“สมคิด” หนุนก.วิทย์แกนนำ
พัฒนาศึกษา-เชื่อมม.-เอกชน
รองนายกรัฐมนตรีและคณะเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชื่นชมการทำงานและผลงาน เสมือนมีคลังงานวิจัย ซึ่งจะมีประโยชน์มหาศาลหากสามารถเชื่อมโยงสู่มหาวิทยาลัยและภาคเอกชนได้ อีกทั้งเป็นแกนนำเรื่องพัฒนาการศึกษา นำเทคโนโลยีช่วยภาคเกษตร เชื่อมั่นส่งออกไทยตกไม่เลวร้าย หนุนใช้ท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ อุตฯอื่นเป็นรอง สร้างรายได้กระจายสู่ภาคส่วนอื่น ๆ โตจากภายใน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสเดินทางตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชื่นชมการทำงานและผลงานของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก เปรียบเสมือนมีคลังวิจัย แต่ฝากว่า หัวใจสำคัญคือ การสามารถนำไปเชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนได้ โดยมีกระทรวงวิทย์ฯเป็นศูนย์กลาง จะเป็นประโยชน์มหาศาลและช่วยเศรษฐกิจของประเทศได้มากในอนาคต เนื่องจากภาคเอกชนต้องการงานวิจัยแต่ไม่ค่อยมี
ขณะเดียวกันยังสนับสนุนให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯเป็นแกนนำเรื่องการพัฒนาการศึกษาและช่วยสร้างความตื่นตัวด้านการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ซึ่งต้องมีการปลูกฝังตั้งแต่วัยเด็ก โดยเชื่อมโยงกับกระทรวงศึกษาธิการ โดยนำวิทยาศาสตร์ไปใส่ในการศึกษา เพื่อทำให้ประเทศมีนักวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เรียนวิทยาศาสตร์เพื่อไปสอบแพทย์หรือวิศวกรรมศาสตร์เท่านั้น ซึ่งหากมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนน้อย จะทำให้มีนักนวัตกรรมน้อยทำให้ประเทศแข่งขันไม่ได้ในเชิงนวัตกรรม
นอกจากนี้ยังเสนอแนะให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ร่วมมือกับภาคเอกชนที่เป็นห้างสรรพสินค้านำวิทยาศาสตร์เข้าถึงเด็กๆ โดยจัดพื้นที่สำหรับเด็กได้สนุกและเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์เพื่อช่วยปลูกฝังให้เด็ก ๆสนใจด้านวิทยาศาสตร์อีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรียอมรับว่า การปลูกฝัง สร้างการตื่นตัวด้านวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลา แต่มีความสำคัญ โดยยกตัวอย่างเกาหลีใต้ที่ใช้เวลาสร้างด้านนี้นานถึง 30 ปี โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนงบประมาณในโครงการที่ช่วยเพิ่มมูลค่าต่างๆเกี่ยวกับภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง นอกเหนือจากนี้รองนายกรัฐมนตรียังได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไปช่วยภาคเกษตรกรรม โดยการนำเทคโนโลยีสู่ชาวบ้าน
ในโอกาสเดียวกันรองนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันว่า สถานการณ์ส่งออกไทยไม่ได้อยู่ขั้นเลวร้าย โดยในปี 2558 ติดลบต่อเนื่องที่ 5% แต่ยังมีประเทศอื่นที่แย่กว่า ถ้าปีนี้ยังยืนอยู่ที่ ลบ 5% ได้ถือว่ายังเก่ง ซึ่งพื้นฐานด้านส่งออกของไทยยังถือว่า แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆทั่วโลก
อย่างไรก็ตามรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะพึ่งพาการส่งออกแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะแม้ภาคส่งออกของไทยอาจจะกลับมาดีขึ้นในปีหน้า จากปี 2558 ที่ติดลบ 5% ผลจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่กำลังจะดีขึ้น ทั้งในสหภาพยุโรป(EU) และสหรัฐฯ แต่มองว่า ภาคส่งออกของไทยจะไม่กลับมาเป็นบวกระดับ 15-20% ให้เห็นเหมือนในอดีตอีกแล้ว เนื่องจากแข่งขันไม่ได้
รองนายกรัฐมนตรีชี้ว่า ไทยจะต้องเติบโตจากภายใน เริ่มจากส่วนท้องถิ่น ชุมชน เพื่อออกสู่ภายนอกให้ได้โดยต้องการให้การท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมใหญ่นำอุตสาหกรรมด้านอื่นๆ ด้วยเชื่อมั่นว่า ถ้าทำให้การท่องเที่ยวมีคุณภาพ รายได้จากการท่องเที่ยวจะสามารถกระจายไปยังทุกภาคส่วนได้ ซึ่งได้หารือกับนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(ททท.)แล้วว่า ปีนี้ต้องปฏิรูปการท่องเที่ยว สร้างแหล่งท่องเที่ยวที่ดีๆเพิ่มและเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่
นายสมคิดกล่าวต่อว่า ในปี 2557 มีนักท่องเที่ยวมาไทยจำนวน 24.8 ล้านคนและเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 30 ล้านคน หรือโตขึ้น 20% ในปี 2558 ในอีก 3 ปีข้างหน้าคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 50 ล้านคน เมื่อเปรียบเทียบในแง่รายได้ไทยมีรายได้ทัดเทียมประเทศพัฒนาแล้วอย่างอังกฤษและฝรั่งเศสแม้มีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่า
โดยอังกฤษมีจำนวนนักท่องเที่ยวไป 35 ล้านคนต่อปี มีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท ฝรั่งเศสมีนักท่องเที่ยว 84 ล้านคนต่อปี มีรายได้ 1.5 ล้านล้านบาท ส่วนไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2557 มูลค่า 1.7 ล้านบาท ส่วนในปี 2558 คาดว่าจะมีรายได้ราว 2.2 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น 14-15% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ในขณะที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่า 5 ล้านคน ที่เป็นเช่นนั้นเพราะนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายมากเมื่อมาไทย ดังนั้นถ้ามีจำนวนนักท่องเที่ยวแตะ 50 ล้านคนดังคาดการณ์ใน 3 ปีข้างหน้าก็จะยิ่งสร้างรายได้ให้ประเทศมหาศาล
“ต้องสร้างแหล่งท่องเที่ยวดีๆเพิ่มขึ้น มีการบริการที่ดี รวมถึงส่งทูตพาณิชย์กระจายไปเจาะตลาดที่มีอำนาจซื้อสูงเพิ่มขึ้น เช่น ในตะวันออกกลาง อาเซียนและจีน ที่มีคนรุ่นใหม่(Gen Y)เป็นนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ จะช่วยเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวได้ ซึ่งททท.จะต้องสร้างแพคเกจเชื่อมโยงท่องเที่ยวกับแหล่งท่องเที่ยวภายใน ถ้าทำให้มีคุณภาพได้ จะทำให้ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ทั้งหมด เศรษฐกิจไทยก็จะดีขึ้นได้”