กินโฟเลต 6 สัปดาห์ก่อนตั้งครรภ์
ป้องกัน “พิการแต่กำเนิด” 50%
สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย ร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดประชุมวิชาการเรื่อง “การป้องกันความพิการแต่กำเนิดด้วยโฟเลต” ในโอกาส 100 ปี เพื่อกระตุ้นให้ภาครัฐและองค์กรธุรกิจด้านอาหารเห็นความสำคัญของโฟเลต เพื่อป้องกันความพิการแต่กำเนิด ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ โดยมีนายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย เป็นประธาน เผยกินโฟเลต 6 สัปดาห์ก่อนตั้งครรภ์ถึงตั้งครรภ์ 3 เดือน สามารถลดความเสี่ยงทารกพิการแต่กำเนิดลงได้เกือบ50%
พลโท นายแพทย์อำนาจ บาลี ผู้อำนวยการสำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทยเปิดเผยว่า ความพิการแต่กำเนิด เป็นภาวะที่พบได้บ่อย โดยข้อมูลจากทั่วโลกพบอัตราเด็กพิการแต่กำเนิดทุกประเภทรวมกันประมาณ 3-5 ใน 100 คน ในประเทศไทยมีสถิติเด็กเกิดใหม่เฉลี่ยปีละ 700,000 คน ประมาณได้ว่า มีเด็กพิการแต่กำเนิดมากกว่า 20,000 – 40,000 รายต่อปี ที่น่าเป็นห่วงคือตัวเลขของเด็กกลุ่มนี้มีจำนวนสะสมมากขึ้นทุกปี ซึ่งการป้องกันความพิการแต่กำเนิด สามารถทำได้โดยการให้วิตามินโฟเลต 400 ไมโครกรัมต่อวันเพื่อป้องกันความพิการแต่กำเนิด โดยสามารถลดอัตราการเกิดความพิการแต่กำเนิดลงได้ถึงร้อยละ 25-50
ด้านศ.เกียรติคุณ พ.ญ.พรสวรรค์ วสันต์ นายกสมาคมเพื่อเด็กพิการแต่กำเนิด (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า โฟเลตเป็นวิตามินที่ไม่มีอันตราย เป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและขับออกทางปัสสาวะ มีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป ราคา ไม่ถึง 1 บาทต่อเม็ด ผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ควรทานโฟเลตทุกวัน ตั้งแต่ช่วงก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 2 – 3 เดือน และหลังตั้งครรภ์อีก 3 เดือน และถ้าให้ดี ควรทานตลอดวัยเจริญพันธุ์ ตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือน จนหมดประจำเดือน เพราะมากกว่า 50% ของการตั้งครรภ์มักไม่ได้วางแผนล่วงหน้า โฟเลตจึงมีความสำคัญมากในการป้องกันความพิการแต่กำเนิดที่รุนแรงหลายโรค หากมาทานหลังตั้งครรภ์แล้วอาจสายเกินไป
ภาพ-http://cpho.moph.go.th/
ศ.นพ.วรศักดิ์ โชติเลอศักดิ์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาความพิการแต่กำเนิด มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในระยะยาวของเด็ก ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ โดยมีผลการศึกษาวิจัยมากมายที่พบว่าการทานยาโฟเลตทุกวันด้วยขนาด 0.4 มิลลิกรัม (400ไมโครกรัม) ตั้งแต่ 6 สัปดาห์ก่อนตั้งครรภ์จนถึงตั้งครรภ์ได้ 3 เดือน สามารถลดโอกาสเสี่ยงของความพิการแต่กำเนิดโดยรวมลงไปได้เกือบครึ่ง ตั้งแต่ความพิการแต่กำเนิดของสมอง ไขสันหลัง หัวใจ แขน ขา ระบบทางเดินปัสสาวะและระบบทางเดินอาหาร ตลอดจนลดโอกาสการเกิดปากแหว่งลงไปได้ประมาณ 1 ใน 3 เป็นต้น