วช.ผนึกพลังงานผุดตลาด5-27มี.ค.
“เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้”
กระทรวงพลังงานผนึกวช.รับหน้าที่เปิดตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ใต้แนวคิด “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้” วันที่ 5 – 27 มี.ค. 2559 สนองนโยบายนายกรัฐมนตรีที่มุ่งหวังช่วยเหลือผู้ประกอบการ เกษตรกร และผู้ประกอบการรายย่อยเอสเอ็มอี ในการจำหน่ายสินค้าชุมชนและสินค้าเกษตร เป็นตลาดที่ 16 หลัง ปี 2558 จัดไปแล้ว 13 ตลาด วช.เตรียมนำผลงานวิจัยดาวเด่นและงานวิจัยขายได้นำเสนอกว่า 100 รายการ ส่วนกระทรวงพลังงานเตรียมพาชม ช้อป ชิม เพลินกับนวัตกรรมด้านพลังงานและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลังงาน รวมเครื่องไฟฟ้าราคาพิเศษ
นางสาวเรณู ตังคจิวางกูร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ในฐานะประธานกรรมการดำเนินโครงการตลาดคลองผดุงกรุงเกษมพร้อมด้วย นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงานและนางสาวสุกัญญา ธีระกูรณ์เลิศ รองเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.)รักษาราชการแทนเลขาธิการคระกรรมการวิจัยแห่งชาติ เตรียมจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ภายใต้แนวคิด “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้” ระหว่างวันที่ 5 – 27 มีนาคม 2559 เวลา 10.00 – 19.00 น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการวันที่ 8 มีนาคม 2559 เวลา 16.00 น. โดยพลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธี
นางสาวเรณูกล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่เดือนมีนาคมนี้จะมีอีกตลาดหนึ่งเป็นตลาดที่ 16 หลังจากในปี 2558 ที่ผ่านมามีจำนวน 13 ตลาด ส่วนที่เพิ่งผ่านพ้นไปในเดือนมกราคมเป็นตลาดของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ส่วนเดือนกุมภาพันธ์เป็นตลาดของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมียอดขาย 38.4 ล้านบาท มีผู้เข้าชมงาน 152,786 คน เมื่อรวมกับรายได้ทั้งหมดของปี 2558 นับว่า มียอดจำหน่ายของตลาดคลองผดุงกรุงเกษมทั้งสิ้น 1,046.5 ล้านบาทเป็นรายได้สู่ชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อย เชื่อว่า ตลาดพลังงานครั้งนี้คงจะมีรายได้ไม่น้อยกว่าที่ผ่านมา
ตลาดคลองผดุงกรุงเกษมเกิดขึ้นจากดำริของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการจะช่วยเหลือผู้ประกอบการ เกษตรกร ผู้ประกอบการรายย่อยเอสเอ็มอี ในการจำหน่ายสินค้าชุมชน สินค้าเกษตรผ่านทางกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งกระทรวงต่าง ๆ จะนำเสนอภารกิจและผลงานของกระทรวง ตลาดเป็นการจัดงาน โดยมีหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ร่วมมือกับผู้ประกอบการรายย่อยหมุนเวียนกันมาจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คุณภาพดีและราคาย่อมเยาว์พร้อมจัดแสดงกิจกรรมต่าง ๆ และฝึกอาชีพที่น่าสนใจให้แก่ประชาชนฟรีอีกด้วย
ทั้งนี้ใน 7 วันแรก วันที่ 5-12 มีนาคม บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ มีสินค้าดี สินค้าดังประมาณ 24 บูธ มีฝั่งสินค้าโอท็อปและฝั่งสินค้าของเอสเอ็มอี จากนั้นวันที่ 13-27 มีนาคม มี 20 บูธด้านสะพานมัฆวานรังสรรค์ จะเป็นมหกรรมสินค้าปลอดภัยจากปศุสัตว์กลุ่มภาคกลาง จากจ.สระแก้ว สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรีและนครนายก มีเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์มาจำหน่าย อาทิ ไส้กรอก ไข่เค็ม กลุ่มสมุนไพร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่สำคัญจ.เหล่านี้จะมีผลไม้มาจำหน่ายด้วยเช่น มะม่วงรสชาติดีมีชื่อ ของจ.ฉะเชิงเทรา เป็นต้น
