ไทยประกันชีวิตแจงไม่เกี่ยว
โครงการข้าราชการอยู่ดีมีสุข
ไทยประกันชีวิตแจ้งเตือนกระแสหลอกลวงในสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับจัดตั้งโครงการช่วยเหลือข้าราชการให้อยู่ดีมีสุข ต่างๆ ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของข้าราชการครูหรือตำรวจที่เข้าร่วมโครงการ ชี้บริษัทฯไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และการกระทำใดของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าว บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น เนื่องจากกลุ่มบุคคลนั้นมิใช่บุคลากรของไทยประกันชีวิต
นางดวงเดือน คงคาสวัสดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏกระแสข้อความเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ เกี่ยวกับการจัดตั้งโครงการช่วยเหลือข้าราชการให้อยู่ดีมีสุข เพื่อปลดหนี้ให้แก่ข้าราชการครูและข้าราชการตำรวจ โดยอ้างว่าโครงการดังกล่าวได้รับการค้ำประกันจากบริษัทฯ รวมถึงมีการจัดประชุมสามัญประจำปี ในวันที่ 4 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมานั้น บริษัทฯขอเรียนว่า ข้อความดังกล่าวเป็นเรื่องเท็จ
และเป็นการหลอกลวง ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของข้าราชการครูหรือตำรวจที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างรวบรวบพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีแก่บุคคล หรือกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างดังกล่าว
โครงการช่วยเหลือข้าราชการให้อยู่ดีมีสุข ไม่ว่าจะเป็นโครงการปลดหนี้ข้าราชการครู โครงการกองทุนพัฒนาการศึกษา โครงการรวมหนี้สินข้าราชการ โครงการเวนคืนภาษีเพื่อลดภาระหนี้ด้วยประกันชีวิตเปี่ยมสุข ฯลฯ รวมถึงการใช้แบบประกันทรัพย์ปันผล 85/1 ซึ่งบริษัทฯได้ยกเลิกการขายไปแล้วนั้น บริษัทฯไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และการกระทำใดของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าว บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น เนื่องจากกลุ่มบุคคลนั้นมิใช่บุคลากรของไทยประกันชีวิต
“เท่าที่ทราบข้อมูล กลุ่มบุคคลดังกล่าว ได้จัดประชุมไปเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่จังหวัดอุดรธานี แจ้งให้ข้าราชการเตรียมเอกสารสำคัญ อาทิ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน โดยไม่ต้องขีดคร่อม รวมถึงมีข้าราชการครูที่ต้องเสียเงินค่าตรวจสุขภาพรายละ 500 บาทไปแล้ว โดยกลุ่มบุคคลอ้างว่าเพื่อจะได้ทำการเซ็นสัญญาเข้าร่วมโครงการ ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ที่จังหวัดอุดรธานีเช่นกัน จึงอยากฝากถึงข้าราชการครูและข้าราชการตำรวจ อย่าหลงเชื่อข้อความเท็จอันเป็นการหลอกลวงดังกล่าว หรือสมัครเข้าเป็นสมาชิกโครงการ เพราะอาจสูญเสียเงิน และไม่ได้รับสิทธิประโยชน์แต่อย่างใด” นางดวงเดือนกล่าว