒนาให้ใช้งานเป็นกุญแจรถ กุญแจที่พักอาศัย หรือรีโมทคอนโทรลสำหรับซัมซุง สมาร์ท โฮมได้ด้วย
-แบตเตอรี่ 250 mAh สำหรับรุ่นปกติ และ 300 mAh สำหรับรุ่น 3G ใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 2 วัน นอกจากนี้ยังสามารถชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สายด้วยชุดอุปกรณ์ที่มากับเครื่องอีกด้วย
-มีเซ็นเซอร์หลายตัว เช่น Accelerometer, Gyroscope, วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, Ambient Light, ตัววัดความดันอากาศ พร้อมระบบการบันทึกกิจกรรมของผู้ใช้งานแบบ 24 ชั่วโมง
คาดว่าจะมาไทยในเวลาใกล้เคียงกัน หลังจากเข้าตลาดในเดือนตุลาคม 2558 นี้ ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.samsungmobilepress.com