กรมพัฒน์ฯลดเอกสารประกอบ
เอกชนยื่นเพิ่ม-ลดสาขาธุรกิจ
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เข้าใจภาคเอกชน ประกาศลดจำนวนเอกสารประกอบการยื่นขอจดทะเบียนเพิ่มและลดสาขาธุรกิจ เดิมต้องพิมพ์จำนวนสาขาที่มีทั้งหมด แต่ปัจจุบันให้แจ้งเฉพาะสาขาใหม่ หรือที่ต้องการแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิกเท่านั้น พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนบุคคลที่ผู้ขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัด สามารถลงลายมือชื่อ ต่อหน้าได้อีก 57,524 คน อำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ออกประกาศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ ดังนี้
1. หลักเกณฑ์และวิธีการจดทะเบียนแก้ไขเพิ่มเติมสำนักงานสาขาของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2558 โดยมีสาระสำคัญ คือ เดิมการจดทะเบียนเพิ่มเติม หรือลดสาขาของธุรกิจ จำเป็นต้องพิมพ์จำนวนสาขาทั้งหมดในแบบรายการจดทะเบียน ซึ่งภาคธุรกิจต้องกรอกเอกสารเป็นจำนวนมาก ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมากขึ้น กรมฯ จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์/วิธีปฏิบัติให้สอดคล้องกับยุคสมัย โดยให้นิติบุคคลที่ต้องการจดทะเบียนเพิ่มเติม หรือลดสาขาของธุรกิจ ให้แจ้งเฉพาะสาขาที่ประสงค์จะขอแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกเท่านั้น โดยไม่ต้องระบุสำนักงานสาขาเดิมทั้งหมด ซึ่งเป็นการลดภาระในการจัดทำเอกสารและเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจ
2. กำหนดบุคคลที่ผู้ขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดจะลงลายมือชื่อต่อหน้าได้พ.ศ.2558 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม 2558 โดยมีสาระสำคัญ คือ เพิ่มจำนวนบุคคลที่ผู้ขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วน และบริษัทจำกัด จะลงลายมือชื่อต่อหน้าได้อีก 57,524 คน ซึ่งเดิมมีอยู่ 139,399 คน ทำให้ขณะนี้มีบุคคลที่จะลงลายมือชื่อต่อหน้าได้จำนวนทั้งสิ้น 196,923 คน ครอบคลุมนิติบุคคลกว่า 620,000 รายทั่วประเทศ เฉลี่ยผู้รับรองลายมือชื่อ 1 คน ต่อนิติบุคคล 3 ราย โดยดึงหน่วยงานพันธมิตร ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาวิชาชีพบัญชี และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมอำนวยความสะดวกในครั้งนี้ ได้แก่ หอการค้าไทย หอการค้าจังหวัด หอการค้าต่างประเทศที่จดทะเบียนในไทย สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย และผู้ทำบัญชีที่เป็นสมาชิกสภาวิชาชีพบัญชีหรือขึ้นทะเบียนไว้กับสภาวิชาชีพบัญชี
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ทำการปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการจดทะเบียนธุรกิจเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การจองชื่อ และตรวจแบบคำขอผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การลดระยะเวลาการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจจาก 20 วัน เหลือเพียง 60 นาที ฯลฯ และในอนาคตอันใกล้นี้ จะนำระบบการจดทะเบียนทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในการจดทะเบียนธุรกิจ ซึ่งทั้งหมดมีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจให้ได้รับการบริการที่รวดเร็ว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย
และที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ต้องการให้ข้อมูลการจดทะเบียนมีความถูกต้อง น่าเชื่อถือ เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการและผู้เกี่ยวข้อง โดยสามารถนำข้อมูลการจดทะเบียนไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