สกว.รับลูกนายกฯดันเอสเอ็มอี
โรดโชว์สินค้าเมืองทอง-โอมาน
ฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. รับลูกนายกรัฐมนตรี มุ่งช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงเกษตรกรและชาวบ้าน หาวิธีสร้างมูลค่าเพิ่มและกระจายรายได้สู่ชุมชน ระบุ โครงการ Innovative House สกว. เดือนม.ค.ร่วมกับสวทช.ขยายผลหนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพSMEs กลุ่มอุตฯอาหารและที่เกี่ยวข้อง พร้อมจัดทีมโรดโชว์งานแสดงสินค้าในงาน Thai Fex 2016 เดือนพฤษภาคมที่เมืองทองธานี และที่ Thai Trade Exhibition OMAN 2016 ใน โอมาน ชี้สินค้าเพื่อสุขภาพและความงามมาแรงสุด
รศ. ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ รองผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมงาน“เพลินพลังงาน งานวิจัยขายได้” ณ ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม และพูดคุยกับผู้ประกอบการที่นำสินค้ามาจำหน่ายในงานด้วยความสนใจ รวมทั้งเยี่ยมชมบูธของ สกว. ซึ่งมีผลิตภัณฑ์จากงานวิจัยภายใต้โครงการ Innovative House มาจำหน่ายด้วย นายกรัฐมนตรีได้สอบถามผู้บริหาร สกว. เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ พร้อมกับเน้นย้ำให้ สกว.และผู้ประกอบการช่วยกันคิดหาวิธีสร้างมูลค่าเพิ่มและกระจายรายได้สู่ชุมชน
ในโอกาสนี้ นายวรกร เลาหเสรีกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟาร์มคิดดี จำกัด หนึ่งในผู้ประกอบการของ สกว. ได้รายงานนายกรัฐมนตรีเรื่องการรวมตัวของผู้ประกอบการในกลุ่มคลัสเตอร์ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ประกอบการกว่า 200 บริษัท เข้าร่วมเป็นสมาชิกในโครงการ Innovative House ซึ่งนายกรัฐมนตรีขอให้ สกว. และผู้ประกอบการทำวิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนากระบวนการผลิต หรือต่อยอดผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีคุณภาพออกสู่ตลาดทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนสอบถามเรื่องการขยายเครือข่ายไปยังกลุ่มเกษตรกรในฐานะผู้ผลิตวัตถุดิบและชาวบ้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเหลือเกษตรกรและชาวบ้านอย่างแท้จริง
รองผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. กล่าวว่า โครงการ Innovative House ได้ดำเนินงานมาแล้วเกือบ 10 ปี มีผลงานการสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะ SMEs หลายร้อยราย สร้างผลงานภายใต้แนวคิด “วิจัยได้ ขายจริง” เป็นที่ประจักษ์ จนได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยล่าสุด สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ร่วมมือกับ สกว. ขยายผลการดำเนินงานของ Innovative House โดยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในโครงการ “การสนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลางในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง” เมื่อเดือนมกราคม2559ที่ผ่านมา
ทั้งนี้จากการจัดเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่มาร่วมงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษม พบว่า มีหลายรายให้ความสนใจติดต่อขอเข้าร่วมโครงการกับ สกว. จนถึงขณะนี้มีผู้ประกอบการเสนอโจทย์วิจัยมาจำนวน 107 โครงการ แต่สนับสนุนได้เพียง 100 โครงการเท่านั้น ตามกรอบงบประมาณที่จัดสรรไว้ ซึ่งงานบางส่วนได้ดำเนินการพัฒนาไปบ้างแล้ว และในปีหน้าทุกโครงการจะดำเนินงานแล้วเสร็จโดยจะต้องได้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถจำหน่ายได้จริง ซึ่งเป็นผลจากการวิจัยและพัฒนา
ผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งจะนำไปจัดแสดงในงาน Thai Trade Exhibition OMAN 2016 ระหว่างวันที่ 9-13 พฤษภาคม 2559 ณ โอมานอินเตอร์เนชันแนลเซ็นเตอร์ กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ซึ่งจะคัดเลือกผู้ประกอบการไทยไปแสดงสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าสุขภาพความงาม และการบริการด้านการแพทย์และโรงพยาบาล สปาและการผ่อนคลาย ให้ผู้เข้าร่วมงานจากทั่วภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งมีกำลังซื้อสูง รวมถึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้เลือกชมสินค้า นอกจากนี้ยังมีงาน Thai Fex ระหว่างวันที่ 25-29 พฤษภาคม 2559 ณ ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี
รศ. ดร.พงศ์พันธ์ระบุว่า สกว.มุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในการสนับสนุนทุนวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับการวางแผนธุรกิจเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอี รวมถึงผลักดันธุรกิจให้ดำเนินไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยจะมองจากฐานการผลิตเป็นหลักว่ามีวัตถุดิบประเภทใดบ้าง สามารถผลิตเป็นสินค้าใดได้บ้าง และเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นสกว. ได้ร่วมมือกับกลุ่มคลัสเตอร์ผู้ประกอบการ Innovative House ในการให้คำแนะนำในเรื่องของการทำ Package design และยังร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆในการเปิดช่องทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศให้กับผู้ประกอบการตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของเอสเอ็มอีอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดเส้นทางน้ำ โดยยังคงตราสัญลักษณ์บ้านแห่งนวัตกรรมหรือ Innovative House ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผลงานที่ผ่านการวิจัยและพัฒนาอย่างเป็นระบบ อีกทั้งเป็นที่จดจำของผู้ประกอบการและผู้บริโภคในปัจจุบัน
“ฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. กำลังทำโครงการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จากผลงานวิจัยและสำรวจข้อมูลทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ในงาน Thai Fex 2016 ซึ่งจะจัดขึ้น โดยปีนี้จะเพิ่มพื้นที่การจัดแสดงเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาร่วมงานอย่างล้นหลาม ซึ่ง สกว.จะนำผลิตภัณฑ์จากกระบวนการวิจัยมาจัดแสดงภายในงานด้วย แนวโน้มพบว่ากลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ให้ความสนใจต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพและเสริมความงาม รวมทั้งสินค้าที่ผลิตและแปรรูปจากวัสดุธรรมชาติ เราจึงประชาสัมพันธ์รับสมัครผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิกคลัสเตอร์ที่สนใจจะเข้าร่วมงาน แต่เนื่องจากข้อจำกัดของพื้นที่ จึงสามารถรองรับผู้ประกอบการที่มีความพร้อมด้านการผลิตและเข้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์แล้วสนใจเข้าร่วมงานทั้งสิ้น 11 ราย” รศ. ดร.พงศ์พันธ์กล่าวทิ้งท้าย