ศิริราชชวนเที่ยวพร้อมได้บุญ
กาลาไนท์-บางกอกน้อยเฟสติวัล
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เชิญชวนประชาชนร่วมกิจกรรมท่องเที่ยว พร้อมสร้างบุญกุศลควบคู่กันในงานกาลาไนท์ที่จะระดมทุนสร้างอาคารนวมินทบพิตร ๘๔ พรรษา “Navamindrapobitr Charity Night : Bogies of Happiness” และงานบางกอกน้อยเฟสติวัลครั้งที่ 3 “โอ้โห…บางกอกน้อย” กาลาไนท์ จัด 18 ธ.ค.ณ บริเวณลานพลับพลาสยามินทราศิริราชานุสรณีย์
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดี กล่าวถึง ความเป็นมาของการจัดงานกาลาไนท์ฯ ว่า สืบเนื่องจากที่ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลได้ดำเนินการจัดสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานอำนวยการจัดหาทุน ซึ่งใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 5,000 ล้านบาท ได้รับเงินงบประมาณแผ่นดินส่วนหนึ่งประมาณ 2,909 ล้านบาท ยังขาดงบประมาณในการจัดหาครุภัณฑ์ประจำอาคาร โดยดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2558
ขณะนี้มีความคืบหน้าในการดำเนินการก่อสร้างไปแล้วร้อยละ 6.62 คือ ได้ดำเนินงานด้านตอกเข็มเจาะอาคาร งานเสาเข็มเจาะระบบป้องกันดินพังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างนี้ได้เริ่มดำเนินงานด้านค้ำยันกำแพงกันดินและงานขุดดินไปแล้วร้อยละ 4.59 ซึ่งการดำเนินงานก่อสร้างยังคงเป็นไปตามแผนที่กำหนด ที่จะแล้วเสร็จตามเป้าหมายในเดือนสิงหาคม 2561
อาคารนี้เป็นอาคารสูง 25 ชั้น พื้นที่อาคารรวมทั้งสิ้นประมาณ 70,000 ตารางเมตร มีชั้นดาดฟ้า และลานจอดเฮลิคอปเตอร์ สามารถรองรับการบริการรักษาผู้ป่วยนอกประมาณ 500,000 รายต่อปี มีจำนวนหอผู้ป่วยสามัญ 376 เตียง รองรับผู้ป่วยในประมาณ 20,000 รายต่อปี หอผู้ป่วยวิกฤต 62 ห้อง และหน่วยตรวจต่าง ๆ ได้แก่ ตรวจโรคทั่วไปและโรคเฉพาะทางด้านอายุรกรรม การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษต่าง ๆ อาทิ การตรวจระบบทางเดินอาหารและตับ ประสาทวิทยา โรคไต โรคด้านจิตเวช ด้านกระดูกและข้อ ด้านรังสีวินิจฉัยและรังสีรักษา เป็นต้น เมื่อแล้วเสร็จจะเป็นศูนย์กลางให้บริการทางการแพทย์เฉพาะทางที่ทันสมัยครบวงจร เป็นการเพิ่มคุณภาพการบริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้รับบริการทุกหมู่เหล่าอย่างเสมอภาคและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงมีความจำเป็นและเป็นที่น่ายินดีที่จะเชิญชวนให้ทุกท่านได้ร่วมกันช่วยเหลือแบ่งปันทุนทรัพย์คนละเล็กคนละน้อย เพื่อให้การดำเนินงานแล้วเสร็จตามเป้าหมาย อันจะส่งผลให้ผู้มารับบริการได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
สำหรับกิจกรรมภายในงาน รศ.นพ.นริศ กิจณรงค์ รองคณบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และกิจกรรมเพื่อสังคม กล่าวว่า งาน “Navamindrapobitr Charity Night: Bogies of Happiness” จัดขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม นี้ เวลา 18.00 น. ณ บริเวณลานพลับพลาสยามินทราศิริราชานุสรณีย์ ธีม “อาหารของพ่อ” เพื่อมอบความพิเศษสำหรับผู้ร่วมบริจาคสมทบกองทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา เป็นอาหารที่นำวัตถุดิบคุณภาพจากโครงการหลวง ทั้ง 4 ภาคมาปรุงเมนูสุดพิเศษ Western Food by The Chef นำศิลปะการตกแต่งภายในพิพิธภัณฑ์แบบ Colonial ในยุคร่วมสมัยของไทย มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบให้มีความหรูหรา คลาสสิกและสอดรับกัน เพื่อสร้างความหรูหราและดูเป็นวันพิเศษ
