กรมพัฒนาธุรกิจฯปฏิวัติบริการไว
หวังไต่Doing Business 2017
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินเครื่องปฏิวัติการให้บริการที่ตรงใจผู้ประกอบธุรกิจ ทั้ง ‘การจดทะเบียนธุรกิจ’ ที่รวดเร็วเสร็จสิ้นใน 1 วัน มาจุดเดียวจบ ‘การเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางทะเบียน’ ที่แสนง่าย มีทางเลือก ‘ปรับปรุงกฎหมาย’ ให้ทันสมัย และนำ ‘เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการให้บริการ’ ส่งงบการเงิน ตรวจค้นข้อมูล และอนาคตจัดตั้งนิติบุคคลออนไลน์ ยืนยันไม่หยุดนิ่งกับที่แน่นอน!! เพื่อไต่อันดับประเทศที่ง่ายต่อการทำธุรกิจ
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากรมฯ ได้พัฒนาการให้บริการจดทะเบียนธุรกิจและข้อมูลธุรกิจอย่างไม่เคยหยุดนิ่ง โดยนำเสนอบริการที่สะดวก รวดเร็ว ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบธุรกิจที่จะต้องเผชิญกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่หมุนเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง กรมฯ ได้ทบทวนและพิจารณาแนวทางการให้บริการอยู่เป็นระยะประกอบกับเปิดรับฟังเสียงจากผู้ประกอบธุรกิจ ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และประชาชนทั่วไป เพื่อนำมาปรับปรุงบริการให้สอดคล้องกับความต้องการ
ทั้งนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้ามุ่งมั่นพัฒนาระบบการให้บริการอย่างรอบด้าน ปัจจุบัน ‘การจดทะเบียนธุรกิจ’ จึงกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้ประกอบธุรกิจมือใหม่ใช้เวลาเพียงแค่ 1 วันก็เสร็จสิ้นกระบวนการ โดยติดต่อรับบริการและชำระค่าธรรมเนียมแค่เพียงจุดเดียว และยังสามารถเชื่อมโยงบริการ ณ จุดเดียว (Single Point)กับ 3 หน่วยงาน ได้แก่ การขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของกรมสรรพากร การขึ้นทะเบียนนายจ้างของสำนักงานประกันสังคม และการยื่นสำเนาข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกรณีมีลูกจ้างมากกว่า 10 คนขึ้นไปของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โดยข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานฯ จะมีผลบังคับทันทีนับแต่นายจ้างจัดทำและประกาศใช้
การบูรณาการกับ 3 หน่วยงานครั้งนี้เรียกได้ว่าจะอำนวยความสะดวกผู้ประกอบธุรกิจในการเป็นศูนย์กลางการยื่นเอกสารแค่เพียงครั้งเดียวแต่ได้ครบทุกกระบวนการ และไม่ว่าธุรกิจจะจัดตั้งอยู่ที่ใดก็สามารถใช้บริการยื่นขอจดทะเบียนข้ามเขตจังหวัดได้ทั่วประเทศ สำหรับงานบริการด้าน ‘การเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางทะเบียน’ กรมฯ ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การยื่นคำขอจดเพิ่มหรือยกเลิกสำนักงานสาขาให้แจ้งเฉพาะสาขาที่จะทำการเพิ่มเติมเท่านั้น (จากเดิมต้องแจ้งข้อมูลสาขาทั้งหมด) ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาการเตรียมเอกสาร และลดปริมาณการใช้กระดาษได้อย่างมาก รวมไปถึงยังเพิ่มเติมกลุ่มบุคคลที่สามารถลงลายมือชื่อรับรองเอกสารได้จากเดิมมีจำนวน 139,399 ราย เป็น 196,923 ราย ส่งผลให้การจดทะเบียนมีความคล่องตัว และเกิดทางเลือกในการหาบุคคลที่จะมารับรองลายมือชื่อมากขึ้น
นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้ ‘ปรับปรุงกฎหมาย’ ที่กำกับดูแลที่ให้ทันสมัยและเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ อาทิ การเพิ่มช่องทางประชุมกรรมการโดยสามารถสื่อสารผ่านเทคโนโลยีได้ จากเดิมที่ต้องมาประชุม ณ สถานที่นัดประชุมวิธีเดียว การทบทวนบัญชีท้ายตามพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ทุกปี โดยในปี 2558 ที่ผ่านมาได้ปรับปรุงให้ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจสำนักงานผู้แทนธนาคาร ธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันวินาศภัยไม่ต้องขออนุญาตในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวอีกต่อไป การเพิ่มเติมให้ธุรกิจบริการต้องมาจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อครอบคลุมธุรกิจมากยิ่งขึ้น การให้บริการข้อมูลธุรกิจออนไลน์โดยเชื่อมต่อข้อมูลนิติบุคคลระหว่างหน่วยงานภาครัฐผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 42 หน่วยงาน และในอนาคตอันใกล้จะมีกฎหมายจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลคนเดียวโดยขณะนี้กำลังทำการศึกษา รับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องและประชาชนทุกภาคส่วน
สุดท้ายนี้ กรมฯ ได้วางรากฐานธุรกิจในยุคปัจจุบันเชื่อมโยงไปสู่อนาคตด้วยการนำ ‘เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการให้บริการ’ มาปรับใช้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติ พัฒนาไปสู่การเป็นประเทศที่ง่ายต่อการประกอบธุรกิจ ขณะนี้กรมฯ ได้เปิดให้ผู้ประกอบธุรกิจสามารถนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) ซึ่งกรมฯ ได้กรอกข้อมูลงบการเงินประจำปี 2557 ให้นิติบุคคลไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อช่วยลดระยะการดำเนินการ และระบบนี้ยังสามารถนำข้อมูลทางการเงินมาวิเคราะห์เศรษฐกิจของไทยได้อย่างเที่ยงตรง และบริการข้อมูลได้ทันต่อสถานการณ์ด้วย รวมไปถึงการให้บริการข้อมูลนิติบุคคลผ่านทางแอพพลิเคชั่น DBD e-Service ที่ปัจจุบันสามารถตรวจสอบได้ถึงงบการเงินด้านต่างๆ และร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
สำหรับนวัตกรรมที่พร้อมจะให้บริการในปี 2560 คือ บริการจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจร (e-Registration) ลดระยะเวลา ขั้นตอนการยื่นเอกสาร การใช้กระดาษซึ่งจะผลักดันไปสู่การทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐแบบ Paperless อย่างสมบูรณ์