เตือนคนอยากขาว..หยุดเสี่ยง
เลี่ยง..ซื้อผลิตภัณฑ์ผิวขาว
สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เตือนคนไทย เรื่องค่านิยมสีผิว ให้มีความรู้สึกพอใจกับสีผิวของตนเอง “ขาวหรือเข้ม ก็ชนะได้” คาดหวังให้ตระหนักถึงการให้ความสำคัญกับสุขภาพผิวและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาวได้อย่างถูกวิธี ชี้2 ปัจจัยกำหนดสีผิวของคนเรา คือ กรรมพันธุ์และสิ่งแวดล้อม กรรมพันธุ์เลี่ยงไม่ได้ แต่ภัยจากสิ่งแวดล้อมป้องกันได้ พร้อมแนะวิธีซื้อเครื่องสำอางผ่านอินเตอร์เน็ตหรือโซเชียลมีเดียควรระวังมากสุด
รศ.นพ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ค่านิยมของสีผิวของแต่ละคนมาจากกรรมพันธุ์และเชื้อชาติ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่สามารถเปลี่ยนจากสีดั้งเดิมเป็นสีขาวได้อย่างถาวร แต่ในปัจจุบันมีความพยายามที่จะนำสารต่าง ๆ มาใช้เพื่อให้ผิวขาวหรือขาวอมชมพู จึงต้องออกมาเตือนว่าเป็นอันตรายและส่วนใหญ่ไม่ได้ผลอะไร โดยสารตัวใดที่จะเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างทำให้ผิวขาวขึ้นได้นั้น จะจัดอยู่ในประเภทของยาที่ต้องใช้ภายใต้การควบคุมพิเศษจากแพทย์ เช่น สารไฮโดรควิโนน ซึ่งเป็นสารตัวเดียวกับที่ใช้รักษาโรคฝ้า และโรคด่างขาว
โดยสารดังกล่าวจะไปกัดผิว แต่หากใช้ไปนาน ๆ ก็มีปัญหาทำให้ผิวหน้าดำคล้ำ หรือบางคนทาไปแล้วกัดผิวจนทำให้เป็นโรคด่างขาว แต่ถ้าจะใช้ควรเป็นแบบปกปิดหรือรองพื้นดีกว่า อย่างไรก็ดีผิวสีคล้ำนั้นมีข้อดี คือทำให้ไม่แก่เร็ว เพราะมีเม็ดสีมาก ช่วยป้องกันแสงอัลตราไวโอเลต ไม่ก่อให้เกิดริ้วรอย ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง และเหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทย ที่สำคัญการมีผิวสะอาดไม่มีสิว ไม่แห้ง ไม่มีริ้วรอย จึงจะถือว่าเป็นผิวสุขภาพดี สวยงามน่ามองมากกว่า
รศ.นพ.นภดล กล่าวว่า สำหรับการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในปัจจุบัน มีให้เลือกมากมาย ทั้งตามร้านขายส่ง ขายปลีก ตามตลาดนัดทั่วไป แต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือการสั่งซื้อเครื่องสำอางผ่านอินเตอร์เน็ต หรือโซเชียลมีเดีย เนื่องจากสินค้าเหล่านี้ใช้การโฆษณาเป็นการจูงใจลูกค้า แต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มีการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา หรืออย. ดังนั้นผู้ใช้สินค้า มักจะอาศัยความน่าเชื่อถือจากเพื่อนฝูงหรือการบอกต่อ ซึ่งเมื่อนำผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไปใช้แล้วมักจะมีปัญหาเรื่องของการแพ้ หรือมีผลข้างเคียงต่อร่างกายและผิวพรรณ และเป็นอันตรายต่อชีวิตและจิตใจ