บรรยากาศภายในงาน เริ่มจากเมื่อเข้างาน จะได้พบกับการขับกล่อมด้วยบทเพลงสุดคลาสสิค ท่ามกลางบรรยากาศในสวนของวงดนตรีทหารเรือ และนำพาทุกท่านไปพบความสุขของแต่ละภาคของประเทศไทย ตามเมนูอาหารที่ปรุงจากโครงการหลวงในแต่ละภาค โดยเริ่มจากสถานีบางกอกน้อย ศาลาท่าน้ำศิริรราชและออกเดินทางไปภาคต่าง ๆ ยังจุดหมายปลายทางที่โครงการหลวงในภาคนั้น ๆ ที่จะนำวัตถุดิบสำคัญของเมนูปรุงมาเสิร์ฟเป็นอาหารสุดล้ำจากกองทัพเชฟจากโรงแรมชื่อดังในประเทศไทย ซึ่งเป็นไฮไลท์ของงานที่มาเป็นขบวน (bogie) ส่งมอบความสุข ที่มาจากการรวมพลังแห่งการให้ เริ่มจากโครงการหลวง จากพระราชดำริ สู่ดิน สู่น้ำสู่เกษตรกรส่งผลผลิต วัตถุดิบจากธรรมชาติที่นำมารังสรรค์เป็นเมนูอาหารส่งถึงท่านผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมงานนี้ ได้ลิ้มรสเมนูสุดพิเศษ ประกอบการแสดงจากศิลปินมากมายท่ามกลางบรรยากาศอันอบอวลชวนหลงใหลในยามค่ำคื่นริมโค้งน้ำเจ้าพระยาและดินแดนประวัติศาสตร์ที่สำคัญ อาทิ บทเพลงสุดพิเศษจากนักร้องเสียงคุณภาพ เจนนิเฟอร์ คิ้ม ปั่น-ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว เสียงแซกโซโฟนระดับประเทศจากเทวัญ ทรัพย์แสนยากร ศิลปะการวาดทราย เล่าเรื่องความเป็นมาของโครงการสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา จากอาจารย์ก้องเกียรติ กองจันดี และโชว์สุดพิเศษกลองไทยสี่ภาค และThai contemporary Dance
สำหรับ “อาหารของพ่อ” ตามธีมงานในงานครั้งนี้ นายนันทพันธ์ วีรภัทรศิริกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเชฟ เคเทอร์ริ่ง จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางเดอะเชฟได้แรงบันดาลใจจากโครงการพระราชดำริ โดยจะนำผลผลิตต่างๆ จากโครงการพระราชดำริมาสร้างสรรค์สู่จานอาหาร โดยคุณจำนงค์ นิรังสรรค์ Director executive chef และทีมงาน อาทิ Foie gras and raspberry sauce (ตับห่านเสริฟ์กับขนมปังอบเนย ผัก ไมโครกรีนจากโครงการหลวง และซอสสเบอร์รี่บาซามิค) Smoked salmon carpaccio and crab tartar with green regula (ปลาแซลมอนเทรารมควันกับสลัดเนื้อปูทารทาร์และผักร็อคเกตจากโครงการหลวง) Chanterelle mushroom and langousitne soup (ซุปเห็ดโคนชาโตร์รูฟ เสริฟ์พร้อมกุ้งก้ามแดงจากโครงการหลวง) Seared snow fish corainder sauce with couscous tarbulee (ปลาหิมะย่างเครื่องเทศเสริฟ์พร้อมข้าวไรซ์เบอร์รี่จากโครงการหลวง กับทาร์บูเร่และซอสผักชี) Chocolate mousse mille feauille with fresh berry and its sauce (ช็อคโกแลตมูสเมิวเฟยสตอเบอร์รี่สด และซอสสตอร์เบอร์รี่จากโครงการหลวง) เมนูอาหารที่เดอะเชฟได้สรรค์สร้างในงานนี้และในอนาคต จะขอมอบลิขสิทธ์ให้เป็นของโรงพยาบาลศิริราชต่อไป โดยจะนำเมนูเหล่านี้ออกจัดจำหน่ายทั่วประเทศไทย และแบ่งปันรายได้ส่วนหนึ่งมอบให้กับ รพ.ศิริราชอีกด้วย ในครั้งนี้ทางเดอะเชฟขอร่วมบริจาคเงินสมทบทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา จำนวน 1 ล้านบาท
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ยังกล่าวเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านสามารถเข้าร่วมดื่มด่ำบรรยากาศในงาน Navamindrapobitr Charity night : Bogies Happiness ครั้งนี้ สามารถติดต่อบริจาคและสำรองที่นั่งได้ที่ งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โทร. 0 2419 7646-8, 0 2419 7654, 0 2419 7656
