กรมการศาสนานำเยาวชนรุ่นใหม่สืบสานการสวดโอ้เอ้วิหารราย
กรมการศาสนานำเยาวชนรุ่นใหม่สืบสานการสวดโอ้เอ้วิหารราย วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในเทศกาลวันอาสาฬหบูชาและเทศกาลเข้าพรรษา
นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) เปิดเผยว่า กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้นำเยาวชนที่ชนะการประกวดสวดโอ้เอ้วิหารราย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ในระดับ ประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และอุดมศึกษา เข้ารับการอบรมเตรียมความพร้อมสวดโอ้เอ้วิหารราย ซึ่งเป็นบทสวดที่ปฏิบัติและสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงกรุงรัตนโกสินทร์ โดยเป็นการอ่านกาพย์พระไชยสุริยาที่นำมาจากหนังสือมูลบทบรรพกิจ ซึ่งเป็นตำราเรียนขั้นปฐมภูมิของเด็กสมัยโบราณ เพื่อช่วยในการอ่านออกเสียงและผันวรรณยุกต์ โดยบทสวดดังกล่าว ยังได้มีการสอดแทรกคติธรรมต่าง ๆ ที่สามารถใช้ในการดำรงชีวิตได้ กรมการศาสนา ได้จัดให้มีการสวดโอ้เอ้วิหารราย ในวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเทศกาลเข้าพรรษา ระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม – 2 สิงหาคม 2566 ณ ศาลาราย รอบพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งนักเรียนที่ชนะการประกวดในครั้งจะได้รับโล่รางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อว่า การสวดโอ้เอ้วิหารราย นับเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไทยที่สรรค์สร้างขึ้นตั้งแต่ในครั้งอดีต เป็นการสวดกาพย์ลํานําที่มีท่วงทํานองเนิบช้า และบทพรรณนายืดยาวในวิหารรายหรือศาลารายที่สร้างขึ้นเป็นหลังๆ เรียงกันรอบพระอุโบสถ ซึ่งเป็นการสวดฝึกซ้อมของนักเทศน์ในสมัยก่อน จากนั้นปรับเปลี่ยนมาเป็นการสวดที่มีท่วงทำนองไพเราะเพิ่มปรับความช้าเร็วตามกาลเวลา การสวดโอ้เอ้วิหารรายมี 3 ทำนอง คือ ทำนองกาพย์ยานี 11ทำนองกาพย์สุรางคนางค์ 28 และทำนองกาพย์ฉบัง 16 ในปัจจุบันยังคงมีการสวดอยู่ที่ศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามในระหว่างเข้าพรรษา กลางพรรษา และออกพรรษา ทั้งยังมีการจัดประกวดการสวดโอ้เอ้วิหารรายประจำทุกปีเพื่ออนุรักษ์และสืบสานไว้ให้คนรุ่นหลังต่อไป
ทั้งนี้ การสวดโอ้เอ้วิหารราย เป็นการส่งเสริมให้เยาวชนและประชาชน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสวดโอ้เอ้วิหารราย และได้มีส่วนร่วมของการสืบสานธรรมเนียมการสวดโอ้เอ้วิหารรายที่กำลังจะเลือนหายไปจากสังคมไทย ให้ดำรงคงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของความเป็นไทย ตลอดจนช่วยให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ และเกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