เปิด ‘ดีแทค แอคเซอเลอเรทปี4’
ชูเบอร์1 ‘บ่มเพาะสตาร์ทอัพไทย’
ดีแทคเปิดโครงการ “ดีแทค แอคเซอเลอเรท” ปี 4 จัดเต็มติดอาวุธให้สตาร์ทอัพครบวงจร ชูจุดเด่นเป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพเบอร์ 1 ของไทยกับหลักสูตรระดับโลก ได้เรียนรู้จากกูรูแถวหน้าจากซิลิคอน วัลเล่ย์ เพิ่มความเข้มข้นด้วยเมนเทอร์สตาร์ทอัพชื่อดังในไทยเป็นพี่เลี้ยงโค้ชชิ่งใกล้ชิด ร่วมเป็นพันธมิตรกับสตาร์ทอัพจากดิจิ มาเลเซีย และเทเลนอร์ เมียนมา ที่จะส่งทีมเข้าร่วมอบรมบูธแคมป์ตลอด 4 เดือนเพื่อต่อยอดขยายการเติบโตธุรกิจสู่ตลาด AEC พร้อมให้พื้นที่ HANGAR Coworking Space ทำงานได้ฟรีตลอดปีหลังเข้าโครงการ
นายแอนดริว กวาลเซท รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม Strategyและ Innovation บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็สคอมมูนิเคชั่น จำกัด มหาชน หรือดีแทค(ขวา) กล่าวว่า ดีแทคกำลังก้าวสู่การเป็นผู้ให้บริการดิจิทัล (Digital Service Operator) นอกจากเป้าหมายนี้แล้ว ดีแทคยังมีพันธกิจสำคัญ ที่จะช่วยสนับสนุนรัฐบาล ปฏิรูปประเทศไทยเพื่อก้าวเข้าสู่ดิจิทัลไทยแลนด์ ให้ไทยขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ด้วยเป้าหมายในการนำนวัตกรรม ความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยี มาใช้ในภาคผลิต ภาคบริการในทุกอุตสาหกรรม และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SMEs ทั้งในภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีแผนงาน การเพิ่มขีดความสามารถของภาคธุรกิจ เร่งสร้างบ่มเพาะผู้ประกอบการธุรกิจดิจิทัล ซึ่งดีแทคในฐานะภาคเอกชนพร้อมที่จะช่วยภาครัฐเสริมสร้างความเข้มแข็งของผู้ประกอบการได้ดำเนินธุรกิจบนฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม เพื่อสังคมและระบบเศรษฐกิจฐานราก ให้เติบโต เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้โครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท นับเป็นหนึ่งในระบบ Ecosystem ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยบ่มเพาะสตาร์ทอัพไทยให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ ส่งเสริมให้เข้าถึงแหล่งทุน สร้างความเข้มแข็ง เกิดพลังในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจและสังคม อย่างมั่นคง และยั่งยืน ให้กับประเทศ นอกจากนี้ดีแทคยังได้ร่วมช่วยผนึกกำลังกับภาครัฐ ภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในการเพิ่มศักยภาพสตาร์อัพไปสู่ความสำเร็จ ในรูปแบบต่างๆ และผลักดันนโยบายส่งเสริมสตาร์ทอัพและสร้างเวทีให้ผู้ประกอบการไทยได้แสดงศักยภาพ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้สตาร์ทอัพไทยเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของประเทศชาติต่อไป
“ในธุรกิจสตาร์ทอัพ มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีสถิติที่น่าสนใจเกิดขึ้นในปี 2558 มีการลงทุนในกลุ่มสตาร์ทอัพไทยประมาณ 35 – 40 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 1,260 – 1,440 ล้านบาท ด้วยดีลในการร่วมลงทุนในธุรกิจกว่า20 ดีล และยังมีอีกหลายดีลที่ไม่เปิดเผย รวมทั้งหมดแล้วคาดการณ์มูลค่าในการลงทุนประมาณ 50 ล้านเหรียญ หรือ 1800 ล้านบาท ดีแทคเล็งเห็นถึงการเติบโตในธุรกิจสตาร์ทอัพ จึงได้ให้ความสำคัญและทุ่มเทใน Startup Ecosystem ด้วยการก่อตั้งโครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2559 ดีแทค แอคเซอเลอเรท ตั้งเป้าหมายสูงสุดที่จะยกระดับ ดีแทค แอคเซอเลอเรท สู่เวทีสตาร์ทอัพโลก เส้นทางของดีแทค แอคเซอเลอเรท เติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนเข้าปีที่ 4 เราเป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพ เบอร์ 1 ของประเทศไทย จากบทพิสูจน์ผลงานการสร้างธุรกิจแบบโตเร็ว ให้กับทีมที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 11 ทีม ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จนประสบความสำเร็จในธุรกิจ และสามารถขยายสเกลสู่ตลาดต่างประเทศ”
