กรมอนามัย ยกระดับวัดส่งเสริมสุขภาพกว่า 19,000 แห่ง เป็น “อโรคยาสถาน”
กรมอนามัย ยกระดับวัดส่งเสริมสุขภาพกว่า 19,000 แห่ง เป็น “อโรคยาสถาน” Health Station at Temple เฉลิมพระเกียรติในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 สานพลังพระสงฆ์ – ผู้นำศาสนา เป็นผู้นำด้านสุขภาวะของชุมชนและสังคม
แพทย์หญิงอัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยถึงโครงการดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ สามเณร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ว่า พระสงฆ์เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่ต้องได้รับการดูแลเสริมสร้างทักษะ การดำรงชีวิตการเรียนรู้ และการพัฒนาตลอดช่วงชีวิต ในปี 2567ถือเป็นปีแห่งมหามงคลยิ่งของพสกนิกรชาวไทยทุกคนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงเจริญพระชนมพรรษา 72 พรรษา กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจึงได้จัดทำ โครงการดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ สามเณร เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
ประกอบด้วย 8 โครงการหลัก คือ 1) วัดส่งเสริมสุขภาพและพระนักเทศน์ 2) การตรวจสุขภาพและส่งเสริมการปรับพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ของพระภิกษุ 3) การอบรมพระคิลานุปัฏฐาก 4) การจัดระบบการรักษาพระภิกษุสงฆ์ที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยและช่องทางเฉพาะ 5) กุฏิชีวาภิบาล 6) การเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพพระสงฆ์ 7) การจัดทำฐานข้อมูลสุขภาพ 8) การดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ ณ ดินแดนพุทธภูมิ โดยคาดหวังว่าจะช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ให้มีคุณภาพ สอดคล้องตามหลักพระธรรมวินัยส่งเสริมให้พระสงฆ์สามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ
อธิบดีกรมอนามัย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรมอนามัยได้ขับเคลื่อนการดำเนินงานดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์แบบบูรณาการภายใต้กรอบแนวทางธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ ผ่านโครงการวัดส่งเสริมสุขภาพ และพระคิลานุปัฏฐาก มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 โดยมีวัดส่งเสริมสุขภาพมากกว่า 19,484 วัด และพระคิลานุปัฏฐาก มากกว่า 14,421 รูป
โดยในปี 2567 นี้ ได้จัดทำโครงการอโรคยาสถาน หรือ Health Station at Temple เพื่อเป็นการยกระดับวัดส่งเสริมสุขภาพให้มีสถานีสุขภาพสำหรับพระสงฆ์และคนในชุมชน และต่อยอดศักยภาพพระคิลานุปัฏฐากให้สามารถเป็นผู้คัดกรองแลให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ในวัดและชุมชนเพื่อให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่พึงประสงค์ด้วยหลักเวชศาสตร์วิถีชีวิต ขยายผลก่อเกิดเป็นผู้นำด้านสุขภาวะของชุมชนและสังคมต่อไป