ด้านนายอารีพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงานกล่าวว่า กระทรวงพลังงานพร้อมหน่วยงานในสังกัด อาทิ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยหน่วยงานองค์กรพันธมิตรภาคพลังงาน ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ที่มีชื่อเสียงจากทั่วภูมิภาคโดยความร่วมมือของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกันจัดงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ภายใต้แนวคิด “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้”
กิจกรรมในงานมีทั้งกิจกรรมองค์ความรู้ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลังงาน สินค้าชุมชนมาจัดแสดงและจำหน่ายในราคาถูกกว่าท้องตลาด พร้อมกิจกรรมนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงาน เช่น เครื่องกรองน้ำพลังงานแสงอาทิตย์และปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ รวมถึงกิจกรรมสันทนาการ มีเวทีให้คำปรึกษาแนะนำช่องทางสำหรับผู้ที่สนใจประกอบกิจการพลังงาน เช่น การลงทุนโครงการ Waste to energy แบบครบวงจร โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนด้วยเงินทุนหมุนเวียน (ESCO Revolving Fund) รวมถึงการจับคู่ธุรกิจพลังงาน และการต่อยอดงานวิจัยให้เป็นธุรกิจทำเงิน
นางสาวสุกัญญา รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติกล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ร่วมจัดงานกับกระทรวงพลังงาน โดยวช.จะนำผลงานวิจัยมานำเสนอมากกว่า 100 ผลงาน ซึ่งงานวิจัยสร้างไทยยั่งยืน มีกิจกรรม ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมต่าง ๆ แบ่งเป็น 3 โซน ได้แก่ “งานวิจัยดาวเด่น” เป็นผลงานที่โดดเด่น ผลงานวิชาการที่ไปสู่เชิงพาณิชย์ได้ สร้างมูลค่าได้มาก รวมเรื่องของสมุนไพรและสุขภาพ และส่วนของ “งานวิจัยขายได้” ที่นำสู่เชิงพาณิชย์ได้ เช่น นมแพะ นมกระบือ และมีผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย เช่น ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ชาบำรุงสุขภาพ โนนิผสมถั่งเช่า นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยชุมชน เช่น หญ้าแฝก เส้นใยลูกตาล ลูกหมุน การเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้งและการแปรรูป
ขณะเดียวกันยังมีการฝึกอาชีพเพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้การวิจัยนำไปสู่การเพิ่มช่องทางขยายโอกาสงานวิจัยไปสู่การค้าเชิงพาณิชย์ต่อไปทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น การทำผลิตภัณฑ์จากเนคไท ข้าวตอกหอมที่มาเพิ่มมูลค่าให้มีกลิ่นหอม เป็นผลิตภัณฑ์สปา
“มางานนี้จะได้ช้อปงานวิจัยที่ดี ผ่านกระบวนการแล้ว นำมาเพิ่มมูลค่าได้ ได้ความรู้จากการฝึกอบรม ได้เห็นเทคโนโลยีอาจสนใจจับคู่ธุรกิจ หรือนำผลิตภัณฑ์เพื่อไปขายได้ในราคาถูก เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน เช่น ปลาร้าผง ปลาร้าแห้ง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากงานวิจัย สามารถแพ็คเกจส่งไปต่างประเทศได้
เชิญชวนประชาชน พี่น้อง นักเรียนนักศึกษา ผู้สนใจ ผู้ประกอบการ มาชมงาน มาเที่ยวร้อยงานวิจัย สร้างไทยยั่งยืน ทุกวันระหว่าง 5-27 มีนาคม 2559 ตั้งแต่เวลา 9.30น.-19.00น. ฟรี มาช้อปมาชิมได้ซื้อของถูกของดี”
ตัวอย่างผลผลิตจากงานวิจัยที่จะนำมาโชว์ในตลาด “เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้”
นายกรัฐมนตรีชมผลงานก่อนใคร
สาวน้อยเสิร์ฟเครื่องดื่มหลายสูตร ทั้งน้ำสมุนไพร นมและน้ำดอกเข็ม