ด้านนายสมโภชน์ จันทร์สมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมธุรกิจและดีแทค แอคเซอเลอเรท (บนซ้าย)กล่าวว่า “เรากำลังมองเห็นแนวโน้มแอพพลิเคชั่นดาวรุ่งปีนี้และในอีก 2-3 ปีข้างหน้าอย่างFINTECH ที่ร้อนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ HealthTech ก็กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก อันเนื่องมาจากโลกกำลังเข้าสู่ สังคมผู้สูงอายุ และมีอุปกรณ์และซอฟแวร์ ที่มีความฉลาดล้ำเข้ามาเสริม ในขณะที่ EdTech ก็เป็นแอพที่จะช่วยพัฒนาการศึกษาให้ทุกคนได้เข้าถึงข้อมูลอย่างเท่าเทียม และช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
การขยายโครงข่าย 4G ให้ครอบคลุมพื้นที่การใช้งาน ทำให้ความนิยมในการเข้าไปดูวิดีโอ สตรีมมิ่ง มากขึ้นทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และ VR Technology หรือ เทคโนโลยีเสมือนจริง ก็กำลังถูกเอามาทำในเชิงพานิชย์มากขึ้นต่อไปนับจากปีนี้และปีต่อๆไป สำหรับ IOT หรือ Internet of Thing และอุปกรณ์ เครื่องจักร เครื่องยนต์ต่างๆ ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับ AgriTech ที่กำลังเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่กำลังมาเป็นแนวโน้มในอนาคต แนวโน้มดังกล่าวกำลังนำไปสู่โอกาสของสตาร์ทอัพไทย”
สำหรับในปี 2558 ที่ผ่านมา สิ่งที่ดีแทค แอคเซอเลอเรท ประสบความสำเร็จ เช่น
· สตาร์ทอัพภายใต้โครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท โตขึ้น 3-15 เท่า ด้วยมูลค่าประมาณ 1 พันล้านบาท
· สตาร์ทอัพในโครงการดีแทค แอคเซอเลอเรท 70%ได้รับเงินลงทุน ในขณะที่สตาร์ทอัพในตลาดได้รับเงินลงทุนเฉลี่ยเพียง 20%
· 3 ใน 6 ทีม ดีแทค แอคเซอเลอเรท ได้รับการลงทุนจาก VC ในช่วงของการเข้าร่วมบูธแคมป์ตั้งแต่ 4 เดือนแรกที่ร่วมโครงการ
· ดีแทค แอคเซอเลอเรท 4 – 5 ทีม ติดอันดับท็อปเทน จากหลายสื่อๆที่จัดอันดับสตาร์ทอัพที่มีชื่อเสียงในเมืองไทย
· 500 TukTuks ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในระดับโลก และมีความเคลื่อนไหวมากที่สุด มีพอร์ตการลงทุนถึง 50 %ในครอบครัวดีแทค แอคเซลเลอเรท
· เคลมดิ (ClaimDi) ซอฟต์แวร์ที่ปฏิวัติวงการประกันภัยระดับโลก สามารถระดมทุนจากนักลงทุนระดับโลก ในรอบซีรียส์เอ เป็นเงินทั้งสิ้น 2 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าของบริษัทสูงถึง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตขึ้น 15 เท่าภายในระยะเวลาแค่ 12 เดือนหลังจบโครงการไปและถือเป็นการลงทุนในระดับซีรียส์เอที่สูงที่สุดในวงการสตาร์ทอัพไทย ที่เป็นบริษัทของคนไทย 100% และยังจดทะเบียนในไทยที่มีการระดมทุนสร้างมูลค่าบริษัทที่สูงที่สุด และล่าสุดได้รับการจัดอันดับให้ติด Top 10 ของโลกทางด้านStartup ในสายธุรกิจ Insurance หรือ Top10 InsureTechของโลก
· ทีม GizTix เป็นทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ Winner award และ Z my Home ติด 1 ใน 5 ในงาน เอชลอน ประเทศไทย 2558 (Echelon Thailand 2015)
· Take Me Tour ได้รับการยกย่องจาก e27 ให้ติด 1 ใน 5แอพ TravelTech ในเอเชีย
· SKOOTAR เป็นสตาร์ทอัพหน้าใหม่ของปี 2558 จากการจัดอันดับในประเทศไทย