ส่วนงานบางกอกน้อยเฟสติวัลครั้งที่ 3 “โอ้โห…บางกอกน้อย” คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลร่วมกับกองทัพเรือ สำนักงานเขตบางกอกน้อย ชุมชนบางกอกน้อยทั้ง 42 ชุมชน หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเชิดชูสิ่งดี ๆ สืบสานวัฒนธรรมอันดีงาม รวมถึงเพื่อเป็นการร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานครในเขตบางกอกน้อย แหล่งเรียนรู้ที่น่ารื่นรมย์และเต็มไปด้วยการสร้างสรรค์ภูมิปัญญาให้มีความแพร่หลายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสร้างความความสัมพันธ์อันดียิ่งระหว่างชุมชนบางกอกน้อยชุมชนใกล้เคียงและการมีส่วนร่วมขององค์การต่าง ๆ ที่ร่วมกันเชิดชูศิริราช และชาวบางกอกน้อย ในการขับเคลื่อนงานในด้านต่าง ๆ ให้เกิดความต่อเนื่อง ตลอดจนประชาชนชาวไทยได้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและยั่งยืน
ปีนี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 14 ธันวาคม นี้ ตั้งแต่เวลา 15.00 – 21.30 น. บริเวณลานหน้าพลับพลาสยามินทราศิริราชานุสรณีย์ รพ.ศิริราช หรือถ้าจะหาพิกัดงานนี้ง่าย ๆ คือ ท่าเรือรถไฟนั่นเอง “โอ้โห…บางกอกน้อย” สื่อความหมายถึง ของดีบางกอกน้อย ที่มีอยู่หลายอย่างที่จะทำให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมงานต้องร้อง โอ้โห!!! เพราะอาจจะคิดไม่ถึงว่าในปัจจุบันนี้ของแบบนี้ยังมีอีกด้วยหรือ เช่น ขันลงหินบ้านบุ เรือกระทงกาบมะพร้าว ข้าวเม่าหมี่ กาละแมข้าวเม่า มะตูมเชื่อม ฯลฯ ในงานนี้ทุกท่านจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศชุมชนประวัติศาสตร์ในบางกอกน้อยย้อนกลับมาอีกครั้ง สำหรับพื้นที่กิจกรรมแบ่งเป็น 5 โซน ดังนี้
โซนที่ 1 คือ ผู้สนับสนุนและส่วนของการบริการสุขภาพ บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ อาคาร 1
โซนที่ 2 คือ กิจกรรมช้อนไข่หรรษา เป็นกิจกรรมสนุกสนานในการร่วมลุ้นรางวัลมากมาย
โซนที่ 3 คือ นิทรรศการความเป็นมาของบางกอกน้อย ศาสนสถานสำคัญในเขตบางกอกน้อยและ การแสดง
ผลงานการมีส่วนร่วมด้านการพัฒนาท้องถิ่นพื้นที่เขตบางกอกน้อยของภาครัฐและภาคเอกชน
โซนที่ 4 คือ นิทรรศการศิลปหัตถกรรมและภูมิปัญญา
4.1 การสาธิตขันลงหินบ้านบุ 4.2 การสาธิตทำข้าวเม่าหมี่
4.3 การสาธิตทำมะตูมเชื่อม 4.4 การสาธิตทำเรือกระทงกาบมะพร้าว
โซนที่ 5 คือ การแสดงบริเวณสนามหญ้าด้านข้างลานหน้าพลับพลาฯ การแสดงจากศิลปินที่มีชื่อเสียง ดนตรีจากกองดุริยางค์ทหารเรือ วงดนตรีลูกทุ่งโรงเรียนเขตบางกอกน้อย ชมรมดนตรีสากลจากนักศึกษาแพทย์ศิริราช ร่วมด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากชุมชนเขตบางกอกน้อย
นาวาเอก ดุลยพัฒน์ ลอยรัตน์ รองเจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ กล่าวเพิ่มเติมว่า “กองทัพเรือได้จัดให้มีการสาธิตการพายและเห่เรือของกำลังพลฝีพายในชุดพระราชพิธีเต็มยศ ซึ่งจะมีกิจกรรมทั้งทางบกและทางน้ำ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่มาร่วมงานได้สัมผัสและเรียนรู้การฝึกเพื่อการเป็นฝีพายในขบวนเรือพระราชพิธี รวมไปถึงฝึกการขับเห่-เรือ ซึ่งมีท่วงทำนองที่แตกต่างกัน โดยจะแสดงให้เห็นถึงขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม โบราณราชประเพณีอันทรงคุณค่ายิ่งของไทย พร้อมทั้งนำวงหัสดนตรีวงใหญ่ของกองดุริยางค์ทหารเรือมาแสดงให้ความสำราญในงานครั้งนี้ด้วย”
“นั่นคือกิจกรรมดี ๆ ที่ทุกท่านไม่ควรพลาดที่จะมาร่วมงาน โดยบรรยากาศของทั้งสองงาน ไม่ว่าจะเป็นงาน กาลาไนท์ ระดมทุนสร้างอาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา “Navamindrapobitr Charity Night : Bogies of Happiness” และงานบางกอกน้อยเฟสติวัล ครั้งที่ 3 ทุกท่านจะสัมผัสได้ถึงพลังแห่งการให้ พลังแห่งความสุขที่ยิ่งใหญ่ของน้ำใจคนไทยที่มีต่อชาวศิริราช ต่อผู้ป่วยทุกหมู่เหล่า และประชาชนชาวไทยที่จะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและยั่งยืนต่อไป” ศ.ดร.นพ. ประสิทธิ์ วัฒนาภา กล่าวปิดท้าย