TMB ปี58 กำไรสุทธิ 9.3พันล้าน
ปี59 เน้นบริการดิจิตอลแบงกิ้ง
ทีเอ็มบี เปิดผลประกอบการปี 2558 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรก่อนสำรองฯ จำนวน 16,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ผลจากเงินฝากเพิ่ม 13% ขยายสินเชื่อคุณภาพได้เพิ่ม 9%และรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์เพิ่มขึ้น 44% ตั้งสำรองฯเพื่อลดความเสี่ยงไว้สูง 5,479 ล้านบาท หรือเพิ่ม59% ทำให้กำไรสุทธิที่ 9,333 ล้านบาท ลดลง2% จากปี 2557 สัดส่วน NPL เพิ่มเล็กน้อยเป็น 2.99% แต่อัตราส่วนสำรองต่อ NPL ยังสูงที่ 142% ปี 2559 มุ่งบริการดิจิตอลแบงกิ้งเหมาะกับไลฟ์สไตล์ลูกค้าทุกกลุ่ม
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)หรือ ทีเอ็มบี กล่าวว่า “เงินฝากในปี 2558 เพิ่มขึ้น 13% ซึ่งเป็นที่น่าพอใจและธนาคารยังประสบความสำเร็จในการเพิ่มฐานเงินฝากธุรกรรมทางการเงิน (Transactional Deposit) อันเป็นผลมาจากการที่ธนาคารได้ให้ความสำคัญในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สร้างประโยชน์อย่างแท้จริงต่อลูกค้า ในขณะเดียวกัน ธนาคารสามารถขยายสินเชื่อคุณภาพ (Performing Loan) ได้ 9% จากปีก่อนหน้า ตามการขยายตัวของทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดกลางและสินเชื่อรายย่อย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายของธนาคาร”
การเพิ่มขึ้นของฐานเงินฝากธุรกรรมทางการเงินส่งผลให้ธนาคารสามารถบริหารต้นทุนทางการเงินได้ดี และทำให้มีส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (Net Interest Margin: NIM) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2558 เป็น 3.0% และมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัวต่อเนื่องที่ 22% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากผลิตภัณฑ์กองทุนรวมซึ่งเพิ่มขึ้น 46% โดยธนาคารได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมชั้นนำหลายแห่ง (Open Architecture) เพื่อเพิ่มความหลากหลายของกองทุนรวมซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารยังมีรายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์เพิ่มขึ้น 44% ซึ่งในปีนี้ธนาคารพัฒนาผลิตภัณฑ์แบงก์แอสชัวรันส์ให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น
รายได้รวมของธนาคารในปี 2558 อยู่ที่ 33,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 16,467 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเพียง 4% ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานของธนาคารส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานหลักก่อนสำรองฯ เพิ่มขึ้น 20% มาอยู่ที่ 16,937 ล้านบาท
ทั้งนี้ สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวน 20,473 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,380 ล้านบาท ทำให้สัดส่วน NPL เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 2.99% เมื่อเทียบกับ 2.85% ณ สิ้นปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามที่ธนาคารคาดการณ์
ในปี 2558 ธนาคารตั้งสำรองจำนวน 5,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,042 ล้านบาท หรือ 59% เพื่อคงสัดส่วนสำรองฯต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) ให้อยู่ในระดับสูงที่ 142% ในสถานการณ์ที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความเปราะบาง หลังตั้งสำรองฯ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 9,333 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 2% จาก 9,539 ล้านบาทในปีก่อนหน้า
ขณะเดียวกัน ธนาคารยังคงดำรงสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง และมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (CAR) ภายใต้เกณฑ์ Basel III ที่อัตรา 16.7% โดยเป็นกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) ในสัดส่วน 11.3% ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งกำหนดไว้ที่ 8.5% และ 6.0% ตามลำดับ
นายบุญทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความมุ่งมั่นในการส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า โดยในปี 2559 ธนาคารจะมุ่งเน้นการมอบบริการดิจิตอลแบงกิ้งที่ปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกกลุ่ม เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตเต็มที่ในแบบที่ต้องการและได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้บริการของธนาคาร”