SME BANK 58กำไร1.3พันล้าน
เซ็นต์ร่วมลงทุนSME รายแรก
เอสเอ็มอีแบงก์ ปี2558 ที่ผ่านมากำไรทะลุ 1,339 ล้านบาท เริ่มเดินหน้าร่วมลงทุนได้แล้ว เซ็นต์ร่วมลงทุนSME รายแรก ฟรุตต้า เนเชอรัล พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสมาคมสำนักงานบัญชีคุณภาพ ภายใต้การดูแลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์และผู้จัดการกองทรัสต์อีกรายหนึ่งของธนาคาร ปี2559 เน้นทำตามพันธกิจธนาคารเพื่อการพัฒนา ปล่อยกู้ SMEs รายย่อย พัฒนาผู้ประกอบการ และร่วมลงทุน
นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ และ นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เผยผลการดำเนินงาน ปี 2558 (ม.ค.-ธ.ค.)ทะลุเป้าณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2558 ธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,339.54 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ปี 2558 ที่ 1,226 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารปล่อยสินเชื่อที่มีคุณภาพดีได้มากขึ้น ทำให้มีดอกเบี้ยรับเพิ่ม และไม่มีภาระที่ต้องกันสำรองเพิ่ม รวมถึงควบคุมดอกเบี้ยจ่ายและค่าใช้จ่ายดำเนินการให้อยู่ในระดับไม่สูงเกินไปได้
สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ณ สิ้น ธ.ค.2558 NPLs ลดลงไป คงเหลือ 23,452 ล้านบาท (คิดเป็น 27.23% ของสินเชื่อรวม)จากปี 2557 อยู่ที่ระดับ 31,960 ล้านบาท(คิดเป็น 37.61% ของสินเชื่อรวม) หรือลดลงเท่ากับ 8,508 ล้านบาท แต่ธนาคารยังดูแลต่อเนื่อง ซึ่งได้จัดตั้งฝ่ายติดตามดูแลคุณภาพลูกหนี้ (Loan Monitoring) เสร็จแล้ว โดยส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำในทุกสาขาเพื่อติดตามดูแลลูกค้าที่มีคุณภาพอ่อนแออย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ 31,394 ล้านบาท ให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยรวม 12,038 ราย เฉลี่ยการปล่อยกู้ต่อราย 2.60 ล้านบาท
ส่วนพันธกิจปี 2559 ธนาคารยังคงเน้นช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อที่ 35,000 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถช่วยผู้ประกอบการรายย่อย อย่างน้อย 10,000 ราย วงเงินเฉลี่ยรายละ 3 ล้านบาท และ NPLs ตั้งเป้าลดลงเหลือประมาณ 18,000 ล้านบาทโดยยังคงเน้นใช้ระบบ Loan Monitoring เพื่อป้องกันสินเชื่อตกชั้นโดยจะต้องดำเนินการอย่างเต็มประสิทธิภาพ และจะพยายามปรับโครงสร้างหนี้ให้ได้มากที่สุด
อีกทั้งจะเน้นการพัฒนาผู้ประกอบการซึ่งถือเป็นภารกิจที่สำคัญของการก่อตั้งธนาคารแห่งนี้ที่จะต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรม เป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาอย่างแท้จริง (SME Development Bank) โดยเน้นช่วยเหลือการให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อสร้างโอกาสการเข้าสู่แหล่งทุน ช่วยสนับสนุนด้านการตลาด การวินิจฉัยสถานประกอบการ ด้านบัญชี และด้านต่างๆที่เป็นข้อจำกัดของSMEs
