จากตำนานสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ DiaStar Original

จากตำนานสู่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ DiaStar Original
“ถ้าเราจินตนาการถึงสิ่งใดได้ แปลว่าเราสามารถทำมันได้ และถ้าเราทำได้ เราจะลงมือทำ” จากวิสัยทัศน์นี้ของ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ ทำให้ Rado ไม่เคยหยุดยั้งการพัฒนานาฬิกาเลยสักครั้งนับตั้งแต่สร้างบริษัทขึ้นเมื่อปีค.ศ.1971 ไม่ว่าต้องใช้พละกำลังทางกายทางใจ หรือต้องใช้เวลาไปมากมายแค่ไหน แต่ Rado ก็พร้อมทุ่มเทและลงมือสร้างสรรค์นาฬิกาในฝันให้เป็นจริงเสมอ ซึ่งตัวอย่างที่สะท้อนภาพความมุ่งมั่นนี้ได้ชัดเจนที่สุดก็หนีไม่พ้นนาฬิกาในตำนานอย่าง DiaStar

ย้อนกลับไปเมื่อปีค.ศ.1959 ช่างฝีมือ วิศวกร และดีไซเนอร์ของ Rado เริ่มต้นวิจัยและพัฒนานาฬิการุ่นใหม่จากความคิดง่ายๆ ที่ว่า อยากทำนาฬิกาที่เที่ยงตรงและคงความงามที่เป็นอมตะให้โลกใบนี้ ทีมงานทุกคนใช้เวลาค้นคว้าทดลองถึง 3 ปีเต็ม จนกระทั่งเดือนเมษายน ค.ศ.1962 Rado จึงได้เปิดตัว DiaStar “นาฬิกาเรือนแรกของโลกที่ป้องกันรอยขีดข่วน” ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อย่างแท้จริง
ในยุค 60 นาฬิกาส่วนใหญ่มักทำจากทองหรือทองเหลืองชุบ กระจกหน้าปัดทำจากแร่หรือโพลิเมอร์ซึ่งมีความเปราะบาง แต่ DiaStar คือนาฬิกาเรือนแรกที่นำโลหะแข็ง (โลหะผสม) มาผลิตตัวเรือน รวมถึงการใช้คริสตัลแซฟไฟร์ที่มีความทนทานใกล้เคียงกับเพชร และ Rado ก็สร้างความมั่นใจให้ผู้สวมใส่ด้วยการรับประกันความเสียหายอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ นานถึง 3 ปี ซึ่งถือเป็นความกล้าหาญแห่งยุค 60 เลยก็ว่าได้ ความโดดเด่นทั้งหมดนี้ ส่งผลให้ Rado DiaStar ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ทำยอดขายทั่วโลกไปได้ถึงเกือบ 5 ล้านเรือน
ในโอกาสครบรอบ 60 ปีของ DiaStar แบรนด์ Rado จึงนำนาฬิการะดับตำนานเรือนนี้มาพัฒนาต่อยอดอีกครั้ง โดยร่วมมือกับนักออกแบบชื่อดังชาวสวิส “Alfredo Haberli” ผู้ขึ้นชื่อเรื่องงานดีไซน์สไตล์น้อยแต่มาก เนรมิตงานออกมาเป็น “DiaStar Original 60 – Year Anniversary” ที่ยังคงจุดเด่นเรื่องความแข็งแกร่งไว้ แต่เพิ่มเติมนวัตกรรมที่ดีที่สุดของยุคนี้เข้าไปเพื่อสร้างนาฬิกาเรือนใหม่ที่งดงามและจะอยู่กับผู้สวมใส่ไปชั่วนิรันดร์

ตัวเรือน DiaStar Original 60 – Year Anniversary ทำจาก CeramosTM ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันรอยขีดข่วนเหมือนรุ่นบุกเบิก แต่น้ำหนักเบากว่า และมีความมันวาวเป็นพิเศษ ส่วนคริสตัลแซฟไฟร์บนหน้าปัดดีไซน์ออกมาเป็นรูปหกเหลี่ยม สัญลักษณ์แทนช่วงเวลา 6 ทศวรรษที่ผ่านมาอย่างสวยงามของ DiaStar นอกจากนี้ยังคงคุณภาพการทำงานโดยใช้กลไกการเดินแบบออโตเมติก R764 สำรองพลังงานได้ยาวนานมากถึง 80 ชั่วโมง ที่ขาดไม่ได้คือแฮร์สปริง NivachronTM ช่วยป้องกันสนามแม่เหล็ก เป็นตัวรับประกันว่า DiaStar รุ่นใหม่นี้บอกเวลาได้อย่างแม่นยำและเชื่อถือได้



DiaStar Original 60 – Year Anniversary มีทั้งหมด 4 โมเดล แบ่งเป็น Anniversary Edition 1 รุ่นที่ใส่มาในกระเป๋าพกพาสีเทา สายนาฬิกาเป็นสแตนเลสถัก และสายผ้าอีกหนึ่งเส้นไว้เปลี่ยนเมื่อต้องการปรับลุค เปิดตัวพร้อมกับ DiaStar Original อีก 3 โมเดล ซึ่งมีหน้าปัดให้เลือกถึง 3 เฉดสี ได้แก่ สีน้ำเงิน สีเทาเข้ม และสีเขียว



60 ปีผ่านไป นาฬิกาในฝันระดับตำนานของทุกคน พร้อมกลับมาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่อีกครั้งแล้ว ด้วยการเป็นเรือนเวลาที่เที่ยงตรง งดงามอย่างยั่งยืน และจะคงทนยาวนานเพื่อมอบความสุขให้แก่ผู้สวมใส่ตลอดไป
