กสิกรไทยผนึก 8 พันธมิตร
จัดPay PLUSจ่ายผ่านมือถือ
กสิกรไทยตอกย้ำความเป็นผู้นำอันดับ 1 ทางด้านดิจทัล แบงกิ้ง ควง 8 พันธมิตรธุรกิจร่วมเปิดนวัตกรรมใหม่ของ Mobile Payment ได้แก่ “Pay PLUS” ที่กสิกรไทยนำมาใช้ธนาคารแรก ใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น K-Mobile Banking PLUS ช่วยให้ซื้อสินค้าและบริการสะดวก จ่ายได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงกรอกเบอร์มือถือ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ ตั้งเป้าธุรกรรมดิจิตอล แบงกิ้งที่ 3.5 ล้านล้านบาทสิ้นปี 58หรือโตขึ้น 18%
นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทยเปิดเผยว่า จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการดิจิตอล แบงกิ้ง 19 ล้านคน เติบโตจากปี 2557 ประมาณ 37% มีปริมาณธุรกรรมสูงถึง 10.7 ล้านล้านบาท ซึ่งธุรกรรมผ่านโมบาย แบงกิ้ง มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือในอัตรา 19 : 100 คน สอดคล้องกับการเติบโตของสมาร์ทโฟนในตลาด
ในส่วนของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านดิจิทัล แบงกิ้ง มีผู้ใช้งานมากสุดมากกว่า 7 ล้านคน มีส่วนแบ่งทางการตลาด 38% และยังคงให้ความสำคัญในการพัฒนาบริการใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในยุคดิจิทัล ที่ต้องการบริการทางการเงินที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็วและปลอดภัย
“การทำธุรกรรมของธนาคารฯ เป็นโมบาย แบงกิ้งประมาณ 50% และทำธุรกรรมผ่านสาขาประมาณ 20% ปี 2558 นี้ตั้งเป้าลูกค้าทำธุรกรรมออนไลน์เติบโต 4 ล้านรายหรือโต 50%จากปีที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้มีลูกค้าราว 10 ล้านรายเมื่อสิ้นปี 2558
จากเหตุดังกล่าวจึงเป็นที่มาของ “Pay PLUS” ระบบชำระเงินผ่านดิจิทัล แบงกิ้ง โดยร่วมมือกับพันธมิตร 8 รายที่เป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรมได้แก่ เอไอเอส, เซ็นทรัล ออนไลน์ ,เอสเอฟ ซีเนม่า, ไทยทิคเก็ตเมเจอร์, นครชัยแอร์ , นกแอร์,ทรู ดิจิตอล พลัสและเมืองไทยประกันชีวิต
Pay PLUS ทำงานบนมือถือโดยชำระเงินค่าสินค้าผ่านบัญชีลูกค้าที่เชื่อมโยงกับแอพฯ K-Mobile Banking PLUS โดยเมื่อทำรายการบนเวบไซต์หรือแอพฯของร้านค้า ระบบจะให้กรอกเพียงหมายเลขโทรศัพท์ลงไปและแจ้งไปยัง K-Mobile Banking PLUS อัตโนมัติและลูกค้าสามารถยืนยันรายการชำระเงินผ่านแอพฯPay PLUS ได้ทันทีในเวลาที่กำหนด ไม่ต้องกรอกเลขบัตรบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่มีตัวเลขหลายตัว อีกทั้งยังสะดวกต่อผู้ใช้ที่ไม่มีบัตรเครดิตอีกด้วย
นอกจากนี้ระบบยังมีความปลอดภัยสูง มีการป้องกันถึง 3 ชั้น ที่ก้าวหน้าสุดคือ มีระบบจดจำเบอร์โทรศัพท์ จดจำตัวเครื่องโทรศัพท์มือถือและยังมีรหัสผ่านอีก 6 หลัก หากกดผิด 3 ครั้ง ระบบจะล็อคอัตโนมัติทันที ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมใหม่ของ Mobile Payment ที่กสิกรไทยนำมาใช้เป็นธนาคารแรก
ทั้งนี้ลูกค้าที่ชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน “Pay PLUS” มีสิทธิพิเศษจะได้รับเงินคืน 5% สูงสุดไม่เกิน 100 บาท ตั้งแต่วันนี้- 31 ธันวาคม 2558 นอกจากนี้ยังสามารถรับสิทธิประโยชน์อีกมากมายจากแคมเปญ Reward PLUS เมื่อลูกค้าชำระค่าบริการหรือทำธุรกรรมใด ๆ ครบ 3 ครั้งต่อเนื่อง ผ่าน K-Mobile Banking PLUS หรือ K-Cyber Banking
นายปกรณ์กล่าวต่อว่า ในปี 2558 นี้ ธนาคารกสิกรไทยตัั้งเป้าว่าจะมีการทำธุรกรรมผ่านดิจิตอล แบงกิ้งสูงถึง 3.5 ล้านล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 18% โดยเฉพาะธุรกรรมผ่านมือถือ ที่เฉพาะในครึ่งแรกของปีหรือ 6 เดือนแรกของปีมีมีการทำธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินสูงถึง 32 ล้านรายการ คิดเป็นสัดส่วน 44% ของธุรกรรมการโอนเงินและการชำระเงินรวมของธนาคารฯ อนาคตตั้งเป้าขยายพันธมิตรบริการ Pay PLUS ให้ครอบคลุมทั้งร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์
ในโอกาสเดียวกันนายปกรณ์ได้เปิดเผยมุมมองด้านเศรษฐกิจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ประเมินเศรษฐกิจปี 2558 จะเติบโตที่ระดับต่ำเพียง 2.8% เนื่องจากยังมีปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือน ตลาดโลกกำลังซื้อต่ำทำให้ส่งออกชะลอตัว ดังนั้นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ภาคการท่องเที่ยวและการลงทุนจากภาครัฐ สำหรับภาคเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งคาดว่าจะดีขึ้น
“ต้องคอยติดตามว่า เม็ดเงินจะออกมาเร็วแค่ไหน ก็จะนำไปสู่เป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้”
สำหรับรายได้จากค่าธรรมเนียมของธนาคารฯในช่วง 6 เดือนแรกเป็นไปตามเป้า โดยมาจากแบงก์แอสชัวรันส์และการทำธุรกรรมของธนาคาร ที่ยังโตได้ดี นอกจากนี้ยังมาจากบัตรเครดิตร้านค้า ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจากรายย่อยโตประมาณ 20-23% จากปี 2557 โต 24%
สินเชื่อที่เติบโตดีที่สุดได้แก่ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ตั้งเป้าเติบโต 4-6% ปี 2558 และยังถือว่ามี ยอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่ำสุด โดยทรงตัวไม่เกิน 2% สาเหตุเพราะมุ่งปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการรายใหญ่เป็นสำคัญ