เมืองไทยประกันชีวิตร่วมหนุน
“สสส.จอมบึงมาราธอน 2559”
มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), สมาคมกรีฑาแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัดประกาศความพร้อมจัดวิ่งประเพณีวิถีชาวบ้าน “สสส. จอมบึงมาราธอน 2559” ปีที่ 31 หรือ “Thai Health Chom Bueng Marathon 2016 ” ภายใต้คำขวัญ “งานประเพณีของชาวบ้าน ที่มีมาตรฐานสากล” ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี วันที่ 16-17 มกราคม 2559
ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏฯ อ.จอมบึง จ. ราชบุรี
อาจารย์ณรงค์ เทียมเมฆ ผู้ทรงคุณวุฒิแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกายสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) (ซ้าย)กล่าวว่า สสส.ทำงานด้านสร้างเสริมสุขภาพ โดยลดปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพ เช่น การสูบบุหรี่ แอลกอฮอล์ อุบัติเหตุ ควบคู่กับการเพิ่มปัจจัยเสริมกิจกรรมทางกายและการออกกำลังกาย เพื่อให้ชาวไทยมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อันจะนำไปสู่การลดภาวะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ได้แก่ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน ความดันโลหิต โรคอ้วน อัมพาต และอัมพฤกษ์ ซึ่งสอดคล้องกับแคมเปญ “ลดพุงลดโรค” ของสสส.
การจัดงานครั้งนี้มีจุดประสงค์ คือ ต้องการเห็นคนไทยมีสุขภาพที่ดี เพราะการวิ่งใช้ทักษะง่าย ๆ และไม่มีค่าใช้จ่ายสูง โดยมี”หมู่บ้านจอมบึง”เป็นแบบอย่างไปยังอีกกว่า 8 หมื่นหมู่บ้านทั่วประเทศ ให้เห็นคุณค่าของการวิ่งและการออกกำลังกายด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อให้พี่น้องชาวไทยทุกเพศทุกวัยมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ช่วยลดภาวะโรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่าง ๆดังข้างต้นและยังช่วยส่งเสริมให้องค์กรต่างๆได้ทำงานร่วมกันด้วยจิตอาสา ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน ตลอดจนนำรายได้เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษา และเพื่อสาธารณกุศลด้วย
“การจัดงานครั้งนี้มีประชาชน นักวิ่งใหม่ๆเข้าร่วมเพิ่มขึ้น จาก 1,500 คนเป็นมากกว่า 3,000 คน และเวลานี้เต็มแล้ว โดยคาดว่าจะมีผู้ร่วมวิ่งมากกว่า 10,000 คน สอดพ้องกับจากการสำรวจข้อมูลกิจกรรมทางกายคนไทยปี 2558 โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล โครงการพัฒนาระบบเฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมด้านกิจกรรมทางกายของประชากรไทย จำนวน 7,713 ราย พบว่า คนไทยมีกิจกรรมทางกายเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 66.3 ในปี 2555 เป็นร้อยละ 71.6 ในปี 2558 หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7 ”
อาจารย์ณรงค์กล่าวต่อว่า ไฮไลต์ของงานนี้คือ จะเน้นที่นักวิ่งอาสาสมัคร นักวิ่งนำเวลา (Pacer)ซึ่งปีนี้มีคนหนุ่มสาวมาวิ่งเพิ่มขึ้น ในช่วงวัย 25-35 ปีจากเดิมที่เป็นผู้สูงวัย นอกจากนี้ยังมีอาสาสมัครด้านการแพทย์กว่า 50 ชีวิตคอยดูแลความปลอดภัยและปฐมพยาบาล และกลุ่มสวีปเปอร์(Sweeper)ที่คอยดูแลให้ทุกคนสามารถวิ่งเข้าถึงเส้นชัยได้ และยังมีการนำเทคโนโลยีชิพแบบใหม่ล่าสุดจากต่างประเทศมาใช้ ซึ่งจะบอกได้ว่า นักวิ่งอยู่ที่จุดในและใครกำลังจะเข้าเส้นชัย
สำหรับการวิ่งแบ่งเป็น 3 ประเภท โดยมีการกำหนดช่วงอายุกับระยะทางที่เหมาะสม 1. มาราธอน ระยะ 42.195 กม. 2. ฮาล์ฟ มาราธอน(21.1 ก.ม.)และมินิ มาราธอน (10กม.) มีผู้ชนะเลิศแบ่งเป็นชายและหญิง
นอกจากนี้ยังจัดการเดินเพื่อสุขภาพระยะทาง 3 กม. ไม่จำกัดอายุ สำหรับเด็ก ๆอายุต่ำกว่า 12 ปีที่เรียกว่า “RUN FOR KID” ผู้ชนะเลิศชายและหญิงรับถ้วยรางวัล 1-5 ทุกกลุ่มอายุ เสื้อและเหรียญ
“ความสำเร็จของกิจกรรมนี้เกิดจาก 4 ปัจจัยหลักคือ การเป็นจอมบึงโมเดล ที่มีรูปแบบชุมชนมีส่วนร่วมในกิจกรรม โดยตลอดเส้นทางการวิ่งจะมีชาวบ้านออกมาเป็นกำลังใจ ส่งน้ำหรือร่วมวิ่ง มีหลายหน่วยงานร่วมมือกัน ทั้งสสส. มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ชุมชน ชาวบ้าน อบต. มีกลุ่มนักวิ่งที่รวมตัวกันเป็นอาสาสมัครและมีองค์กรผู้สนับสนุน ซึ่งรวมถึง เมืองไทยประกันชีวิตและ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ด้วย”อาจารย์ณรงค์กล่าว
ในส่วนของเมืองไทยประกันชีวิตมีบทบาทร่วมสร้างสีสันและรอยยิ้มตลอดเส้นทางวิ่ง ผ่านกิจกรรมพิเศษ “เมืองไทย Smile Village” เพื่อเชิญชวนนักวิ่งร่วมแต่งกายแฟนซีในคอนเซ็ปต์ “Smile Villlage” โดยผู้สนใจสามารถสมัครร่วมกิจกรรมดังกล่าวและรับของที่ระลึกได้ที่บูธกิจกรรม “เมืองไทย Smile Village” ในวันแข่งขัน (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด)
นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความอุ่นใจแก่นักวิ่ง เมืองไทยประกันชีวิตยังมอบสิทธิพิเสษแก่ผู้สมัครวิ่งที่ลงทะเบียนครบถ้วนด้วย “ประกันภัยอุบัติเหตุ ฟรี” ทุนประกันสูงสุด 100,000 บาท/คน(กรมธรรม์จะให้ความคุ้มครองเฉพาะในวันแข่งขันของสนามที่สมัครเท่านั้น โดยเงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมธรรม์กำหนด)
ภาพ-จากเวบสสส.