นอกจากนี้ภารกิจที่สำคัญอีกด้านคือ โครงการร่วมลงทุนซึ่งเป็นปัจจัยที่จำเป็นมากในการพัฒนาผู้ประกอบการ เอสเอ็มอีแบงก์จะดำเนินโครงการร่วมลงทุน 2,000 ล้านบาท ตามมติ ครม. ซึ่งธนาคารจะมีการปรับโครงสร้างองค์กร และบุคลากร เพื่อให้สามารถทำพันธกิจด้านร่วมลงทุนได้เดินหน้ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ในโอกาสเดียวกันนี้เอสเอ็มอีแบงก์ได้จัดพิธีเซ็นสัญญาจะเข้าร่วมลงทุนรายแรกกับ บริษัท ฟรุตต้า เนเชอรัล จำกัด ผู้ผลิตน้ำผลไม้ออแกนิคเพื่อสุขภาพ โดยธนาคารจะร่วมลงทุนในสัดส่วน 26% ของทุนจดทะเบียนตามแผนการลงทุนในกิจการ คาดว่าจะใส่เงินจริงเข้าร่วมลงทุนได้ประมาณสิ้นเดือนมกราคม 2559 นี้
ในเวลาเดียวกันธนาคารยังลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสมาคมสำนักงานบัญชีคุณภาพ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อให้เข้ามาช่วยในด้านการจัดเตรียมข้อมูลให้กับผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนได้เป็นมาตรฐาน ช่วยแนะนำปรับปรุงงบการเงิน แผนธุรกิจ ของผู้ประกอบการ หามูลค่าที่แท้จริงของผู้ประกอบการก่อนเข้าร่วมลงทุน และลงนามบันทึกความร่วมมือกับบริษัท เอ็มดิก โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อเป็นผู้จัดการกองทรัสต์ (Trust Manager)อีกรายหนึ่งของธนาคาร เพื่อให้การเข้าร่วมลงทุนของธนาคารสามารถทำได้กว้างขวางและรวดเร็วขึ้น
ทั้งนี้นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการร่วมลงทุนระหว่าง SME Bank สมาคมสำนักงานบัญชีคุณภาพ ผู้จัดการกองทรัสต์ และกิจการ SMEs ที่ขอการร่วมลงทุนจาก SME Bank เพื่อร่วมกันผลักดันให้มีผู้ประกอบการ SMEs ผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการดังกล่าวเพิ่มขึ้น และสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
นางสาวผ่องพรรณกล่าวว่า “ทั่วประเทศมีกิจการ SMEs 2.7 ล้านราย เป็นนิติบุคคลรวม 620,000 ราย แต่มี 90% จ้างให้บริษัทมืออาชีพทำบัญชีให้ ซึ่งมีความจำเป็นเพราะไม่มีความเชี่ยวชาญและไม่มีเวลา สำหรับสำนักงานบัญชีที่จดทะเบียนกับกรมฯมีจำนวนประมาณ 50,000 ราย ซึ่งทางกรมฯได้มีการจัดสัมมนาเพื่อให้มีคุณภาพอยู่เสมอ
ส่วนสมาคมสำนักงานบัญชีคุณภาพมีสมาชิกกระจายอยู่ทั่วประเทศ 129 แห่ง จึงสามารถจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ร่วมกับเอสเอ็มอีแบงก์ได้ที่มีสาขาอยู่ 76 จังหวัด เอามาร่วมกับลูกค้า มาช่วยทำให้บริษัทมีความน่าเชื่อถือและมีความก้าวหน้า เป็นฐานรากของ SMEs ให้มีความเข้มแข็ง ที่ญี่ปุ่นมีการวิจัยพบว่าช่วยให้เกิดความเข้มแข็งได้จริง (bottom up)”
นอกจากนี้อธิบดีกรมฯยังกล่าวด้วยว่า มีนิติบุคคลอีก 210,000 รายที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งประสบปัญหาเติบโตยาก มีสาเหตุจากการไม่อยากทำบัญชี ดังนั้นการดึงสำนักงานบัญชีคุณภาพมาช่วย จะจูงใจผู้ประกอบการเหล่านี้ให้เข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้ ซึ่งขณะนี้กำลังขับเคลื่อนเพื่อทำให้ 1 คน ทำนิติบุคคลได้