ส่วนโอกาสและรางวัลที่สตาร์ทอัพจะได้รับจากการเข้าร่วมดีแทค แอคเซอเลอเรท มีดังนี้
1. เป็นโครงการบ่มเพาะสตาร์ทอัพที่ต่อเนื่องและดีที่สุดในประเทศไทย ด้วยความแข็งแรงของหลักสูตรการสอนในบูธแคมป์ระดับโลก จากกูรูแถวหน้า ซิลิคอน วัลเล่ย์ ที่บินมาสอน และแนะนำเป็นโค้ชอย่างใกล้ชิดแบบตัวต่อตัวกับสตาร์ทอัพ
2. ลงทุนในทีมที่มีความสามารถเข้าร่วมโครงการถึง 10 ล้านบาท และช่วยสนับสนุน การทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ รวมมูลค่าถึง 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากปีที่แล้ว
3. มีเมนเทอร์สตาร์ทอัพปรมาจารย์ระดับสุดยอด และเป็นที่ยอมรับในวงการสตาร์ทอัพไทย เช่น คุณอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลน์ ประเทศไทย คุณหมู ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง อุ๊คบี คุณป้อม ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ซีอีโอ ตลาดดอทคอม คุณแจ็ค กิตตินันท์ อนุพันธ์ ซีอีโอ และผู้ก่อตั้งเคลมดิ คุณโบ๊ท ไผท ผดุงถิ่น ซีอีโอ Builk และ ที่ขาดไม่ได้คือคุณทิวา ยอร์ค ซีอีโอ ของ KaiDee ที่สำคัญเป็น mentor ผู้ปั้น 2 ทีมชนะเลิศใน batch ที่แล้วอีกด้วย
4. ร่วมเป็นพันธมิตรกับ ดิจิ มาเลเซีย และเทเลนอร์ เมียนมา โดยเปิดโอกาสให้ทีมจากดิจิ และ เทเลเนอร์ เมียนมาเข้าร่วม อบรมบูธแคมป์ในประเทศไทยตลอด 4 เดือน ผลที่คาดว่าจะได้จากความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศในครั้งนี้ จะทำให้สตาร์ทอัพสามารถทำตลาดไปในลูกค้าของทั้งสองประเทศได้ ในขณะที่สตาร์ทอัพไทยสามารถขยายตลาดได้อย่างรวดเร็ว และทีมจากดิจิ และเทเลนอร์ เมียนมา ก็ได้เรียนรู้จากสตาร์ทอัพไทยด้วย
5. เป็นพันธมิตรกับ Disrupt University ซึ่งเป็นเอ็กซ์คลูซีฟพาร์ทเนอร์ ของ 500 สตาร์ทอัพจากซิลิคอน วัลเล่ย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 3ของสตาร์ทอัพแคมป์ระดับโลก
6. เป็นพันธมิตรกับ แบล็คบ็อกซ์ BlackBox ซึ่งเป็นบูธแคมป์ที่ได้รับความนิยมท๊อป 5 สูงสุดจากสตาร์ทอัพทั่วโลก ที่ต้องการรับความรู้และประสบการณ์การทำธุรกิจสตาร์ทอัพโดยตรงที่ซิลิคอน วัลเล่ย์ โดยส่งทีมที่ชนะเลิศ ที่มีความสามารถเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ และมีไอเดียที่ดีที่สุดจากประเทศไทยไปเรียนรู้ และได้ทำความรู้จักกับ เจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และนักลงทุนผู้มากด้วยประสบการณ์ และแหล่งของทรัพยากรที่จะเร่งให้ประสบความสำเร็จขยายต่อไปในระดับโลก
7. เป็นพันธมิตรกับ เทเลนอร์ ดิจิทัล วินเนอร์ ซึ่งเป็นโอกาสของสตาร์ทอัพที่จะได้ไปนำเสนอแผนธุรกิจกับนักลงทุนใหญ่ระดับโลก เช่น อินเทล เว็นเจอร์ แคปปิตอล ในนอร์เวย์”
ดีแทค แอคเซอเลอเรท batch 4 เปิดรับสมัครผลงานตั้งแต่วันที่4 มีนาคม – 17 เมษายน 2559 ผู้ที่สนใจสามารถส่งผลงานนำเสนอแนวคิด แผนการดำเนินงาน วิธีการใช้งาน การสร้างรายได้ กลุ่มเป้าหมาย ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ หรือเข้ามาดูรายละเอียดและกรอกใบสมัครได้ที่ http://accelerate.dtac.co.th/
พบกิจกรรมพิเศษ Pitch Clinic ให้คำแนะนำในการเตรียม proposalในวันที่ 3 เมษายน 2559 โดยจะมีการคัดเลือกผลงาน 20 ทีมที่ผ่านรอบแรก ในวันที่ 22 เมษายน 2559 หลังจากนั้นจัดนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการเพื่อคัดทีมที่ได้เข้าสู่ Intensive Bootcamp (Pitch day) ในวันที่ 27 เมษายน 2559 และจะเริ่มคอร์สอบรม Intensive Bootcamp ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม –สิงหาคม 2559 และนำเสนอผลงานรอบสุดท้ายประกาศผลในวัน Demo day ในเดือนสิงหาคม 2559 นี้