ด้านพญ.ภาวิณี ฤกษ์นิมิตร แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย(กลาง)กล่าวว่า ในยุคนี้โดยเฉพาะในแถบเอเชีย ทุกคนล้วนต้องการมีผิวขาวสว่างใส เพื่อช่วยเสริมบุคลิก ความงามและสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง อย่างไรก็ตามสีผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเกิดมาผิวคล้ำ ในขณะที่บางคนมีผิวขาวใส บางคนเป็นฝ้ากระได้ง่าย
พญ.ภาวิณี กล่าวว่า สีผิวที่เราเห็นเกิดจากเม็ดสีที่อยู่ในผิวหนัง ตัวหลักคือเม็ดสีเมลานินที่ให้สีดำ นอกจากนั้นยังมีแคโรทีนอยด์ เม็ดสีสีเหลืองและสีแดงจากฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงอีกด้วย เมลานินเม็ดสีเป็นตัวการหลักที่ให้เกิดสีดำ ซึ่งสร้างจากเซลล์ชื่อเมลาโนไซต์ในผิวหนัง โดยกระบวนการสร้างเมลานินนั้น มีความซับซ้อนหลายขั้นตอน เมลานิน มีสองชนิด คือยูเมลานิน (eumelanin) และ ฟีโอเมลานิน(pheomelanin) ยูเมลานินมีสีดำเข้มในขณะที่ฟีโอเมลานินมีสีดำแดงเมลาโนไซต์จะสร้างเมลานินเก็บไว้ใน”ถุงเก็บ” เรียกว่า เมลาโนโซม จากนั้นเมลาโนไซต์จะส่งเมลาโนโซมที่สร้างเสร็จแล้ว กระจายออกไปยังเซลล์ผิวหนังโดยทั่ว ทำให้เราเห็นสีผิวคล้ำขึ้น เซลล์ผิวหนังเอง มีการผลัดเซลล์ออกตลอดเวลา โดยจะหลุดลอกออกเป็นขี้ไคล เมลานินในเมลาโนโซมก็เช่นกัน จะมีการย่อยสลายตัวและหลุดลอกออกไปพร้อม ๆ กับเซลล์ผิวหนัง ขบวนการสร้าง ถ่ายเท และสลายตัวของเม็ดสีนี้เกิดขึ้นวนเวียนอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ทำไมสีผิวคนเราจึงไม่เหมือนกัน เชื่อหรือไม่ว่า คนผิวขาวหรือผิวคล้ำ ล้วนมีจำนวนเซลล์เมลาโนไซต์เท่ากัน ที่ต่างกันก็คือ ถุงเมลาโนโซมของคนผิวคล้ำจะมีเมลานินที่เจริญเต็มที่กว่า สีเข้มกว่า มีสัดส่วนยูเมลานินมากกว่า ตัวเมลาโนโซมเองก็มีขนาดใหญ่กว่า จำนวนเยอะ และย่อยสลายยากกว่าอีกด้วย ความสำคัญของสีผิว จึงอยู่ที่เม็ดสีเมลานิน มีหน้าที่ปกป้องเซลล์ผิวหนังจากอันตรายจากแสงแดด เปรียบได้กับยากันแดดที่ธรรมชาติให้ติดมากับผิวหนังมนุษย์นั่นเอง สังเกตเห็นได้ว่าประชากรที่อาศัยอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตร ผิวจะคล้ำกว่าประชากรที่อาศัยในภูมิภาคอื่น โดยเป็นกลไกทางธรรมชาติที่อาศัยเมลานินในการปกป้องเซลล์ผิวหนังไม่ให้เป็นมะเร็งหรือเสื่อมสภาพจากการโดนแดดจัดและร้อนแรง ซึ่งสอดคล้องกับสถิติที่พบว่าผู้ที่ป่วยเป็นโรคขาดเม็ดสีเมลานินแต่กำเนิดจะมีความเสี่ยงสูงมากในการเกิดมะเร็งผิวหนัง
