SME Bank มุ่งธ.เพื่อพัฒนา
ม.ค.59 มีกำไร 190 ล้านบ.
เอสเอ็มอีแบงก์ประกาศผลประกอบการเดือนมกราคม 2559 ยังมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง 190 ล้านบาท ผลจากธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เพิ่มขึ้น พร้อมมุ่งเดินหน้าตามพันธกิจการเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนาอย่างแท้จริง สอดพ้องตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบนโยบายในโอกาสเดินทางตรวจเยี่ยม 11 ก.พ. 2559 ที่ผ่านมา ที่เน้นย้ำให้ธนาคารฯช่วยเหลือพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SMEs อย่างเต็มกำลัง นอกเหนือจากให้เข้าถึงเงินทุน เพื่อสร้างความเข้มแข็ง ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการสร้างงานของประเทศ
นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ และ นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ เปิดเผยว่า นโยบายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายสอดพ้องกับแผนงานปี 2559 ของธนาคารอยู่แล้ว โดยคณะกรรมการของธนาคารได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2559 เช่นกันและมีมติเห็นชอบ 3 กระบวนการเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นธนาคารเพื่อการพัฒนา SMEs อย่างแท้จริง ได้แก่ 1.การโครงสร้างองค์กร เพิ่มสายงานพัฒนาผู้ประกอบการ ซึ่งประกอบด้วย 4 ฝ่ายงาน คือ ฝ่ายพัฒนา Start up ฝ่ายพัฒนา SMEs ที่ดำเนินการอยู่แล้ว ( Regular) และฝ่ายร่วมลงทุนอีก 2 ฝ่าย
2.อนุมัติจัดสรรงบประมาณไม่เกิน 30% ของกำไรจากการดำเนินงาน เพื่อนำมาใช้ในงานพัฒนาผู้ประกอบการโดยตรง (ประมาณ 350 ล้านบาทต่อปี) เช่น สนับสนุนนำนวัตกรรมมาใช้ปรับปรุงสินค้าและบริการ สนับสนุนด้านการตลาดและการขาย ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริม SMEs อีกทางหนึ่ง โดยไม่สิ้นเปลืองงบประมาณที่มีอยู่จำกัดของรัฐบาล
ขณะเดียวกัน ธนาคารจะจูงใจและสนับสนุนให้ ลูกค้าSMEs จัดทำระบบบัญชีเดียว โดยให้ความรู้กับผู้ประกอบการSMEs ในการจัดทำระบบบัญชีเดียว เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น เป็นภารกิจสำคัญ ธนาคารจึงได้จับมือกับพันธมิตร อาทิ สำนักบัญชีคุณภาพ กระทรวงพาณิชย์ ที่มีเครือข่ายนักบัญชีคุณภาพอยู่ทั่วประเทศให้ร่วมเป็นพี่เลี้ยงSMEs ด้วย ทั้งนี้จำนวนเงินในการพัฒนาดังกล่าว แยกต่างหากจากการร่วมลงทุน ซึ่งครม.มีมติให้ธนาคารดำเนินการร่วมทุนในวงเงิน 2,000 ล้านบาทอยู่แล้ว
และ3. ดูแลการบริหารบุคลากรให้มีคุณสมบัติในการขับเคลื่อนพันธกิจของธนาคาร โดยอนุมัติโครงการร่วมใจจาก (Golden Handshake) เปิดให้ผู้บริหารระดับ ผู้อำนวยการฝ่าย ถึง รองกรรมการผู้จัดการ ซึ่งมีอายุงานเหลือไม่มากนัก มีจำนวนและอายุเฉลี่ยประมาณ 52 – 57 ปี สมัครใจขอเกษียณอายุก่อนกำหนดได้และพัฒนาบุคลากรต่อเนื่อง
ในโอกาสเดียวกันนี้นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ เอสเอ็มอีแบงก์ ได้เปิดเผยถึงผลประกอบการว่า หลังจากธนาคารมีกำไรสุทธิ 1,339 ล้านบาทในปี 2558 สำหรับเดือนมกราคม 2559 ธนาคารยังคงมีกำไรสุทธิต่อเนื่องที่ 190 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้เพิ่มขึ้น 5,743 ล้านบาท (1,877ราย) และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่ต่ำได้อีกด้วย
ส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ซึ่งเป็นจุดเน้นที่ คนร.ให้ธนาคารลดลงให้ได้ ปรากฎว่า เดือนมกราคม 2559 NPLs เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 143 ล้านบาท จาก 23,455 ล้านบาทในเดือนธันวาคม 2558 เป็น 23,595 ล้านบาท ในเดือน มกราคม 2559
ทั้งนี้ NPL ส่วนใหญ่เป็นสินเชื่อรายย่อยที่มีมาแต่เดิมทางภาคใต้ ซึ่งทำธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ที่โยงกับพืชผลการเกษตร ซึ่งได้รับผลกระทบจากราคายางพาราตกต่ำ อย่างไรก็ดี ลูกหนี้เหล่านี้ยังประกอบกิจการอยู่ กอปรกับรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือไม่ให้ราคายางตกต่ำ ธนาคารจึงเชื่อว่าจะช่วยพยุงฐานะลูกหนี้ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้ให้กลับมาเป็นลูกหนี้ปกติได้ในอนาคต อีกทั้งมีนโยบายจะขาย NPLs ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้แล้วอีกจำนวนหนึ่งในปี 2559 ด้วย
นอกเหนือจากนี้ยังคณะกรรมการธนาคารยึดหลักความระมัดระวังและได้ประมาณการอย่างสมเหตุสมผล คงส่วนหนึ่งเงินสำรอง FRCDไว้เป็นสำรอง FRCD ตามเดิม และอีกส่วนหนึ่งจะโอนเข้าเป็นสำรองส่วนเกิน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างฐานะของธนาคารให้มีความมั่นคงมากขึ้น
ขณะเดียวกันคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ยังให้ความสำคัญการสอบสวนความผิดกฎเกณฑ์ของพนักงานธนาคารให้เสร็จสิ้น ธนาคารจึงได้จัดให้มีกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน ประกอบด้วยคณะกรรมการหลายชุด และได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกเข้าร่วมเป็นกรรมการด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ขณะนี้ธนาคารได้เร่งรัดการสอบสวนให้แล้วเสร็จ เชื่อว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะสามารถดำเนินการได้เกือบครบทุกเรื่อง