ด้าน ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันได้เกิดกระแสความนิยมการมีผิวที่ขาว โดยเฉพาะจากการโฆษณาของผลิตภัณฑ์ทำให้ผิวขาวในสื่อต่าง ๆ ซึ่งไม่ได้เน้นแต่เฉพาะที่ใบหน้าและแขนขา แต่ได้สร้างกระแสไปถึงที่ผิวบริเวณซอกแขน ข้อศอก หัวเข่า และจุดซ่อนเร้นอื่น ๆ ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีความจำเป็นหรือไม่ อย่างไร และมีประสิทธิภาพแค่ไหน ซึ่งโดยทางวิชาการแล้วผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด ความเป็นจริงแล้วการที่ร่างกายของเราสร้างสีผิวขึ้นมา ก็เสมือนเป็นการสร้างเกราะป้องกันอันตรายจากสี โดยเฉพาะรังสีอัลตราไวโอเล็ตหรือรังสียูวีในแสงแดด โดยตัวการที่ทำให้ผิวของเรามีสีอย่างที่เห็น ก็คือเม็ดสีที่ทางวิชาการเรียกว่าเมลานิน โดยตัวเมลานินจะทำหน้าที่ดูดกลืนรังสียูวีเอาไว้ ไม่ให้ผ่านเข้าไปทำอันตรายถึงผิวหนังชั้นในและอวัยวะภายใน ดังนั้นการกระทำใด ๆ ที่พยายามกำจัดปริมาณเมลานินเพื่อให้ผิวขาวขึ้นก็เท่ากับเป็นการลดเกราะคุ้มกันตามธรรมชาติที่เรามีอยู่นั่นเอง
อย่างไรก็ดีการนิยมผิวขาวเป็นค่านิยมของคนไทยและคนเอเชียมาแต่โบราณ ที่นิยมผิวสีอ่อน ทั้งนี้เพราะผิวที่ขาว จะสื่อถึงความอ่อนเยาว์ ดูสะอาด สดใส รวมถึงอาจสื่อถึงความมีชีวิตที่สะดวกสบาย ไม่กรำแดดกรำฝน และยังเป็นการดึงดูดเพศตรงข้าม อันนี้จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการศึกษาค้นคว้าหาสารต่าง ๆ ที่มีคุณสมบัติทำให้สีผิวอ่อนจางลง เพื่อสนองต่อความต้องการของผู้ที่อยากจะมีผิวขาว ซึ่งผลิตภัณฑ์ช่วยให้ผิวขาวที่มีขายในท้องตลาดจัดเป็นเครื่องสำอางเพื่อเสริมความงาม ไม่ได้มุ่งใช้สำหรับผู้ที่เป็นฝ้า หรือโรคผิวหนังที่มีการสร้างเม็ดสีผิวมากผิดธรรมดา เช่น ผิวเป็นรอยด่าง หรือเป็นปานดำ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผิวขาวเหล่านี้จึงสามารถซื้อหาได้ทั่วไป ผู้ใช้จึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในการเลือกใช้ อย่าเชื่อแต่คำโฆษณาอย่างเดียว เพราะใช้แล้วผิวหน้าอาจไม่ได้ขาวผ่องอย่างที่คาดหวัง หรืออาจเกิดการระคายเคือง เป็นผื่นแพ้ ต้องเสียเงินทองและเวลารักษาอีก
ผศ.พญ.สุวิรากร กล่าวว่า สิ่งสำคัญสุด ที่ผู้ซื้อผลิตภัณฑ์ต้องตระหนักว่าประสิทธิผลในการทำให้ผิวขาวจะไม่ได้เกิดขึ้นอย่างทันที แต่จะค่อยเป็นค่อยไป และผลที่ได้ไม่ถาวร เมื่อหยุดใช้ ผิวก็จะกลับมาเข้มเหมือนเดิมตามกรรมพันธุ์ของตนเอง ขณะเดียวกันผู้ใช้ต้องเข้าใจว่าความไวของคนเราในการตอบสนองต่อสารทำให้ผิวขาวในผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างกัน เช่นเดียวกับการเกิดอาการแพ้สารในเครื่องสำอางที่บางคนก็แพ้ แต่บางคนก็ไม่แพ้ ดังนั้นหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ผิวขาวเหล่านี้แล้ว บางคนจะรู้สึกว่าใบหน้าขาวขึ้นจริง ขณะที่บางคนอาจไม่รู้สึกว่าใบหน้าหรือผิวตัวจะขาวขึ้นเท่าไร หรือยังเหมือนเดิม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ เช่น ขณะที่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เราได้หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดด้วยหรือไม่ มีการรับประทานยาคุมกำเนิดในขณะนั้นด้วยหรือเปล่า มีความเครียด หรืออดนอนในช่วงที่ใช้ผลิตภัณฑ์หรือไม่ เพราะสิ่งเหล่านี้มีส่วนเร่งให้ผิวหนังของเราสร้างเม็ดสีได้เพิ่มขึ้น และต้านประสิทธิภาพของสารในผลิตภัณฑ์ได้ จึงเป็นการยากที่จะได้ผลตามปรารถนาทุกราย
“สีผิวของคนเราขึ้นอยู่กับพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม มีปัจจัยหลัก ๆ อยู่ 2 ปัจจัยที่กำหนดสีผิวของคนเรา คือปัจจัยที่ 1 กรรมพันธุ์กับสิ่งแวดล้อม เรื่องของกรรมพันธุ์เป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ ถ้าเกิดมาเป็นคนผิวคล้ำ ให้ถือว่าเรื่องของสีผิวเป็นเพียงค่านิยมซึ่งก็ต่างกันไปในแต่ละเชื้อชาติ อย่างเช่น พวกฝรั่งซึ่งมีผิวขาวก็อยากที่จะมีผิวสีเข้ม ถึงกับต้องยอมไปเสี่ยงกับมะเร็งผิวหนัง อาบแดดทั้งตัว ปัจจัยที่ 2 ซึ่งพอที่จะป้องกันได้คือสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะจากแสงแดด เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด เป็นตัวกระตุ้นที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เซลล์ในผิวหนังสร้างเมลานินออกมา อย่างไรก็ดีการที่คนเราอยากมีผิวขาว จึงพยายามที่จะเอาชนะธรรมชาติด้วยวิธีต่าง ๆ มีการค้นคว้าหาสารสังเคราะห์หรือสารจากธรรมชาติที่จะสามารถช่วยกลบสีผิว ลดการสร้างสีผิว หรือแม้กระทั่งการเร่งการขจัดเม็ดสีผิว การลอกผิว ฯลฯ เพื่อให้ผิวขาวขึ้น แต่สารเหล่านั้นมีผลชั่วคราว พอหยุดใช้ ผิวก็จะกลับไปมีสีเข้มตามกรรมพันธุ์ของตนเหมือนเดิม
นอกจากจะขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์และการได้รับแสงแดดแล้ว กระบวนการสร้างเมลานินยังขึ้นอยู่กับระดับฮอร์โมนในร่างกายที่ควบคุมการสร้างเมลานินอีกด้วย อย่างเช่นในสตรีตั้งครรภ์ ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดหรือใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเพศ อาจมีผลทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นการสร้างเมลานินให้มากขึ้น ทำให้มีโอกาสเกิดฝ้า หรือสีผิวคล้ำลงได้ รวมถึงความเครียด กังวล และอดนอน ก็มีผลต่อฮอร์โมนที่กระตุ้นการสร้างเมลานินได้เช่นกัน เรื่องของฮอร์โมนเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ยาก แต่ก็ป้องกันได้บางส่วน เช่น เปลี่ยนวิธีการคุมกำเนิดด้วยการรับประทานยาคุมเป็นวิธีอื่น หรือหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ผสมฮอร์โมนเพศ รวมถึงการทำจิตใจให้สบาย พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น”